ผบ.ทอ. เผยเครื่องบินกองทัพอากาศ รับแรงงานไทยเที่ยวที่ 3 วันนี้ (21 ต.ค.) ใช้เส้นทางผ่านน่านฟ้า 6 ประเทศ ไม่ต้องบินอ้อม หลังจากนี้เที่ยวที่ 4-6 บินรับจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ชี้อพยพได้มากขึ้น
21 ต.ค. 2566 สำนักข่าวไทย รายงานว่าพลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ เปิดเผยถึงภารกิจอพยพแรงงานไทยของกองทัพอากาศ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล เพื่อเดินทางกลับประเทศไทย ในเที่ยวที่ 3 วันนี้ (21 ต.ค.) กองทัพอากาศจัดเครื่องบินลำเลียงแบบ A340 โดยออกเดินทางจากท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 ดอนเมือง ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติเบนกูเรียน ประเทศอิสราเอล โดยเป็นเที่ยวบินรอบสุดท้ายที่จะไปลงที่สนามบินเบนกูเรียน หลังจากนี้เครื่องจะบินไปลงที่สนามบินฟูไจราห์ ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หลังได้รับการประสานว่าสามารถบินผ่านน่านฟ้า 6 ประเทศได้ โดยมีประเทศเมียนมา อินเดีย จอร์แดน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ซาอุดีอาระเบีย และกาตาร์ ซึ่งจะทำให้ใช้เวลาสั้นลงในการบิน และประหยัดเชื้อเพลิง ทำให้ลูกเรือมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น
ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวอีกว่า สำหรับภารกิจการอพยพแรงงานไทย 2 เที่ยวบินที่ผ่านมา มีข้อบกพร่องเล็กน้อยในเที่ยวบินแรก เรื่องการบริการสนามบินที่อิสราเอล ส่วนเที่ยวบินที่ 2 ไม่มีข้อขัดข้องเรื่องการบิน แต่มีแรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บและมีทีมแพทย์คอยดูแลปฐมพยาบาล ทุกคนปลอดภัยดี โดยทุกเที่ยวบินได้จัดทีมแพทย์ รวมถึงชุดปฏิบัติการพิเศษ นักจิตวิทยา เพื่อดูแลเรื่องสภาพจิตใจของแรงงาน จึงขอให้มีความมั่นใจว่าจะปฏิบัติภารกิจเพื่อนำคนไทยกลับมาให้เร็วที่สุด และไม่ใช่ว่าเป็นช่วงสิ้นเดือนตุลาคมนี้จะจบภารกิจ เพราะหากมีแรงงานไทยที่ประสงค์จะเดินทางกลับ ทางกองทัพอากาศได้จัดเตรียมเครื่อง C-130 ที่พร้อมปฏิบัติภารกิจตลอด 24 ชั่วโมง
เมื่อถามว่าเที่ยวบินที่ 4-6 จะนำเครื่อง C-130 ร่วมปฏิบัติภารกิจอพยพแรงงานไทยหรือไม่ พลอากาศเอก พันธ์ภักดี กล่าวว่า ในเบื้องต้นยังเป็นเครื่อง A-340 เพราะสะดวกกว่า รวมถึงระยะทางการบินใช้เวลา 5-6 ชั่วโมง ซึ่ง C-130 ไม่มีห้องน้ำและที่นั่งไม่สะดวกสบาย แต่หากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ รวบรวมคนไทยได้จำนวนมากก็จะใช้ C-130 เข้ามาเสริมได้ตลอดเวลา
พลอากาศเอก พันธ์ภักดี กล่าวอีกว่า การอพยพแรงงานไทยมายังประเทศที่ 3 ที่สนามบินฟูไจราห์ ดูไบ เพื่อจะรับกลับประเทศไทย ซึ่งจะใช้การเช่าเหมาลำ จากสนามบินเบนกูเรียน อิสราเอล จะทำให้เกิดความสะดวกและความคล่องตัวเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม พร้อมย้ำว่าหากมีคนไทยที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศเพิ่มเติม กองทัพอากาศ รวมถึงสายการบินอื่นที่มาร่วมภารกิจ พร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ได้รับรายงานมีคนไทยที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศมีเพิ่มมากขึ้น แต่มีบางส่วนที่เปลี่ยนใจไม่เดินทางกลับ เนื่องจากนายจ้างขอจ่ายค่าแรงเพิ่ม ดังนั้น อยู่ที่ความต้องการของตัวแรงงานว่าจะกลับหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเที่ยวบินรอบที่ 3 ของกองทัพอากาศ จะนำแรงงานไทยเดินทางกลับถึงประเทศไทยในวันพรุ่งนี้ (22 ต.ค.) เวลา 10.50 น. เบื้องต้นมีรายงานว่าจะมีคนไทยที่เดินทางกลับมาจำนวน 179 คน
เผยได้ไฟเขียว “ซาอุฯ-อาหรับ” ให้บินผ่านน่านฟ้า
ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊ก Wassana Nanuam ของ น.ส.วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสารทหาร มีการโพสต์ข้อความระบุว่า “ข่าวดี “ซาอุฯ-อาหรับ” ไฟเขียว เครื่องบิน ทอ.บินผ่านน่านฟ้าไปอพยพแรงงานไทย ในอิสราเอลได้ ไม่ต้องบินอ้อม”
โดยคาดว่า การอนุญาตให้เครื่องบินกองทัพอากาศไทยบินผ่านน่านฟ้าซาอุดีอาระเบียและกลุ่มประเทศอาหรับดังกล่าวเกิดขึ้นหลัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เข้าเฝ้าและพูดคุยกับเจ้าชาย MBS แห่งซาอุดิอาระเบีย
เฟซบุ๊กของ น.ส.วาสนา ยังระบุอีกว่า กระทรวงการต่างประเทศ ได้แจ้งไปยังกองทัพอากาศ ว่า สามารถ บินผ่านน่านฟ้า ซาอุฯ และ กลุ่มประเทศอาหรับได้แล้ว โดยเครื่องบิน A340-500 ของ ทอ. เที่ยวบินที่ 3 RTAF229 ในวันที่ 21 ตุลาคม 2566 นี้ จะบินผ่านเส้นทางปกติ คือ เมียนมา อินเดีย โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย จอร์แดน และ อิสราเอล ลงจอดที่สนามบิน Ben Gurion กรุงเทลอาวีฟ เมืองหลวงอิสราเอล โดยใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมงครึ่ง จากเดิมที่ต้องบินอ้อมใช้เวลาราว 12 ชั่วโมง โดยจะออกเดินทางเวลา 13.30 น.วันที่ 21 ต.ค. กลับไทยวันที่ 22 ต.ค. เวลา 10.50 น.
ทั้งนี้ เมื่อไม่ต้องบินอ้อม ทอ.กำลังพิจารณาใช้แผนเดิม คือ ใช้เครื่องบิน C130 บินไปรับคนไทยในอิสราเอลด้วย ซึ่งหากเป็นเส้นทางปกติจะแวะเติมน้ำมันที่อินเดีย
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)