Skip to main content
sharethis

ศาลอาญาสั่งสืบพยานคดี ม.112 ของ “ตี้ – บิ๊ก – เบนจา” โดยไม่มีทนายความ แม้ทนายความจำเลยจะแสดงใบรับรองแพทย์จากอาการป่วยไมเกรน ศาลก็ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี ในเวลาประมาณ 11.00 น. จำเลยได้ออกจากห้องพิจารณาไปเขียนคำร้องขอพบอธิบดีศาล ซึ่งศาลได้ทำการสืบพยานโจทก์ต่อไปโดยไม่มีจำเลยอยู่รับฟังการพิจารณาด้วย

 

31 ม.ค. 2567 ศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงาน เวลา 09.00 น. ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดสืบพยานคดีของ 3 นักกิจกรรม ได้แก่ “ตี้” วรรณวลี ธรรมสัตยา (จำเลยที่ 1), “บิ๊ก” เกียรติชัย ตั้งภรณ์พรรณ (จำเลยที่ 2), และเบนจา อะปัญ (จำเลยที่ 3) ในกรณีสืบเนื่องจากการขึ้นปราศรัยในการชุมนุม #ราษฎรยืนยันดันเพดาน เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2564 บริเวณสกายวอร์ค แยกปทุมวัน ทั้งหมดถูกฟ้องในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, ฝ่าฝืนข้อกำหนดเรื่องการชุมนุมตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, และใช้เครื่องเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต

วันนี้ (31 ม.ค. 2567) ตี้และบิ๊กพร้อมกับผู้รับมอบฉันทะจากทนายความของทั้งสองคน และทนายความจำเลยที่ 3 ได้เดินทางมาศาล ส่วนเบนจาจำเลยที่ 3 ได้ยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีลับหลัง เนื่องจากติดภาระทางการศึกษา ไม่สามารถเข้าร่วมการพิจารณาคดีได้ตลอดทุกวัน ซึ่งศาลได้อนุญาตไปแล้ว ก่อนเริ่มการพิจารณาคดี ผู้รับมอบฉันทะจากทนายความของตี้และบิ๊ก ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีในวันนี้ เนื่องจากทนายมีอาการป่วยไมเกรน ซึ่งแพทย์ได้วินิจฉัยว่ามีอาการโรคปวดศีรษะและขอให้พักรักษาตัว 1 วัน ตามใบรับรองแพทย์ที่แนบมาแสดงในวันนี้

ทั้งนี้ ศาลกลับไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี เนื่องจากอัยการได้แถลงว่าพยานโจทก์ได้มาพร้อมสืบพยานแล้ว จำนวน 3 ปาก ได้แก่ นาวาเอกทองย้อย แสงสินชัย ซึ่งได้เข้าร่วมการสืบพยานจากทางไกลที่ศาลจังหวัดราชบุรีส่วน ส.ต.ต.ธีระศักดิ์ สัตย์สารกุลธร และ นันทนัช เปี่ยมสิน ได้เดินทางมาที่ศาลในวันนี้ โดยผู้รับมอบฉันทะจากทนาย ได้แถลงค้านไม่รับการสืบพยานในวันนี้ โดยยื่นคำร้องคัดค้านการสืบพยานต่อศาล แต่ศาลเห็นว่าหากจำเลยไม่คัดค้านประเด็นที่จะสืบพยาน จึงสมควรให้สืบพยานไปก่อน โดยไม่จำเป็นต้องมีทนายความจำเลย

ตี้และบิ๊กในฐานะจำเลยได้แถลงต่อศาลว่า ทั้งสองคนไม่ต้องการที่จะสืบพยานโจทก์โดยที่ไม่มีทนายความอยู่ด้วย และคดีนี้ไม่ได้มีการยื่นการสืบพยานลับหลังเหมือนจำเลยที่ 3 จึงไม่มีเหตุที่จะให้มีการสืบพยานเกิดขึ้นโดยไม่มีทนายความ โดยศาลไม่เห็นด้วยและยืนยันที่จะให้มีการสืบพยานโจทก์เกิดขึ้น ตี้และบิ๊กได้แถลงต่อว่าขอเข้าพบอธิบดีศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อทำการปรึกษาเรื่องที่เกิดขึ้น แต่องค์คณะศาลเจ้าของสำนวนไม่เห็นด้วยที่จำเลยทั้งสองคนจะยื่นเรื่องขอเข้าพบอธิบดีศาล

จำเลยทั้งสองยืนยันว่าต้องการพบอธิบดีศาล และได้เดินออกจากห้องไปในเวลาประมาณ 11.00 น. เพื่อเขียนคำร้องขอพบอธิบดีศาล โดยในระหว่างนั้นที่ห้องพิจารณาคดี ศาลก็ได้ทำการสืบพยานโจทก์โดยที่ไม่มีจำเลยอยู่รับฟังการพิจารณาด้วย

โดยวันนี้ศาลบันทึกในรายงานกระบวนพิจารณาว่า ไม่ได้มีคำสั่งให้เลื่อนการพิจารณาคดีตามที่ทนายยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี เนื่องจากใบรับรองแพทย์ของทนายจำเลยที่ 1 และ 2 ได้ปรากฏข้อมูลว่ามีอาการปวดศีรษะให้พักรักษาตัว 1 วันนั้น ศาลเห็นว่าแม้แพทย์จะวินิจฉัยให้รักษาตัวก็ไม่ได้ระบุว่าอาการป่วยของทนายมีความรุนแรงอย่างใด เมื่อพยานโจท์กในวันนี้มาพร้อมแล้ว จึงเห็นสมควรให้มีการสืบพยานโจทก์ที่มาศาลในวันนี้ไปก่อน และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงอนุญาตให้ทนายจำเลยที่ 1 และ 2 มาซักค้านพยานโจทก์ในนัดหน้าได้ ซึ่งตามที่จำเลยทั้งสองได้แถลงว่า ต้องการให้ทนายอยู่ด้วยในขณะที่มีการเบิกความ เนื่องจากตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญานั้น กำหนดให้ศาลพิจารณาคดีต่อหน้าจำเลยเท่านั้น แต่เมื่อจำเลยทั้งสองมาศาลแล้ว แม้ทนายจะไม่มา แต่ศาลเห็นว่าตนเองไม่ได้ตัดสิทธิให้ทนายจำเลยซักค้านพยานโจทก์ที่มาในวันนี้ และแม้จะมีการสืบพยานโจทก์ไปก่อน ทนายก็สามารถคัดคำเบิกความของพยานโจทก์เพื่อไปซักค้านในนัดต่อไปได้ ไม่เห็นว่าจำเลยเสียเปรียบแต่อย่างใด และให้ทนายจำเลยได้มีโอกาสซักถามค้านกับพยานโจทก์วันนี้ ในนัดต่อไปคือวันที่ 7 – 8 มี.ค. 2567

กรณีการสืบพยานโดยไม่มีทนายจำเลยอยู่ในห้องพิจารณาคดีด้วย เคยเกิดขึ้นกับคดีของ “ลูกเกด” ชลธิชา แจ้งเร็ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล ซึ่งถูกฟ้องคดีที่ศาลอาญา ในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) จากการโพสต์ข้อความถึงสถาบันกษัตริย์ในการเคลื่อนไหว “ราษฎรสาส์น” เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2563 ซึ่งลูกเกดได้แถลงยืนยันว่าจะไม่ขอรับกระบวนการที่เกิดขึ้น และได้ขอพูดคุยกับอธิบดีศาลโดยตรง แต่ก็ถูกปฏิเสธ จนนำไปสู่การแถลงขอเปลี่ยนองค์คณะผู้พิพากษา เพราะการที่ศาลใช้ดุลพินิจว่าไม่อนุญาตให้เลื่อนการพิจารณาคดีนั้นไม่เป็นธรรม ทำให้จำเลยไม่สามารถต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net