Skip to main content
sharethis

ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องคดีทำร้ายร่างกายเอกชัย หงส์กังวาน ชี้ ผู้เสียหายให้การขัดแย้ง ภาพสเก็ตช์ไม่คล้าย มีผู้เสียหายเป็นพยานคนเดียว นำสืบยังมีข้อสงสัย ด้านเอกชัยระบุ ผิดหวังกับคำพิพากษา แจง 5 ความผิดปกติ เดินหน้าอุทธรณ์ต่อ

เสื้อสีแดง: เอกชัย หงส์กังวาน (ที่มา: banrasdr photo) 

17 ก.พ. 2563 ศาลอาญา ถ.รัชดา นัดฟังคำพิพากษาที่เอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมทางการเมืองถูกทำร้ายร่างกายเมื่อ 22 ส.ค. 2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกำธร ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายรับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33 83 และ 297

ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า รวมสถิติลอบกัดเอกชัย หงส์กังวาน

โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) รายงานคำวพิพากษาของศาลว่า ศาลได้ยกฟ้อง เนื่องจากโจทก์มีผู้เสียหาย (เอกชัย) เป็นประจักษ์พยานคนเดียว ข้อเท็จจริงจะต้องรับฟังด้วยความระมัดระวัง โจทก์นำสืบยังคงมีข้อพิรุธ จึงยกประโยชน์ให้จำเลย ในรายละเอียดนั้น ผู้เสียหายยืนยันว่า ในวันเกิดเหตุ ระหว่างที่เดินอยู่ในซอยลาดพร้าว 109 คนร้ายคนที่หนึ่งได้ขับรถพุ่งเข้าชน จากนั้นถอดหมวกกันน็อกออก และฟาดเข้าที่ผู้เสียหาย แต่ว่าผู้เสียหายหลบทัน จากนั้นคนร้ายคนที่สามนำไม้หน้าสามตีผู้เสียหายประมาณ 4-5 ครั้งก่อนไม้จะหลุดมือ เมื่อผู้เสียหายเห็นเช่นนั้นจึงวิ่งไปแย่งไม้ไว้ ซึ่งไม้ถูกนำส่งเป็นหลักฐานในคดี

ผู้เสียหายเบิกความว่า ก่อนจะถูกรุมทำร้าย เขาได้เดินผ่านอู่ซ่อมรถและสังเกตเห็นจักรยานยนต์สองคนจอดอยู่บริเวณดังกล่าว คนร้ายคนที่หนึ่ง หรือจำเลยในคดีนี้ไม่ได้สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า โดยได้มองและยิ้มให้ผู้เสียหายแบบแปลกๆ ห่างกันประมาณ 4 เมตร มีผู้ชายรูปร่างอ้วนอีกคนหนึ่งคร่อมรถจักรยานยนต์อยู่จึงเป็นโอกาสให้เห็นหน้าจำเลยก่อนเกิดเหตุ

เมื่อพิจารณาประกับกับบันทึกวิดีโอจากกล้องวงจรปิด เห็นว่าขณะที่ผู้เสียหายเดินผ่านไปในบริเวณที่อ้างถึงนั้น เป็นการเดินผ่านไปอย่างปกติ ไม่ได้หันหน้ากลับไปมอง รวมทั้งภาพนั้นสามารถเห็นเพียงด้านหลังของชายที่นั่งคร่อมจักรยานยนต์อยู่ จึงเห็นว่าการให้การของผู้เสียหายนั้นมีความขัดแย้ง ต้องรับฟังอย่างระมัดระวัง

ผู้เสียหายยังเบิกความด้วยว่า ในตอนที่คนร้ายคนที่หนึ่งพุ่งชนผู้เสียหาย จำเลยได้ใส่หมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า จากนั้นจึงถอดหมวกมาเพื่อใช้ฟาด จึงไม่น่าเชื่อว่าตามวิสัยของผู้กระทำความผิดที่จะปกปิดตัวตน จะถอดหมวกออกจริงหรือถอดออกโดยไม่มีเหตุผลพิเศษ จึงเห็นว่าคำเบิกความของผู้เสียหายมีพิรุธ ไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือได้ แม้ผู้เสียหายจะให้การในชั้นสอบสวนและให้ข้อมูลจนออกมาเป็นภาพสเก็ตช์ได้ แต่ก็ยังไม่มีส่วนละม้ายคล้ายคลึงกับจำเลย

โพสท์ทูเดย์รายงานว่า เอกชัยได้ให้สัมภาษณ์หลังฟังคำพิพากษาเสร็จ โดยยืนยันว่าจำหน้าจำเลยได้และภาพสเก็ตช์คล้ายคนร้าย และจะยื่นอุทธรณ์ต่อไป

เอกชัยโพสท์ลงในเฟสบุ๊คส่วนตัว โดยระบุว่าผิดหวังต่อคำพิพากษายกฟ้อง โดยอ้างหลักฐานไม่เพียงพอ พร้อมยกเหตุผล 5 ประการ ดังนี้

หนึ่ง จำเลยให้การในชั้นสอบสวนในวันที่ทำร้ายร่างกายยว่าพาลูกสาววัย 4 ขวบไปฉีดวัคซีนที่สถานีอนามัย แต่กลับคำให้การในชั้นศาล โดยอ้างว่าวันดังกล่าวอยู่บ้านเพื่อดูแลยาย

สอง จำเลยอ้างว่ายายเป็นโรคเก๊าท์รุนแรงจนไม่สามารถเดินออกจากบ้าน จึงต้องดูแลยายในวันนั้น (เดือน ส.ค. 2561) แต่วันที่เดินทางไปยัง สน.ลาดพร้าว เพื่อชี้ตัว (เดือน ก.พ. 2562) ยายของเขาเดินทางไปยัง สน.ลาดพร้าว พร้อมอุ้มลูกสาวของจำเลย

สาม จำเลยอ้างว่าทำงานเป็นจักรยานยนต์รับจ้างแถวห้วยขวาง โดยวันดังกล่าวทำงานช่วงเวลา 7.00-10.00 น. ขณะที่ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ด้านหน้า Tyre Plus (ซ.ลาดพร้าว 107) แสดงให้เห็นว่าจำเลยอยู่สถานที่ดังกล่าวในเวลา 11.00 น. หากเลิกงานเวลา 10.00 น. จำเลยสามารถขี่จักรยานยนต์มาที่ด้านหน้า Tyre Plus ภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง

สี่ ในวันชี้ตัวที่ สน.ลาดพร้าว ญาติจำเลยพยายามเจรจาให้เอกชัยไม่เอาเรื่อง โดยบอกว่า วันนั้นจำเลยแค่ขี่จักรยานยนต์พาคนร้ายมา ไม่ได้ทำร้ายเอกชัย ญาติจำเลยรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร เพราะเอกชัยไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง จึงเกลี้ยกล่อมให้จำเลยยอมบอกชื่อของคนร้าย โดยรับปากจะกันตัวเขาเป็นพยาน ซึ่งญาติคนนี้บอกจะลองเจรจากับจำเลย

ห้า ในวันสืบพยาน ภรรยาของจำเลยยืนยันว่าจำเลยอยู่บ้านดูแลยาย แต่ไม่แสดงหลักฐานการลาหยุดงานที่ชัดเจน

เอกชัยถูกทำร้ายร่างกายและทรัพย์สินรวมทั้งหมด 8 ครั้ง ในส่วนที่คดีมีความคืบหน้า ไอลอว์รวบรวมมาว่ามี 3 คดี ได้แก่คดีข้างต้น คดีที่ถูกฤทธิไกรกระชากตัวระหว่างไปมอบนาฬิกาให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เมื่อ 19 ม.ค. 61 และอีกคดีที่ฤทธิไกรชกใบหน้าเอกชัยที่ป้ายรถเมล์ใกล้บ้านเอกชัยเมื่อ 23 ม.ค. 61 โดย 2 คดีข้างต้น ศาลสั่งปรับเป็นเงิน 1,000 บาท และจำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท โดยโทษจำคุกนั้นรอลงอาญาไว้ ตามลำดับ

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net