Skip to main content
sharethis

'สุทิน' ชงแก้ระเบียบกระทรวงกลาโหม สกัดการยึดอำนาจ-รัฐประหาร ให้อำนาจนายกสั่งพักราชการทหารที่ใช้กำลังยึดหรือควบคุมอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินจากรัฐบาล ชงยกเลิกศาลจังหวัดทหาร - 'ก้าวไกล' เห็นด้วย แนะถ้าแก้ต้องแก้ให้ถึงแก่น ยืนยันหลักการกองทัพอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน หากแก้แบบผิวๆ จะเสียโอกาส หนุนตัดทิ้งซูเปอร์บอร์ด


สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (แฟ้มภาพ)

เว็บไซต์แนวหน้า รายงานว่านายจำนงค์ ไชยมงคล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงกลาโหม รับผิดชอบงานด้านกฎหมายและประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่าในการประชุมสภากลาโหมวันที่ 19 เม.ย. 2567 ซึ่งมี นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานสภากลาโหม ซึ่งมีการประชุมที่กองทัพอากาศ ได้เสนอให้สภากลาโหมเห็นชอบ ร่างแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติ จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่...) พ.ศ.... และร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่...) พ.ศ....

โดยมีสาระสำคัญในการแก้ไขเพิ่มเติมที่น่าสนใจ ดังนี้ 1.ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม มีการแก้ไขมาตรา 25 และมาตราอื่นๆ โดยมีการ กำหนด เงื่อนไขการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล โดยให้กระทรวงกลาโหมกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับแต่งตั้งนายพลในแต่ละระดับไว้ 3 ประการ คือ

(1) ต้องไม่เคยมีพฤติกรรมเป็นผู้มีอิทธิพลหรือมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด การค้ามนุษย์ การทำลายทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าโดยตรงหรือทางอ้อม (2) ต้องไม่เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหม หรือประกอบธุรกิจหรือกิจการ (3) ไม่อยู่ในระหว่างถูกสอบสวนทางวินัยหรือระหว่างถูกดำเนินคดีอาญา เว้นแต่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือความผิดลหุโทษ

นอกจากนี้ ยังให้อำนาจนายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี มีคำสั่งให้พักราชการทันที เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าข้าราชการทหารผู้ใดที่ใช้กำลัง ทหารเพื่อยึด หรือควบคุม อำนาจการบริหารราชการแผ่นดินจากรัฐบาล หรือ เพื่อก่อการกบฏ และมีการแก้ไขเพิ่มเติมเรื่องสมาชิกสภากลาโหม ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี มีอำนาจแต่งตั้งซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 5 คน จากเดิมกำหนดไว้เพียง 3 คน และยังมีการแก้ไขอีกหลายมาตรา

2. แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ พระธรรมนูญศาลทหาร โดยมีการ ยกเลิก ศาลจังหวัดทหาร และให้ผู้เสียหาย มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาเองได้ ทั้งในเวลาปกติและเวลาไม่ปกติ และมีสิทธิอุทธรณ์ ได้โดยตรงต่อศาลทหารสูงสุด ในเวลาไม่ปกติ เว้นแต่อยู่ในสถานการณ์การรบ หรือสงคราม ซึ่งเดิม ในภาวะที่ไม่ปกติไม่สามารถอุทธรณ์ได้ซึ่งการแก้ไข กฎหมายดังกล่าวนี้ ก็เพื่อให้สอดคล้อง กับการบริหารราชการแผ่นดินในภาวะปัจจุบัน

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกลาโหม กล่าวอีกว่า ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบกระทรวงกลาโหมที่ผ่านความเห็นชอบของสภากลาโหมในประเด็นสกัดการรัฐประหารนั้นเป็นแนวทางที่สังคม ภาคประชาชน และในส่วนของพรรคเพื่อไทยเอง คิดมานานแล้ว เมื่อนายสุทิน เข้ามาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมก็ได้มีคณะทำงานหารือกัน ในเรื่องนี้อย่างรอบด้าน มีตัวแทนขอทหารเข้ามาพิจารณาด้วยและเห็นชอบตรงกันก็เสนอเข้าที่ประชุมเมื่อวานนี้สภากลาโหมก็ได้ให้ความเห็นชอบ โดยผู้บัญชาการเหล่าทัพก็ไม่ได้แสดงความเห็นอะไร

“แน่นอนว่าการรัฐประหารยึดอำนาจ ก็ต้องฉีกรัฐธรรมนูญ การไปเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร และจะให้เขียนเรื่องเหล่านี้ไว้ก็เป็นสิ่งที่ยาก เราจึงคิดกันว่าควรจะไปบัญญัติในกฎหมายรองมากกว่า หลักใหญ่ใจความคือเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงหรือมีข้อมูลที่จะมีการยึดอำนาจไม่ว่าจะเป็นทหารระดับไหน นายกรัฐมนตรีสามารถขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีในการระงับยับยั้ง หรือให้ผู้นั้นพ้นจากอำนาจหน้าที่ไปได้”นายจำนงค์ย้ำ และว่า หลักการนี้เป็นเรืองที่มีการพูดคุยกันของฝ่ายประชาธิปไตยมานานแล้วและต้องการให้เกิดกฎหมายในลักษณะนี้ขึ้นมาจึงต้องดำเนินการให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ขั้นตอนต่อไปก็จะเสนอไปยังคณะรัฐมนตรีและนำเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาต่อไป

'ก้าวไกล' เห็นด้วย แนะถ้าแก้ต้องแก้ให้ถึงแก่น ยืนยันหลักการกองทัพอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน

สำนักข่าวไทย รายงานว่านายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และประธานคณะกรรมาธิการการทหาร กล่าวถึงกรณีการประชุมสภากลาโหมเมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานสภากลาโหม ได้มีข้อเสนอให้สภากลาโหมเห็นชอบร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม และร่าง พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร ว่าเห็นด้วยกับการแก้ไข พ.ร.บ. ทั้ง 2 ฉบับ เพียงแต่มีจุดที่ขอเสนอแนะเพิ่มเติมให้แก่ รมว.กลาโหม ว่า การแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม จะต้องแก้ไขให้ตรงจุด โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการทำให้กองทัพยุติการเป็นรัฐซ้อนรัฐและต้องอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน สภากลาโหมควรมีกรอบอำนาจหน้าที่ในการให้คำแนะนำแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเท่านั้น สิทธิในการทักท้วงควรจะมีเฉพาะในประเด็นสำคัญเท่านั้น ไม่ควรมีอำนาจครอบงำการตัดสินใจของรัฐมนตรี ดังนั้นจำนวนสมาชิกในสภากลาโหม นอกจากจะปรับลดลงแล้ว ยังควรเพิ่มสัดส่วนของพลเรือนในสภากลาโหมให้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้การแต่งตั้งนายทหารระดับนายพล สมควรที่จะมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนและมีความโปร่งใส

สำหรับ พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร หัวใจสำคัญคือการให้บทบาทกับศาลยุติธรรมให้มากขึ้น ศาลทหารควรถูกใช้ในภาวะสงครามเท่านั้น และโครงสร้างของศาลทหาร จะต้องมีการตรวจสอบถ่วงดุลอย่างมีประสิทธิภาพ ระหว่างผู้พิพากษา อัยการ และทนายความ เพราะหากศาลทหารถูกตั้งข้อสงสัยจากนายทหารว่าไม่มีความเป็นธรรม หรือสามารถวิ่งเต้นใช้อำนาจระดับบังคับบัญชาแทรกแซงได้ ก็เสี่ยงอย่างยิ่งที่จะเกิดความรุนแรงและระบบศาลเตี้ยในแวดวงทหาร เหมือนกรณีที่เคยเกิดขึ้นที่จังหวัดนครราชสีมา

“การแก้ไขกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ จะต้องแก้ไขให้ถึงแก่น ถ้าแก้ไขแบบผิวๆ จะเป็นการเสียโอกาสอย่างมาก” นายวิโรจน์ กล่าว

ด้าน ธนเดช เพ็งสุข สส.กรุงเทพฯ เขต 13 พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้เสนอร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ฉบับพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขอชื่นชมและสนับสนุนการเดินหน้าแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ตนหวังอยากเห็นความกล้าหาญและความจริงใจของ รมว.กลาโหม ในการเดินหน้าปฏิรูปกองทัพ หรือจะเรียกว่าพัฒนาร่วมกันตามคำของนายกฯ ก็ตาม

ทั้งนี้ในร่างของพรรคก้าวไกล เราเสนอแก้ไขมาตรา 25 เช่นกัน ให้การพิจารณาแต่งตั้งนายพลดำเนินการด้วยระบบคุณธรรม คัดเลือกผู้มีคุณสมบัติตามมาตรฐานของตำแหน่งต่างๆ โดยกำหนดให้คณะกรรมการที่ส่วนราชการตั้งขึ้นพิจารณาในขั้นตอนแรก แล้วส่งต่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพิจารณาตามหลักเกณฑ์ของกระทรวง ตัดสิ่งที่เรียกว่า “ซูเปอร์บอร์ด” ในกฎหมายเดิม ซึ่งถูกตั้งขึ้นเพื่อลดบทบาทของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้เป็นเหมือนตรายางรับรองเท่านั้น

“ประเด็นนี้สำคัญตรงที่ว่าหากคุณสุทินไม่ตัดทิ้งซูเปอร์บอร์ดเพื่อดึงอำนาจกลับมาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อาจแปลได้ว่าสุดท้ายความมุ่งหวังที่อยากเห็นกองทัพอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือนผ่านความพยายามแก้ไขกฎหมาย ก็อาจเลือนราง” นายธนเดช กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net