วิษณุ เครืองาม ตอบคำถามประเด็นการทูลเกล้าฯชื่อนายกฯ แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือการอธิบายหลักการมี 'ผู้รับสนองพระราชโองการ' ชี้หากมีอะไรเกิดขึ้นจะเป็นผู้ที่รับผิดชอบ แม้การโปรดเกล้าฯเป็นพระราชอำนาจ

จากกรณีวานนี้ (13 มิ.ย.) วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงประเด็น การทูลเกล้าฯชื่อนายกฯ ความรับผิดชอบและผู้รับสนองพระราชโองการไว้น่าสนใจ ซึ่ง รองนายกฯ กล่าวว่า เรื่องโปรดเกล้าฯเป็นพระราชอำนาจ เราก็ไม่ต้องไปสงสัยอะไรแล้ว แต่เราต้องกราบบังคมทูลขึ้นไปว่าเกิดอะไรขึ้น และผู้ที่รับผิดชอบหากมีอะไรเกิดขึ้นคือผู้รับสนองพระราชโองการ กรณีเสนอชื่อนายกฯก็คือประธานรัฐสภาไม่เช่นนั้นจะรับสนองทำไม การรับสนองคือการรับผิดชอบแทน เพราะสิ่งที่ทูลเกล้าฯไปต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้องตรวจสอบเรียบร้อยแล้วก็ต้องรับผิดชอบอย่างนั้น เหมือนกับสมัยก่อนโหวต พล.อ.อ.สมบูรณ์ ระหงส์ เป็นนายกฯ แต่ อาทิตย์ อุไรรัตน์ ประธานรัฐสภาสมัยนั้นไปเสนอชื่อ อานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกฯ อาทิตย์ ก็รับผิดชอบไป ฉะนั้นประธานรัฐสภาฯก็ต้องดูแลให้ถูกต้องให้ดี ถ้าจะเบรกอะไรก็เบรกในชั้นประธานรัฐสภาฯ

นอกจากนี้ วิษณุ ยังตอบคำถามที่ว่าหากนักการเมืองใดถูกฟ้องร้องดำเนินคดีแล้วได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด จะสามารถนำรายชื่อดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯได้หรือไม่ ว่า ปกติการจะแต่งตั้งตำแหน่งใดก็ตามเป็นพระราชอำนาจ กรณีแต่งตั้งข้าราชการประจำ ผู้พิพากษา อัยการ อธิบดี หรือการขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ได้มีข้อตกลงกับสำนักพระราชวังมา 2-3 ปีแล้วให้ตรวจเข้มงวดกวดขัน ถ้ามี ก็ให้กราบบังคมทูลขึ้นไปว่ามีเหตุอย่างนี้อยู่ ส่วนจะโปรดเกล้าฯ อย่างไรก็แล้วแต่ คำตอบนี้เป็นคำตอบเดียวกัน

(ที่มา : PPTV)

อย่างไรก็ตามไม่เพียงแค่ประเด็นเสนอชื่อนายกฯ ประเด็นตั้ง/ปลดทหาร-ข้าราชการในพระองค์ พระราชทานเครื่องราชฯ ตั้งสมณศักดิ์พระ จัดการทรัพย์สินฯ โครงการราชทัณฑ์ปันสุขฯ สถาปนาและถอดเจ้าคุณพระฯ จนถึงจุดยืนทางการเมือง ตั้งแต่ปี 60 ถึง ก.ย.2564 นั้นจากการสำรวจมีพระบรมราชโองการอย่างน้อย 112 ฉบับที่ไม่มีผู้รับสนองฯ โดยเฉพาะนับตั้งแต่ 10 พ.ค. 60 ที่ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้