Skip to main content
sharethis

18.00 น. ที่หอศิลป์ มวลชนรวมตัวทวงผลเลือกตั้ง กกต. แสดงพลังอย่าขวางจัดตั้งรัฐบาล หลัง 33 วันแล้ว กกต.ยังไม่รับรองผล

16 มิ.ย. 66 เวลาประมาณ 17.00 น. กลุ่มสังเกตการชุมนุม Mob Data รายงานว่า มวลชนรวมตัวกันหน้าหอศิลป์ เพื่อทวงผลเลือกตั้งจาก กกต. และแสดงพลังปกป้องไม่ให้ใครขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลของประชาชนโดยเริ่มกิจกรรมตั้งแต่เวลา 18:00 น. เป็นต้นไป

ภาพจาก Mob Data

เริ่มมีผู้ชุมนุมมารวมตัวไม่ต่ำกว่า 50 คน พร้อมป้ายข้อความที่เขียนว่า ผ่านมา 33 วัน กกต. ยังไม่รับรองผลการเลือกตั้ง มีกิจกรรมเขียนข้อความถึง กกต. บูธไอลอว์ ทั้งนี้เจอเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบที่นับได้ไม่ต่ำกว่า 12 คน นอกจากนี้ยังเจอเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบพร้อมกล้องซูมไกล Mob Data รายงานด้วยว่า มีการคุกคามสื่อมวลชนคือ ช่างภาพ ข่าว The standard ด้วยการถ่ายภาพ

ภาพจาก Zee AI

18.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงานถึงกิจกรรมฟรีไมค์ ใครก็ได้ขึ้นพูด

  • ประชาชนคนหนึ่งฝากถึงเรื่องหยก อยากฝากถึง กกต ให้รับรองผลได้แล้ว เพราะรัฐบาลเก่ายังรักษาการอยู่ก็สร้างความเสียหายทุกวัน แม้กระทั่งเรื่องเครื่องแต่งกายของนักเรียน มีคนที่ต้องฆ่าตัวตายเพราะเรื่องนี้ไปแล้ว
  • หญิงสูงวัยคนหนึ่งบอกว่า กกต.ทำงานมีเงินเดือน ชาวบ้านไม่มีแบบนั้นต้องเสียสละทุกอย่าง แต่พวกคุณเกษียณมาก็ยังได้เงิน ถ้า กกต.ไม่เกรงใจประชาชน ประชาชนก็จะไม่เกรงใจ กกต.ด้วย

ยิ่งชีพเผย 3 เหตุผลที่ #เลือกตั้ง66 คือครั้งประวัติศาสตร์  

ที่มาภาพ: Chanakarn laosarakham

ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ จาก iLaw กล่าวว่าการเลือกตั้งครั้งวันที่ 14 พฤษภาคม 66 เป็นครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพราะมี 3 เหตุผลก็คือ

ข้อแรกการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมามีผู้ใช้สิทธิ์มากที่สุดในการเลือกตั้งไทยคือ 75.71% เป็นการเลือกตั้งที่อ้างอิงได้เพราะมีประชาชนมาออกเสียงมากที่สุด

ข้อ 2 การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเป็นการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 ที่เป็นโครงสร้างของคสช. และมี กกต.และศาลรัฐธรรมนูญที่ คสช.เลือกมาและภายใต้อำนาจเบ็ดเสร็จและความพยายามสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหารผ่านการเลือกตั้งพวกเขาไม่ได้อยากถอย 

จากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าประชาชนไม่ต้องการการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหารและยังเป็นหมุดหมายของประชาชนที่ต้องการล้มล้างการรัฐประหารผ่านการเลือกตั้ง

ข้อ 3 ประชาชนไม่ได้เข้าคูหาเข้าไปเลือกตั้งอย่างเดียวเท่านั้นแต่ยังเป็นการลบล้างวาทกรรมเดิมๆของประชาธิปไตย 3 วินาที แต่ประชาชนได้ทำอะไรมากกว่านั้นคือ คนเป็นแสนคนที่กากบาทเสร็จแล้วยังทำหน้าที่ต่อหลังปิดหีบเลือกตั้ง ประชาชนเหล่านี้ยังออกมาช่วยกันจับตาการนับคะแนนตลอดทั้งคืน

ผลงานของอาสาเป็นแสนคนทำให้ได้ผลคะแนนจาก 30,000 หน่วยเลือกตั้งและคะแนนที่ปรากฏขึ้นมาก่อนของ กกต.ก็คือคะแนนที่ประชาชนช่วยกันนับและช่วยกันแก้ไขข้อมูลคะแนนที่ถูกรายงานเข้ามาในระบบด้วย

ปรากฏการณ์ประชาชนปกป้องเสียงโหวต

ยิ่งชีพกล่าวอีกว่า ไม่มีใครคิดว่าพรรคก้าวไกลจะได้เป็นอันดับ 1 มีพรรคเพื่อไทยมาเป็นอันดับ 2 ทำให้พรรคฝ่ายค้านเดิมได้เข้ามาโดยมีคะแนนรวมมากที่สุด ทำให้สิ่งที่เราไม่เคยคิดว่าจะทำได้และเป็นเพียงการทดลองทางความคิดมีโอกาสเป็นจริงได้เพราะมีเสียง ส.ส.ที่มากพอในสภาชุดใหม่ เช่น กฎหมายสมรสเท่าเทียมที่ก้าวไกลและเพื่อไทยช่วยกันโหวตก็จะผ่าน หรือแม้กระทั่งสุราก้าวหน้าเพียงแค่เปิดสภาอย่างไรก็ผ่าน

ทั้งนี้ ยิ่งชีพเห็นว่ายังมีเรื่องที่ยาก เช่น การยกเลิกรัฐธรรมนูญ 60 และเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทุกมาตราโดยการมีส่วนร่วมของประชาชนเพราะยังต้องผ่านการโหวตของ สว.ด้วย แต่สว. ชุดนี้ก็จะอยู่ถึงเพียงแค่ปีหน้าเท่านั้นทำให้การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ก็ยังมีอนาคตที่เราจะมีรัฐธรรมนูญใหม่ได้

แล้วยังมีอีกหลายเรื่องที่เรายังต้องการการถกเถียงเช่น มาตรา 112 เพราะที่ผ่านมาเคยมีการเสนอเข้าสภามาแล้วแต่เข้าสภาไม่ได้ การเกณฑ์ทหาร การกระจายอำนาจ หรือการเลือกตั้งผู้ว่าที่ปัดกันมานาน ก็จะเข้าไปถกเถียงกันในสภาได้ไม่ว่า ส.ส.จะยกให้ผ่านหรือไม่ แต่ก็จะได้เห็นการใช้เหตุผลและได้เห็นว่าใครจะโหวตให้บ้าง

33 วันแล้ว กกต.ยังไม่รับรองผลเลือกตั้ง นานเกินไปไหม

ยิ่งชีพกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามที่สิ่งที่กล่าวยังไม่เกิดขึ้นก็เพราะสภายังไม่เปิด เพราะต้องรอ กกต. ประกาศรับรองอย่างเป็นทางการทำให้สภาเปิดไม่ได้ ทำให้ต้องมีกิจกรรมวันนี้ขึ้นมาเพื่อขอให้ กกต.รับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการเสียทีเพื่อให้สภาได้เปิดและให้เรื่องต่างๆ ที่ว่ามาได้ถูกพิจารณาในสภา

แม้ว่ากฎหมายจะให้เวลา กกต.ไว้ 60 วันแต่ว่าที่ผ่านมาการรับรองผลโดย กกต.ไม่เคยใช้เวลานานขนาดนี้ ทั้งที่ กกต.เองได้เรียนรู้บทเรียนจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆ มามีเทคโนโลยีมากขึ้น แต่วันนี้ก็ใช้เวลาไปแล้ว 33 วันโดยที่ไม่มีเหตุผลว่าทำไมต้องรอนานขนาดนี้

ในประวัติศาสตร์ไทยเคยมีการจัดตั้งรัฐบาลเร็วที่สุด 11 วันหลังการเลือกตั้ง และก็เคยมีนานที่สุดคือ 108 วันจากการเลือกตั้งในปี 62 เพราะประกาศผลที่ช้าทำลายสถิติและใช้เวลาจัดตั้งรัฐบาลที่ทำลายสถิติด้วย แต่ยังต้องมาดูกันว่าปีนี้จะทำลายสถิติหรือเปล่า และการเลือกตั้งครั้งนี้ต่อให้ประกาศผลวันพรุ่งนี้ก็อาจจะยังใช้เวลาในการจัดตั้งรัฐบาลนานกว่าการจัดตั้งรัฐบาลในปี 2480 ด้วยทั้งที่ในเวลานั้นไม่มีเทคโนโลยีอะไรในการช่วยนับคะแนนและคำนวณที่นั่งด้วยซ้ำ

ยิ่งชีพกล่าวว่าดังนั้นการมาทำกิจกรรมวันนี้จึงมาเพียงแค่ต้องการให้ กกต.รีบรับรองผลเท่านั้นส่วนเรื่องยากๆ อย่างอื่นเช่นการแก้ไขมาตรา 112 หรือการร่างรัฐธรรมนูญใหม่จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสภาหลังจากนี้

ไผ่ มองท้องถนนยังจำเป็น เน้นโอบกอดทุกฝ่ายร่วมกันสู้

ที่มาภาพ: Chanakarn laosarakham

จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ กล่าวว่าเขาได้เห็นการต่อสู้ของคนทุกรุ่นรวมถึงตอนนี้ที่มีคนรุ่นใหม่ออกมาร่วมกันต่อสู้ทำให้เขารู้สึกดีใจที่ได้เห็นการต่อสู้ร่วมกันของคนแต่ละรุ่นเป็นบรรยากาศของความหวังที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง 

การต่อสู้ของปี 63 และ 64 ยังเป็นสิ่งที่ยังไม่สิ้นสุดและทุกวันนี้ที่มีคนที่พยายามทำตามความฝันและออกมาทุกครั้งที่มีความอยุติธรรมทางสังคม

แม้เราจะรู้ว่าก้าวไกลและเพื่อไทยได้อันดับ 1 และอันดับ 2 จากการเลือกตั้งแต่เราก็รู้ว่าประเทศนี้มีความไม่ปกติแล้วเราก็รู้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ก็ไม่ปกติทำให้พวกเราจึงต้องออกมากันที่นี่เพราะเรารู้สถานการณ์ว่าเป็นอย่างไร แต่สำหรับเขาเองก็ยังเห็นความหวังจากการเลือกตั้งครั้งนี้

แต่เวลานี้มีสิ่งที่ขัดขวางการเลือกตั้งของประชาชนก็คือ กกต. ที่เตะถ่วงและหลังจาก กกต.รับรองผลแล้วก็ยังมี ส.ว. ซึ่งเป็นสิ่งที่เรายังต้องคิดว่าจะต่อสู้อย่างไรต่อไป

ผู้มีอำนาจในประเทศนี้เขาไม่ยอมให้ประชาชนเป็นเจ้าของและเรายังต้องทำอะไรมากกว่าแค่การออกมาเลือกตั้งไม่เหมือนกับประเทศอื่นเพราะมีความพยายามสกัดกั้นทุกวิถีทาง ประชาชนจึงต้องออกมาปกป้องเสียงประชาชนด้วยตนเอง

วันนี้ครบรอบ 1 เดือนหลังจากการเลือกตั้งแล้วเราก็รอคอยว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาและความหวังของประชาชนทั้งหมดจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่ กกต.ก็ยังไม่ประกาศรับรองผลจนถึงทุกวันนี้เราจึงต้องรวมพลังกันออกมาอีกครั้งหลังจาก 1 เดือนผ่านไป

เขาเชื่อว่าการต่อสู้ครั้งใหม่จะเกิดขึ้นและคนที่จะกำหนดการเมืองประเทศนี้จะต้องเป็นของประชาชนทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นพ่อรุ่นแม่หรือคนหนุ่มสาวจะต้องออกมาร่วมกันต่อสู้และการต่อสู้บนท้องถนนยังเป็นสิ่งจำเป็น ส่วนการต่อสู้ในรัฐสภาก็เป็นหน้าที่ของ ส.ส.

เราอยากจะสร้างบรรยากาศใหม่ของกันชุมนุม การต่อสู้ในปี 63 64 เราจะเก็บเป็นบทเรียน ปัญหาต่างๆ ที่เคยมีการเรียกร้องบนท้องถนนจะถูกส่งเข้าไปในสภา แต่มันจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าประชาชนทุกคนไม่ออกมาช่วยกันปกป้องและติดตามสถานการณ์เมืองต่อไปเพราะฝ่ายตรงข้ามก็กำลังเตรียมตัวรับมือ

แต่ไม่ว่าพวกเราจะเหนื่อยล้ากันแค่ไหนแต่ภารกิจการต่อสู้ยังไม่จบ พวกเราต้องร่วมกันและเขาอยากให้อดทนให้มีคนมาร่วมกับเราเพราะยังมีอีกมากที่ยังไม่ได้มาร่วม

ฝากถึงทุกด้อม อย่าลืมศัตรูที่แท้จริง

จตุภัทร์กล่าวอีกว่าสำหรับใครที่เคยรับรองรัฐธรรมนูญ 60 รับรอง ส.ว. ก็ขอให้ทุกคนได้เรียนรู้จากสิ่งที่ผ่านมาและกลับตัวมาร่วมกันต่อสู้ และขอให้ทุกคนร่วมกันโอบรับพวกเขาที่เปลี่ยนแปลงเอาไว้ แล้วเราก็จะสามารถสะสมกำลังจากเล็กไปจนมีจำนวนมากมายมหาศาล  

เขาอยากให้คนที่เคยต่อสู้ในยุคต่างๆ ร่วมกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์และร่วมมือกันและขออย่าทะเลาะกัน เพราะฝ่ายเผด็จการยืนระยะได้แต่ประชาชนไม่ได้มีทรัพยากรและเวลาแบบนั้น และเรายังต้องทำมาหาเช้ากินค่ำแต่เราก็ยังอยากได้ความเปลี่ยนแปลงเราจึงไม่สามารถรอเพียงอย่างเดียวได้และต้องให้มีการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วเพราะปัญหาสังคมต่างจะแก้ไขได้ต้องแก้ปัญหาทางการเมืองเพราะปัญหาการเมืองคือปมของทุกอย่างที่จะแก้ปัญหาสังคมอื่นๆได้

ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแล้วไม่ใช่ครั้งแรก แต่การต่อสู้ยืนหยัดกับผู้กดขี่จากการเรียนรู้และตกผลึกและการเปลี่ยนแปลงทางความคิด

ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นการเปลี่ยนแปลงและประชาชนได้แสดงความเห็นว่าอยากเปลี่ยนแปลง แต่ความเปลี่ยนไม่ได้เกิดขึ้นได้จากการเลือกตั้งอย่างเดียว 

ไม่ว่าประชาชนจะเลือกพรรคการเมืองใดก็ตามแต่เรายังมีขวากหนามอย่าง กกต. และ สว. ที่จะขัดขวางกันจัดตั้งรัฐบาลรวมถึงศาลที่สามารถยุบพรรคได้และที่ผ่านมาก็เคยยุบพรรคมาแล้วเหมือนกัน

จตุภัทร์ยังขอให้แฟนคลับของกลุ่มการเมืองต่างๆ อย่าลืมว่าใครคือผู้กดขี่และใครเป็นผู้เสียเปรียบในการเมืองแบบนี้ และถ้าระบบการเมืองแบบนี้เปลี่ยนทุกคนก็จะได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งหมด

ในประเทศนี้มีคนที่ไม่อนุญาตให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพราะจะเกิดการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย เปลี่ยนแปลงการบริหารประเทศทำให้กลุ่มเขาเสียประโยชน์ รวมถึงกลุ่มทุนผูกขาดที่ได้ประโยชน์จากระบบอุปถัมภ์และการเมืองแบบเดิมที่เป็นคนกลุ่มเล็กมากแต่ถือครองทรัพยากรมากที่สุดและยังเป็นกลุ่มคนที่มีอำนาจมากที่สุดด้วย ถ้าการเมืองแบบเดิมระบบเศรษฐกิจแบบเดิมเราก็ไม่มีคุณภาพชีวิตที่ดี

เราอยากให้พื้นที่นี้เป็นที่ที่ประชาชนได้ร่วมกันแสดงความเห็นเป็นพื้นที่ของประชาชนเราไม่อยากให้ใครเป็นเจ้าของพื้นที่ เราอยากให้ทุกคนฝึกพูดบนเวที 

การต่อสู้ของปี 2566 ได้เริ่มขึ้นแล้ว แม้ว่าที่ผ่านมาประชาชนเคยแพ้แต่ที่พวกเรามารวมกันตรงนี้เราก็จะสู้ด้วยความหวังว่าเราจะชนะ

เขาเชื่อว่าทุกคนจะร่วมกันออกมาต่อสู้และจะมีวันที่ท้องฟ้าจะเป็นสีทองผ่องอำไพเพราะเกิดจากประชาชนที่ร่วมกันออกมาต่อสู้จะเกิดขึ้น

เราทุกคนมีหน้าที่ปกป้องเจตจำนงของตนและร่วมกันจัดการองค์กรต่างๆ ที่ขัดขวางเสียงของประชาชน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net