พรรคก้าวไกลดักคอ ‘ประยุทธ์’ อย่ายืมมือ 250 ส.ว. ดันนั่งนายก - ยังไม่เคาะขุนพลอภิปราย ม.152 - 'พิธา' ย้ำไม่จับมือพรรคทหารจำแลง เปิดตัว ‘หมิว สิริลภัส’ ลง ส.ส.บางกะปิ ประกาศปักธงส้ม 70 ที่นั่ง-กทม.หวัง 15 เก้าอี้

7 ม.ค. 2565 มติชนออนไลน์ รายงานว่านายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอโอกาสประชาชนทำงานต่อไป เพราะมีนับร้อยเรื่องยังค้างอยู่ มองว่าเป็นการขออยู่ยาวหรือไม่ ว่า อยู่มา 8 ปี ยังทำไม่สำเร็จ แล้วจะขออะไร

ส่วนจะได้อยู่ยาวหรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับประชาชน ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ จะโดดมาเล่นในเกมก็เป็นเรื่องน่ายินดี แต่ควรจะอยู่บนกติกาที่ยุติธรรม เพราะขณะนี้ ส.ว. 250 คน ยังมีอำนาจโหวตเลือกนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ดังนั้น ต้องไม่ทำกติกาขี้โกง แล้วโดดมาเล่น

เมื่อถามว่า มีความกังวลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะใช้ตำแหน่งหน้าที่ และอำนาจรัฐ เพื่อชิงความได้เปรียบในการเลือกตั้งหรือไม่ นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ทุกยุคทุกสมัย ฝ่ายรัฐบาลจะมีความได้เปรียบจากการใช้งบประมาณเอื้อประโยชน์ในการเลือกตั้ง ซึ่งต้องไม่น่าเกลียดเกินไป แต่เราต้องติดตามตรวจสอบไม่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ นำงบประมาณไปหาเสียง หรือใช้เงินภาษีประชาชนแล้วเคลมเป็นผลงานตัวเอง โดยสังคมต้องช่วยกันตรวจสอบ ส่วนฝ่ายค้านในฐานะคู่แข่งทางการเมือง ก็จะจับตาเช่นกัน

เมื่อถามถึงการเตรียมความพร้อมอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า พรรค ก.ก. เตรียมตัวเป็นอย่างดีเหมือนที่ทำมาทุกครั้ง โดยครั้งนี้จะเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้ายของสภา ชุดนี้ ซึ่ง ส.ส.พรรค ก.ก.หลายคนประสงค์จะขออภิปราย จึงต้องหารือว่าจะเลือกประเด็นไหนมาอภิปราย และจัดสรรเวลาอภิปรายตามเวลาที่ได้รับ ตอนนี้จึงยังสรุปไม่ได้ว่ามี ส.ส.อภิปรายกี่คน

'พิธา' ย้ำไม่จับมือพรรคทหารจำแลง 

เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ตลาดคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมเปิดตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่จะร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติในวันจันทร์ที่ 9 มกราคมนี้ ว่า อย่างแรกคือไม่ได้ให้ราคา เพราะไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่หรือเซอร์ไพรส์ และอย่างที่สองคือการแตกแยกของพรรคร่วมรัฐบาลเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมานาน การเปิดตัวของพล.อ.ประยุทธ์ เหมือนเหล้าเก่าในขวดใหม่ ไม่ได้ตอบโจทย์ความท้าทายของพี่น้องประชาชน ถ้าเป็นการพูดเกี่ยวกับนโยบายที่แก้ไขปัญหาการท่องเที่ยว ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง หรือการปฏิรูปกองทัพ อาจจะเป็นสิ่งที่น่าสนใจบ้าง แต่ถ้าเป็นการเปิดตัว ระบอบประยุทธ์เหมือนเดิม ตนคิดว่า ไม่มีอะไรใหม่

เมื่อถามว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าหากพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคภูมิใจไทย จัดตั้งรัฐบาล พรรคก้าวไกลจะทำอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนั้นเป็นสมมติฐานหนึ่ง แต่สมมุติฐานของพรรค ก.ก.​คือพรรคร่วมฝ่ายค้านเป็นคำตอบสำหรับความท้าทายของประเทศไทยที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ส่วนสมมติฐานที่สองคือ เราปฏิเสธประบอบประยุทธ์ และตนยืนยันว่า ไม่จับมือกับพรรคทหารจำแลง ทั้งพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติเราจะเอาเวลาและสมาธิมาแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน

เมื่อถามถึงกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อยากให้พรรคการเมืองติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนจีนในประเทศไทย นายพิธา กล่าวว่า นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. เป็นคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นประธานฯ จะติดตามประเด็นนี้ผ่านทาง กมธ.ฯ

เมื่อถามว่าในการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 จะพูดถึงประเด็นนี้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่าตอนนี้ขออุบไว้ก่อนเดี๋ยวรอเฉลย ขอให้รอติดตามดูดีกว่า อย่างไรก็ตามการอภิปรายตามมาตรา 152 อาจจะไม่เหมือนมาตรา 151 ที่มีการลงมติไม่ไว้วางใจ แต่ขอยืนยันว่าเนื้อหาความเข้มข้นเกี่ยวกับการทุจริตและการประพฤติมิชอบ การบริหารราชการล้มเหลว ทั้งในประเด็นสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองจะอยู่ในการอภิปรายครั้งนี้อย่างแน่นอน ทั้งนี้จะเป็นการอภิปรายที่แตกต่างจากครั้งอื่น เพราะพวกตนลงมติไม่ได้ แต่ประชาชนลงมติได้ผ่านการเลือกตั้งที่จะมาถึง จึงจะเป็นการตรวจการบ้านและเปิดโปงความล้มเหลวของรัฐบาลชุดนี้ เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้นในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

เปิดตัว ‘หมิว สิริลภัส’ ลง ส.ส.บางกะปิ ประกาศปักธงส้ม 70 ที่นั่ง-กทม.หวัง 15 เก้าอี้

ทั้งนี้นายพิธาและสมาชิกพรรคก้าวไกลได้ร่วมพูดคุยทักทายประชาชนที่มาออกกำลังกายตอนเช้า บริเวณสนามกีฬาคลองจั่น รวมถึงประชาชนและผู้ค้าขายในตลาดเช้าเคหะคลองจั่น พร้อมทั้งแจกแผ่นพับ แนะนำนโยบายและ น.ส.สิริลภัส กองตระการ หรือ “หมิว” ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตบางกะปิ คือ  รวมถึงว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พื้นที่ใกล้เคียง ได้แก่ นพ.เฉลิมชัย กุลาเลิศ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตห้วยขวาง-วังทองหลาง, นายธนเดช เพ็งสุข ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตลาดพร้าว-วังทองหลาง, น.ส.สุภกร ตันติไพบูลย์ธนะ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตสวนหลวง-ประเวศ และ นายณัฐพงศ์ เปรมพูลสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตประเวศ-สะพานสูง

จากนั้น นายพิธา ให้สัมภาษณ์ว่า เขตบางกะปิเป็นเขตยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกลตั้งแต่อดีตพรรคอนาคตใหม่และพื้นที่กทม. เป็นพื้นที่เราหวังว่าจะเปลี่ยนให้เป็นสีส้มให้ได้ และ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายของพรรคก้าวไกล ที่เคยลงสมัครในเขตนี้ จะมาช่วยหาเสียงด้วย จึงเป็นการพยายามรักษาเขตเดิมเพิ่มเติมเขตใหม่ โดยในพื้นที่นี้ พรรคก้าวไกลส่งว่าที่ผู้สมัคร ที่มาจากหลากหลายอาชีพ ทั้งอดีตทหาร นักธุรกิจ แพทย์ นักผังเมือง และนักแสดง เป็นคนใหม่ 2 คนและมาจากอดีตพรรค อนค. 2 คนถือว่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัวในการสู้ศึกเลือกตั้ง กทม. ส่วน น.ส.สิริลภัส มีความสามารถในการพูดแทนประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของการเป็นผู้แทนราษฎร จากความมั่นใจที่มีคิดว่าพรรคก้าวไกลจะชนะเลือกตั้งในพื้นที่กทม. 15 ที่นั่งขึ้นไป จากทั้งหมด 33 ที่นั่ง โดยประเมินจากความสำเร็จของอดีตพรรคอนาคตใหม่บวกกับความอ่อนแอของฝ่ายรัฐบาลที่แตกแยกกันพอสมควร จนทำให้คะแนนความนิยมลดลง โดยวันที่ 28 ม.ค. พรรคก้าวไกลจะเปิดนโยบายและประชุมวิสามัญใหญ่อีกรอบ เพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย

ด้าน น.ส.สิริลภัส กล่าวว่า การที่ตนเป็นนักแสดงและอยู่ในแสงอยู่แล้วอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ได้เปรียบ แต่คิดว่า ประชาชนจะตัดสินจากการลงพื้นที่และทำงาน การเป็นที่รู้จักถือว่า เป็นคะแนนอุ่นใจ แต่ความตั้งใจและความมุ่งมั่นในการทำงานตนคิดว่าจะเป็นแต้มต่อ

ขณะที่ นายพิจารณ์ กล่าวว่า ขณะนี้พรรครับรองว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. แล้วจำนวน 30 เขตจากทั้งหมด 33 เขต และจะเปิดตัวครบทุกเขตหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แบ่งเขตเลือกตั้งเสร็จสิ้น ดังนั้น วันนี้ทุกพื้นที่ในกทม. มีคนของพรรคก.ก. ทำงานอยู่ มั่นใจว่าจากศักยภาพและความพร้อมที่เรามี จะทำให้พรรค ก.ก. ครองอันดับหนึ่งในพื้นที่กทม. ได้อย่างแน่นอน ส่วนในระดับประเทศ เราคาดหวังว่าต้องได้มากกว่า 70 ที่นั่ง เป็นเป้าหมายที่ต้องทำให้ได้

ที่มาเรียบเรียงจากมติชนออนไลน์ [1] [2] [3]