Skip to main content
sharethis

พรรคเพื่อไทย-พรรคก้าวไกล ยื่นร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ หวังแก้ปมเสียงข้างมาก 2 ชั้น เพิ่มความยืดหยุ่น กกต. จัดประชามติวันเดียวกับวันเลือกตั้งได้ ขณะที่ 'พริษฐ์' กาง 3 ข้อเสนอก้าวไกล แก้กติกาออกเสียงประชามติให้เป็นธรรม-มีประสิทธิภาพ-ทันสมัย มากขึ้น

1 ก.พ.2567 สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา รายงานว่า วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร รับยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 จำนวน 2 ฉบับ คือ ฉบับจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยพรรคเพื่อไทยเป็นผู้เสนอ และฉบับจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยพรรคก้าวไกลเป็นผู้เสนอ ประธานสภาฯ ระบุว่า จะนำร่างทั้ง 2 ฉบับนี้ส่งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการตามขั้นตอน ก่อนบรรจุเป็นระเบียบวาระการประชุม ซึ่งคาดว่าจะเสร็จโดยเร็ว เนื่องจากสภาฯ มีเวลาในสมัยประชุมนี้อีกไม่นาน ประมาณ 2 เดือนกว่าเท่านั้น

ชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สส. พรรคเพื่อไทย 129 คน ร่วมกันลงชื่อ เพื่อขอแก้ไข พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 มาตรา 13 การออกเสียงที่จะถือว่ามีข้อยุติในเรื่องที่จัดทำประชามติ ต้องมีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงเป็นจำนวนเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียงและมีจำนวนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิออกเสียงในเรื่องที่จัดทำประชามตินั้น หรือเสียงข้างมาก 2 ชั้น (Double majority) ซึ่งสุ่มเสี่ยงหากประชาชนไม่ออกมาใช้สิทธิหรือไม่ประสงค์ใช้สิทธิจะทำให้การออกเสียงประชามติเกิดปัญหาขึ้นในอนาคต โดยเห็นว่าควรให้ใช้เสียงข้างมากตามหลักทั่วไป แต่ให้เกินเสียงของผู้ไม่ประสงค์จะใช้สิทธิออกเสียง เพื่อความถูกต้องชอบธรรม

ชูศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ยังมีอีก 3 ประเด็นที่ควรแก้ไขไปพร้อมกัน คือ การออกเสียงลงคะแนนที่ต้องใช้งบประมาณราว 3,000 ล้านบาท จึงคิดว่าหากการออกเสียงประชามติใกล้เคียงกับวันเลือกตั้งทั่วไปหรือวันเลือกตั้งท้องถิ่น สมควรจะจัดพร้อมกันในวันเดียวได้ เพื่อประหยัดงบฯ และประชาชนก็ไม่ต้องออกมาใช้สิทธิหลายครั้ง ส่วนอีกประเด็นเห็นว่าควรใช้เทคโนโลยีมาพัฒนาวิธีการออกเสียงลงมติ เช่น การส่งไปรษณีย์ การลงมติผ่านทางออนไลน์ เป็นต้น นอกจากนี้ ควรมีการรณรงค์เรื่องการออกเสียงประชามติ โดยบัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ประกอบรรัฐธรรมนูญว่าด้วยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง รวมถึงเปิดโอกาสให้ฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยมาแสดงความคิดเห็นได้โดยเสมอภาค ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้รับทราบเรื่องการออกเสียงประชามติในเรื่องนั้น ๆ

'พริษฐ์' กาง 3 ข้อเสนอก้าวไกล แก้กติกาออกเสียงประชามติให้เป็นธรรม-มีประสิทธิภาพ-ทันสมัย มากขึ้น

ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานต่อสื่อมวลชนด้วยว่า พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวยื่นร่าง พ.ร.บ. ประชามติ เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ซึ่ง ประธานรัฐสภา เป็นผู้รับเอกสาร โดยพริษฐ์กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นตัวแทนของพรรคก้าวไกล ยื่นร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ฉบับของพรรคก้าวไกล เข้าสู่สภาฯ ร่วมกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ฉบับของพรรคเพื่อไทยเช่นกัน 

เวลาพูดถึงการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ. ประชามติ หลายคนอาจมองไปถึงความเชื่อมโยงกับกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ต้องมีการทำประชามติอย่างน้อย 2 ครั้ง แต่ความจริงแล้ว การเสนอปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ. ประชามติ ครั้งนี้ เป็นการปรับปรุงกติกาเรื่องการออกเสียงประชามติให้ “เป็นธรรม” “มีประสิทธิภาพ” และ “ทันสมัย” มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดประชามติเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือการจัดประชามติเกี่ยวกับหัวข้ออื่นๆ ในอนาคต

พริษฐ์กล่าวว่า ประเด็นที่พรรคก้าวไกลเสนอให้มีการแก้ไขใน พ.ร.บ. ประชามติ มี 3 ประเด็นหลัก 

ประเด็นแรก คือทำให้กฎหมายประชามติ “เป็นธรรม” ขึ้น ผ่านการแก้ไขกติกา “เสียงเกินกึ่งหนึ่ง 2 ชั้น” (Double Majority) เป็น “เสียงเกินกึ่งหนึ่ง 1 ชั้น” เนื่องจากปัจจุบัน ประชามติจะได้ข้อยุติทางใดทางหนึ่ง ต่อเมื่อผ่าน 2 เกณฑ์ คือ ชั้นที่ 1 ผู้ที่ลงคะแนนเสียงทางใดทางหนึ่ง มีจำนวนเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิออกเสียง และชั้นที่ 2 ผู้ที่ออกมาใช้สิทธิออกเสียง มีจำนวนเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียง

ปัญหาคือ แม้การวางเกณฑ์ชั้นที่ 2 เรื่องสัดส่วนการออกมาใช้สิทธิ มีเจตนาที่ต้องการจะให้ประชามติมีผล ต่อเมื่อคนให้ความสนใจกับประเด็นดังกล่าวอย่างมีนัยสำคัญ แต่การวางเกณฑ์ดังกล่าว อาจเปิดช่องให้ฝ่ายที่ไม่ต้องการให้ประชามติผ่าน เลือกใช้วิธีนอนอยู่บ้านและไม่ออกมาใช้สิทธิ เพื่อหวังคว่ำประชามติ โดยการกดสัดส่วนผู้ออกมาใช้สิทธิลง แม้ฝ่ายตนเองจะมีจำนวนน้อยกว่าฝ่ายที่ต้องการให้ประชามติผ่านก็ตาม

ทั้งหมดนี้อาจทำให้กติกาถูกมองว่าไม่เป็นธรรม เพราะไม่ว่าหัวข้อประชามติจะเป็นเรื่องอะไร ฝ่ายที่อยากคว่ำประชามติ ทำได้ด้วยยุทธศาสตร์ “นอนอยู่บ้าน” แม้ฝ่ายที่ไม่อยากให้ประชามติผ่าน มีน้อยกว่าฝ่ายที่อยากให้ประชามติผ่าน ดังนั้นข้อเสนอคือ เปลี่ยนเป็นเกณฑ์ “เสียงเกินกึ่งหนึ่ง 1 ชั้น” กล่าวคือ ประชามติจะผ่าน หากผู้ที่ลงคะแนนเสียงให้ผ่าน มีมากกว่ากึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ

ประเด็นที่สองที่พรรคก้าวไกลเสนอให้แก้ไขใน พ.ร.บ. ประชามติ คือการทำให้กฎหมายประชามติ “มีประสิทธิภาพ” มากขึ้น โดยการปลดล็อกเรื่องการจัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งอื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน และ ประหยัดงบประมาณ

เมื่อปลายปี 2565 พรรคก้าวไกลเคยเสนอให้จัดประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญพร้อมกับการเลือกตั้ง สส. ตอนในเดือนพฤษภาคม 2566 แต่ สว. และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เคยแสดงความกังวลโดยให้เหตุผลว่า ข้อเสนอดังกล่าวมีอุปสรรคหลายอย่างทางกฎหมาย ในเชิงภาคปฏิบัติ

ข้อเสนอของเราคือการปรับกฎหมายเพื่อให้ ในมุมหนึ่ง กกต. จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการจัดประชามติพร้อมกับวันเลือกตั้ง เช่น กรอบเวลาในการกำหนดวันออกเสียง เขตออกเสียง หน่วยและที่ออกเสียง และผู้ปฏิบัติหน้าที่ แต่ในอีกมุมหนึ่ง เราจะปิดช่องและป้องกันไม่ให้ ครม. หรือ กกต. ใช้เรื่องการจัดประชามติวันเดียวกับวันเลือกตั้ง มาเป็นเหตุผลในการถ่วงเวลาเรื่องการทำประชามติออกไปนานเกินควร

และประเด็นที่สามที่พรรคก้าวไกลเสนอให้แก้ไขใน พ.ร.บ. ประชามติ คือทำให้กฎหมายประชามติ “ทันสมัย” มากขึ้น โดยการรับประกันสิทธิของประชาชน ในการเข้าชื่อ 50,000 รายชื่อ เพื่อเสนอประชามติ ผ่านช่องทางออนไลน์ เนื่องจากแม้ปัจจุบันประชาชนมีสิทธิเข้าชื่อเสนอให้จัดประชามติ แต่การเข้าชื่อจะต้องทำผ่านเอกสารที่พิมพ์ออกมา (print) ออกมาเท่านั้น อย่างที่เราเห็นในแคมเปญ conforall เมื่อเดือนสิงหาคม 2566

ข้อเสนอของก้าวไกล คือปรับให้ พ.ร.บ. ประชามติ รับรองให้ประชาชนเข้าชื่อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ เหมือนกับที่ พ.ร.บ. เข้าชื่อเสนอกฎหมาย รับรองให้ประชาชนเข้าชื่อเพื่อยื่นร่างแก้ไขกฎหมายหรือร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านช่องทางออนไลน์ได้

พริษฐ์กล่าวว่า 2 ใน 3 ประเด็นของพรรคก้าวไกล น่าจะสอดคล้องกับประเด็นของพรรคเพื่อไทย ส่วนที่พรรคเพื่อไทยเสนอให้เพิ่มช่องทางในการออกเสียงผ่านไปรษณีย์หรือทางเทคโนโลยี และที่เสนอให้ กกต. ต้องเปิดโอกาสให้ฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยรณรงค์ได้อย่างทัดเทียมกัน ทางพรรคก้าวไกลเห็นด้วยกับหลักการอยู่แล้ว โดยจะขอรอดูรายละเอียดว่าข้อเสนอของเพื่อไทยจะรับประกันใน 2 ประเด็นดังกล่าว มากกว่าที่มีอยู่แล้วใน พ.ร.บ.ประชามติ ปัจจุบันอย่างไร

พริษฐ์กล่าวว่า วันนี้ดีใจที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย มายืนแถลงร่วมกันในการเสนอร่างกฎหมาย ที่เราเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ตนหวังว่าวันนี้จะเป็นตัวอย่างและนิมิตหมายที่ดี ว่าแม้เราจะนั่งอยู่กันคนละฝั่งในสภาฯ ในฐานะรัฐบาลและฝ่ายค้าน แต่อะไรที่เราเห็นตรงกัน เราก็พร้อมจะร่วมมือกันผลักดัน อะไรที่เราเห็นต่างกัน เราก็พร้อมจะแข่งกันเต็มที่ ซึ่งแนวทางในการร่วมมือและแข่งขันกันแบบนี้ จะเป็นแนวทางที่ทำให้ประโยชน์สูงสุดตกอยู่กับประชาชน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net