Skip to main content
sharethis

Pew Research Center ทำแบบสำรวจกับชาวอเมริกัน 11,945 คน ในช่วงเดือน ส.ค. 2023 พบ 'วัฒนธรรมการให้ทิปในสหรัฐอเมริกา' กำลังเปลี่ยนแปลงไป โดยคาดว่าจะมีการให้ทิปในสถานที่ต่างๆ มากกว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่ยังระบุว่าคุณภาพของบริการที่พวกเขาได้รับ เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจให้ทิป


ที่มาภาพ: Tupinicomics (CC BY-NC-ND 2.0)

จากรายงานของ Pew Research Center ที่เผยแพร่เมื่อช่วงเดือน พ.ย. 2023 ชี้ว่า ปัจจุบันนี้แม้การให้ 'ทิป' (Tipping) จะยังคงมีอยู่ในหลายพื้นที่ แต่สำหรับหลาย ๆ แห่ง กฎเกณฑ์ยังไม่ชัดเจน

ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ระบุว่าพวกเขาถูกขอให้ให้ทิปพนักงานบริการบ่อยกว่าในอดีต คนอเมริกันกว่า 7 ใน 10 (72%) คาดว่าจะมีการให้ทิปในสถานที่ต่างๆ มากกว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งสถานการณ์นี้ได้รับการขนานนามว่า "Tipflation"

แต่แม้ชาวอเมริกันจะกล่าวว่าพวกเขาถูกขอให้ทิปบ่อยขึ้น แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มั่นใจว่าควรให้ทิปเมื่อใดและควรให้ทิปเท่าไร มีเพียงประมาณ 1 ใน 3 เท่านั้น ที่กล่าวว่าเป็นเรื่องง่ายที่จะทราบว่าควรให้ทิปสำหรับบริการประเภทต่างๆ อย่างไร (34%) หรือเท่าไร (33%)

นอกจากนี้ยังไม่มีฉันทามติว่าการให้ทิป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างค่าตอบแทนในอุตสาหกรรมบริการจำนวนมากนั้น เป็นทางเลือกหรือเป็นภาระผูกพันสำหรับผู้บริโภค ชาวอเมริกันประมาณ 2 ใน 1- คน (21%) กล่าวว่าเป็นทางเลือกมากกว่า ในขณะที่ 29% กล่าวว่าเป็นภาระผูกพันมากกว่า แต่ส่วนใหญ่ที่สุด (49%) กล่าวว่าขึ้นอยู่กับสถานการณ์ 

Pew Research Center ได้ทำแบบสำรวจกับชาวอเมริกัน 11,945 คน ในช่วงเดือน ส.ค. 2023 เพื่อค้นหาว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับวัฒนธรรมการให้ทิป รวมถึงถามว่าพวกเขาว่าจะให้ทิปหรือไม่ในสถานการณ์เฉพาะ ในบรรดาผลการค้นพบที่สำคัญได้แก่:

- ชาวอเมริกันมีแนวโน้มที่จะคัดค้าน 'จำนวนเงินทิปที่แนะนำ' ชาวอเมริกันคัดค้าน (40%) มากกว่าสนับสนุน (24%) ธุรกิจที่แนะนำจำนวนเงินทิปให้ลูกค้า - เช่น ในใบเสร็จรับเงิน หรือบนหน้าจอเช็คเอาท์ อีก 32% รู้สึกเฉยๆ

- ชาวอเมริกันคัดค้าน 'การรวมทิปไว้ในใบเสร็จรับเงิน' ชาวอเมริกันประมาณ 7 ใน 10 คน (72%) กล่าวว่าพวกเขาคัดค้านธุรกิจที่รวมค่าบริการอัตโนมัติหรือค่าทิปในใบเสร็จรับเงินของลูกค้า กว่าครึ่งหนึ่งที่แสดงการคัดค้านอย่างมาก มีเพียง 10% ที่สนับสนุนการรวมทิปไว้ในใบเสร็จรับเงิน

- พฤติกรรมการให้ทิปของชาวอเมริกันแตกต่างกันอย่างมากตามสถานการณ์ ชาวอเมริกันประมาณ 9 ใน 10 คน (92%) ที่รับประทานอาหารในร้านอาหาร กล่าวว่าพวกเขาให้ทิปเสมอหรือบ่อยครั้ง ในบรรดาผู้ที่ใช้บริการอื่นๆ ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ให้ทิปเมื่อตัดผม (78%) สั่งอาหารมาส่ง (76%) ซื้อเครื่องดื่มที่บาร์ (70%) หรือใช้บริการแท็กซี่หรือแพลตฟอร์มเรียกรถ (61%) ชาวอเมริกันส่วนน้อยค่อนข้างให้ทิปเสมอหรือบ่อยเมื่อซื้อกาแฟ (25%) หรือรับประทานอาหารในร้านอาหารจานด่วน (12%)

- ชาวอเมริกันส่วนใหญ่กล่าวว่าพวกเขาจะให้ทิป 15% หรือต่ำกว่า สำหรับมื้ออาหารราคาเฉลี่ยที่ร้านอาหาร เกือบ 6 ใน 10 (57%) กล่าวเช่นนี้ รวมถึง 2% ที่กล่าวว่าพวกเขาจะไม่ให้ทิปเลย มีเพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่ระบุว่าพวกเขาจะให้ทิป 20% หรือมากกว่า

- สำหรับคนส่วนใหญ่ การให้ทิปนั้นเกี่ยวกับบริการเป็นอันดับแรก ชาวอเมริกันประมาณ 3 ใน 4 คน (77%) กล่าวว่าคุณภาพของบริการที่พวกเขาได้รับเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจว่าจะให้หรือไม่ให้ทิป และจะให้เท่าไร 

อนึ่งการสำรวจครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่การให้ทิป – ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติที่ชาวอเมริกันยอมรับอย่างกว้างขวาง แต่ยังคงรู้สึกขัดแย้งมานาน – กำลังประสบกับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและเทคโนโลยีที่สำคัญ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้รวมถึงการขยายตัวของแพลตฟอร์มการชำระเงินดิจิทัลและอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงความนิยมในการรวมทิปไว้ในใบเสร็จรับเงินของธุรกิจต่างๆ ที่กำลังแพร่หลายขึ้น

วัฒนธรรมการให้ทิปในสหรัฐอเมริกา


ที่มาภาพ: PDR (CC BY-NC-ND 2.0)

การให้ทิป (Tipping) เป็นวัฒนธรรมที่ปฏิบัติกันทั่วไปในสหรัฐอเมริกา โดยถือเป็นมารยาทและธรรมเนียมปฏิบัติที่ควรทำอย่างยิ่ง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านตัดผม หรือการบริการอื่นๆ เมื่อใช้บริการเสร็จคุณก็ควรให้ทิปพวกเขา ยกเว้นแต่พนักงานบางคนที่ให้บริการคุณไม่ดีเท่านั้น การให้ทิปในสหรัฐอเมริกาเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ส่วนใหญ่จะจ่ายเป็นอัตราร้อยละของค่าบริการ มีบ้างที่จ่ายตามจำนวนชิ้นหรือครั้ง ดังนี้

  • ค่าทิปสำหรับบริการในร้านอาหารหรือภัตตาคาร (ยกเว้นในร้านอาหาร Fast Food หรือร้าน Self-Service) ให้ 15-20% ของค่าอาหาร
  • ค่าทิปสำหรับพนักงานขับรถแท๊กซี่ ให้ 10-15% ของค่าโดยสาร (ไม่จำเป็นต้องให้ทิปสำหรับพนักงานขับรถเมล์)
  • ค่าทิปสำหรับบริการตัดผมหรือเสริมสวย ให้ 10-15% ของค่าบริการ
  • ค่าทิปสำหรับบริการหิ้วประเป๋าที่สนามบินหรือโรงแรม ให้ $1.00 ต่อกระเป๋า 1 ใบ
  • ค่าทิปสำหรับบริการจอดรถ ให้ $1-$2
  • การให้ทิป ถ้าเป็นร้านอาหาร ให้วางเงินค่าทิปไว้บนโต๊ะ ถ้าเป็นพนักงานขับรถแท๊กซี่ หรือพนักงานบริการหิ้วกระเป๋า ให้จ่ายเป็นเงินสดกับผู้ให้บริการโดยตรง นอกจากนี้ ในกรณีที่จ่ายค่าบริการผ่านบัตรเครดิต ท่านสามารถบวกเงินค่าทิปในใบเสร็จที่จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้โดยตรง

จากบทความชิ้นหนึ่งในเว็บไซต์ Time เมื่อปี 2019 ระบุว่า 'การให้ทิปแบบอเมริกันสมัยใหม่' หรือแนวทางปฏิบัติของลูกค้าที่ให้เงินตอบแทนนอกเหนือจากเงินที่พนักงานได้รับจากนายจ้างนั้น มีข้อสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นการที่นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันนำวัฒนธรรมการให้ทิปกลับมาจากยุโรป โดยชาวอเมริกันผู้มั่งคั่งในช่วงทศวรรษที่ 1850-1860 น่าจะเป็นผู้สร้างประเพณีนี้ ซึ่งมีต้นกำเนิดในยุคกลางในฐานะประเพณีแบบนาย-ทาส ที่คนรับใช้จะได้รับเงินพิเศษสำหรับการแสดงผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในวันหยุดในยุโรป ด้วยความต้องการที่จะดูเป็นชนชั้นสูง กลุ่มคนเหล่านี้จึงเริ่มให้ทิปในสหรัฐอเมริกาเมื่อพวกเขากลับมา

ในตอนแรก ผู้ไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารส่วนใหญ่ต่อต้านเป็นอย่างมาก โดยมองว่าเป็นทั้งการดูถูกเหยียดหยามและชนชั้นทางสังคม มีแรงต่อต้านการให้ทิปมากมายจนในช่วงทศวรรษที่ 1860 ทัศนคตินี้แพร่กระจายกลับไปยังยุโรป นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไมวัฒนธรรมการให้ทิปถึงไม่มีในร้านอาหารส่วนใหญ่ในยุโรป แต่ในสหรัฐอเมริกา การเคลื่อนไหวในการต่อต้านการให้ทิปนี้กลับแผ่วหายไป และวัฒนธรรมการให้ทิปกลับสถาปนาในสหรัฐอเมริกาได้นั้นกลับมาเกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องทาส

โดยหลังจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วงหลังสงครามกลางเมือง การค้าทาสสิ้นสุดลง แต่ผู้ที่ได้รับอิสรภาพจากการเป็นทาสยังคงมีทางเลือกจำกัด หลายคนต้องทำงานในตำแหน่งงานที่ต่ำต้อย เช่น คนรับใช้ พนักงานเสิร์ฟ ช่างตัดผม และพนักงานบริการบนรถไฟ อาชีพเหล่านี้เป็นอาชีพเพียงน้อยนิดที่เปิดให้พวกเขาเข้าถึงได้ สำหรับพนักงานร้านอาหาร พนักงานบริการบนรถไฟ การจ้างงานในขณะนั้นมีเงื่อนไขอยู่หนึ่งข้อคือ นายจ้างส่วนใหญ่ จะไม่จ่ายเงินให้พนักงานเหล่านี้ แต่ลูกค้าหรือผู้ใช้บริการจะเสนอทิปเล็กน้อยเป็นการตอบแทน

จากนั้น แม้การให้ทิปจะแพร่หลายมากขึ้น แต่ก็ยังมีกลุ่มคนผู้ที่ไม่พอใจวัฒนธรรมนี้อยู่ มี 6 รัฐยกเลิกการให้ทิปเป็นการชั่วคราวในปี 1915 ในรัฐไอโอวาถึงกับประกาศว่าการให้ทิปอาจถูกปรับหรือจำคุก ต่อมาในปี 1918 รัฐจอร์เจียประกาศว่าการทิปเป็น "สินบนเชิงพาณิชย์" หรือการให้ทิปเพื่อจุดประสงค์ในการให้บริการเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แม้จะมีการโต้กลับ แต่วัฒนธรรมการให้ทิปกลับได้รับความนิยมมากขึ้นในหลายรัฐทางใต้ และท้ายสุดในปี 1926 กฎต่างๆ เกี่ยวกับการห้ามให้ทิปถูกยกเลิกหรือถูกตัดสินว่าไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญโดยศาลฎีกาของรัฐนั้น ๆ 

สำหรับเจ้าของร้านอาหาร ในไม่ช้าก็ตระหนักว่าพวกเขาได้รับประโยชน์จากโอกาสในการอุดหนุนค่าจ้างของพนักงานด้วยเงินพิเศษของลูกค้าจากวัฒนธรรมการให้ทิปนี้  ดังนั้น แม้เรื่องทาสจะหายไป และความไม่เท่าเทียมกันทางเชื้อชาติในสหรัฐอเมริกาจะมีการพัฒนาที่ดีขึ้น แต่วัฒนธรรมการให้ทิปก็ยังคงอยู่และได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศ


ที่มา:
Tipping Culture in America: Public Sees a Changed Landscape (Drew DeSilver & Jordan Lippert, Pew Research Center, 9 November 2023)
'It's the Legacy of Slavery': Here's the Troubling History Behind Tipping Practices in the U.S. (Rachel E. Greenspan, Time, 20 August 2019)
การให้ทิป (สำนักงานผู้ดูแลนักเรียนในสหรัฐอเมริกา, 23 พฤศจิกายน 2564)


 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net