Skip to main content
sharethis
  • 'เพื่อไทย' จัดเสวนา ‘พอเถอะประยุทธ์ ประเทศไทยต้องไปต่อ’ ชี้หมดเวลา ‘ประยุทธ์’ ข้อเท็จจริง-ข้อกฎหมายและเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ มัดแน่น ดิ้นไม่หลุด เตือนอย่าดื้อดึงอยู่ เสี่ยงก่อวิกฤตความขัดแย้งบานปลาย  
  • 'พิชัย' ติง 'ประยุทธ์' ต้องไปแล้วไปเลย อย่ายึดติดขนาดยอมลดตัวลงไปเป็น รมว. กลาโหม ชี้ 10 เรื่องที่สุดแห่งความล้มเหลวย่ำแย่   

 

31 ส.ค.2565 ทีมสื่อพรรคเพื่อไทยรายงานต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้ (31 ส.ค.) พรรคเพื่อไทย จัดเสวนา ‘8 ปี ประยุทธ์ พอเถอะครับ ประเทศไทยต้องไปต่อ’ โดยมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย และสุขุมพงศ์ โง่นคำ คณะทำงานด้านกฎหมาย พรรคเพื่อไทยและอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 

ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า 8 ปีที่อยู่กับระบอบประยุทธ์ พี่น้องประชาชนยากลำบากในทุกมิติ จนตอบแทบไม่ได้ว่าประเทศไทยอยู่ตรงไหนของเวทีโลก เพราะตลอด 8 ปีนับตั้งแต่การรัฐประหาร 2557 สังคมโลกส่วนใหญ่เป็นประเทศประชาธิปไตยไม่ให้การยอมรับ อีกทั้งกลไกที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับการสืบทอดอำนาจ ล้วนแต่ได้แสดงออกให้เห็นชัดแล้วว่าได้ทำลายประชาธิปไตยและ ระบบรัฐสภาอย่างรุนแรง หากระบอบประยุทธ์ ยังอยู่ต่อไป ระบอบประชาธิปไตยของประเทศจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง เพราะประชาชนจำนวนหนึ่งสิ้นหวังกับระบบรัฐสภาที่ล้มเหลวด้วยกลไกที่เขาวางเอาไว้อย่างแนบเนียน ฝ่ายค้านเองทั้งที่รู้ว่า การทำให้องค์ประชุมล่ม เป็นเงื่อนไขให้สภาเสื่อม แต่เราก็จำเป็นต้องทำ แต่หากปล่อยไว้เราจะเสียหายมากกว่านี้ เราจะถูกครอบด้วยประชาธิปไตยจอมปลอม เป็นประชาธิปไตยแต่เปลือก

ชลน่าน กล่าวว่า ที่เลวร้ายที่สุดคือ รัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งพี่น้องประชาชนเรียกร้องให้มีการสร้างประชาธิปไตย ลดอำนาจเงิน อำนาจรัฐและอำนาจการจัดการการโกงเลือกตั้ง เปลี่ยนระบบเลือกตั้งให้บริสุทธิยุติธรรม พี่น้องประชาชนมีอำนาจในการเลือกตั้งอย่างเต็มที่ แต่หลังจากนั้นเปลี่ยนเป็นรัฐธรรมนูญ 2550 และ 2560 กลับเปิดโอกาสให้อำนาจเหล่านั้นกลับมา ใช้เงินเป็นตัวตั้ง ซื้อ ส.ส. ต่อหน้าต่อตาอย่างไม่อาย ดังนั้นหากปล่อยให้ระบอบนี้อยู่ต่อไป จะเป็นอันตรายต่อประเทศอย่างมาก และคำว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยก็จะเป็นเพียงคำพูด ไม่มีทางเกิดขึ้นจริง  

“ส่วนตัวเชื่อว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่สามารถไปต่อได้ หากยังดื้อดึงอยู่ต่อไปจะทำให้ประเทศเสียหายมาก ส่งผลกระทบความเชื่อมั่น ซึ่งจะกระทบต่อมิติเศรษฐกิจแล้วกระทบกับพี่น้องประชาชน หากเป็นไปตามกลไกที่พวกเราคาดหวัง ยุติบทบาทของพลเอกประยุทธ์ ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ทางเลือกต่อมา คือ การยุบสภาคืนอำนาจให้พี่น้องประชาชน แต่ที่เราไม่เรียกร้องในช่วงนี้ เพราะอาจไปทำให้เกิดสูญญากาศทางการเมือง ตั้งแต่รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มีอำนาจยุบสภาหรือไม่ อีกทั้งข้อเท็จจริง คือ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ยังไม่มีการประกาศใช้ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ หากกฎหมายฉบับนี้ออกมาเร็ว สิ่งที่ดีที่สุดคือการคืนอำนาจให้ประชาชน ที่ต้องเน้นย้ำคือการพยายามอยู่ยาว ผูกขาดอำนาจ อาจก่อให้เกิดวิกฤตการเมือง ดังนั้น 8 ปี เพียงพอแล้วสำหรับพลเอกประยุทธ์และประเทศไทย หากพลเอกประยุทธ์ ยังดื้อดึงอยู่ในตำแหน่งต่อไป อาจสร้างความยัดแย้งให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งที่น่ากังวลคือ การสวมรอยสมอ้างสร้างสถานการณ์” หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าว 

สุขุมพงศ์ โง่นคำ คณะทำงานด้านกฎหมาย พรรคเพื่อไทยและอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า ขณะนี้พลเอกประยุทธ์ กำลังจะทำสถิติประเทศไทยที่อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย 90 ปี ทั้ง จอมพล ป. พิบูลสงคราม  จอมพลถนอม กิตติขจร และพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ที่เหล่านี้แม้จะเป็นนายกรัฐมนตรีรวมระยะเวลาอาจจะยาวนาน แต่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งติดต่อกันต่อเนื่องครั้งเดียว 8 ปีแบบพลเอกประยุทธ์ ดังนั้นเวลา 8 ปีที่พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี จึงพอเกินที่จะรับประทานได้แล้ว และศรัทธาประชาชนที่มี ไม่เหลือแล้ว 

สุขุมพงศ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยชี้ให้เห็นว่า พลเอกประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ครบ 8 ปีตามข้อเท็จจริง ตามข้อกฎหมายและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีอยู่ยาวแล้วจะเป็นการสร้างอิทธิพล ซึ่งจะเป็นการก่อให้ความวุ่นวายในบ้านเมือง พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีมาตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2557 จนถึงวันนี้ ครบ 8 ปีแล้ว แล้วก็เป็นนายกรัฐมนตรีที่ถูกขับไล่มายาวนานที่สุด ดังนั้นวันนี้ศรัทธาของประชาชนที่มีต่อพลเอกประยุทธ์ ไม่มีแล้ว อย่าดื้อดึงอยู่ต่อไปอีกเลย    

'พิชัย' ติง 'ประยุทธ์' ต้องไปแล้วไปเลย อย่ายึดติดขนาดยอมลดตัวลงไปเป็น รมว. กลาโหม ชี้ 10 เรื่องที่สุดแห่งความล้มเหลวย่ำแย่ 

พิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า หลังจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกมติศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว พลเอกประยุทธ์น่าจะต้องทำใจได้แล้วว่าเวลาของพลเอกประยุทธ์ในการบริหารประเทศได้สิ้นสุดแล้ว อย่าได้ดันทุรังต่อไปอีกเลย จะยิ่งสร้างความน่าอับอายให้กับตัวเองมากยิ่งขึ้น การที่ผู้บังคับบัญชาทหารบกออกมาพูดสดุดีพลเอกประยุทธ์ก็หมายถึงการกล่าวชมเชยในการสิ้นสุดการทำหน้าที่ของพลเอกประยุทธ์เท่านั้น ความพยายามของพลเอกประยุทธ์ที่จะยื้อแม้กระทั่งไปนั่งเป็น รมว. กลาโหม เป็นเรื่องที่ประชาชนจำนวนมากเห็นเป็นเรื่องน่าอับอายเหมือนทำใจไม่ได้ ยังยึดติด ยึดมั่นถือมั่น ยอมลดเกรดตัวเองเพื่อยื้อที่จะอยู่ ทั้งที่ต้องปล่อยวางได้แล้ว ลองคิดดูว่าประชาชนจำนวนมากดีใจอย่างมากที่พลเอกประยุทธ์ออกไป หากพลเอกประยุทธ์กลับมาใหม่จะยิ่งสร้างความโกรธและความไม่พอใจเป็นหลายเท่าทวีคูณ ซึ่งจะสร้างปัญหาให้กับประเทศอย่างมาก ดังนั้นเวลาของพลเอกประยุทธ์ได้หมดแล้ว และอย่าพยายามไปล็อบบี้ศาลรัฐธรรมนูญต่ออีกเลย เพราะไม่มีประโยชน์ ถ้ารอดก็น่าจะรอดแต่แรกไปแล้ว 

ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์และเครือข่ายได้บริหารประเทศล้มเหลวมาตลอด สมควรที่จะต้องไปทั้งหมดได้แล้ว โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจต้องเรียกว่าล้มเหลวยิ่งกว่าล้มเหลว โดยมีประเด็นที่แสดงความล้มเหลวอย่างที่สุด 10 เรื่องดังนี้ 
1. รัฐบาลประยุทธ์เป็นรัฐบาลที่สร้างหนี้สาธารณะมากกว่าทุกรัฐบาลในอดีตรวมกัน ทำให้เป็นรัฐบาลที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยมากสุด 
2. เป็นรัฐบาลใช้งบประมาณมากที่สุด แต่เศรษฐกิจกลับขยายตัวได้ต่ำที่สุดเฉลี่ยเพียงปีละ 1% กว่าเท่านั้น ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา
3. เป็นรัฐบาลที่มีการลงทุนต่างประเทศเฉลี่ยต่อปีต่ำที่สุด เพราะขาดความน่าเขื่อถือ 
4. เป็นรัฐบาลที่ราคาน้ำมันแพงสุด ก๊าซหุงต้มแพงสุด และ ไฟฟ้าแพงสุด ในขณะที่ช่วงที่พลังงานราคาถูกกลับทำเศรษฐกิจให้ขยายตัวไม่ได้ และ ผลิตไฟฟ้าล้นเกินมากที่สุด จ่ายค่าความพร้อมมากที่สุด 
5. เป็นรัฐบาลที่ข้าวของแพงสุด มีเงินเฟ้อสูง แต่ประชาชนรายได้ไม่เพิ่ม 
6. เป็นรัฐบาลที่คนจนมากสุด คนตกงานมากสุด  และ คนฆ่าตัวตายจากพิษเศรษฐกิจมากที่สุด 
7. ความสามารถแข่งขันต่ำสุด ขนาด IMD ปรับลดลง 5 อันดับ และ โครงสร้างพื้นฐานเสื่อมสุดไม่ได้มีการพัฒนา 
8. มีการใช้งบทางการทหารมากที่สุด ซื้ออาวุธมากที่สุด ซึ่งไม่เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ
9. เป็นรัฐบาลที่อันดับการทุจริตแย่ที่สุด ปี 2564 อยู่อันดับ 110 จากการจัดอันดับขององค์กรสากล 
10. โกหกมากที่สุด บอกว่าเศรษฐกิจดีทั้งที่แย่มาก ตั้งแต่ ขอเวลาอีกไม่นานแต่ลากมา 8 ปี จะคืนความสุขแต่มีแต่ความทุกข์ คนจะอดตายกันหมดแล้ว แต่ยังยืนว่าตนเองบริหารได้ดี 

นี่เป็น 10 ที่สุดแห่งความล้มเหลวย่ำแย่ที่เป็นผลจากการบริหารของพลเอกประยุทธ์และเครือข่าย ซึ่งต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว โดยปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังจะเข้ามาจะทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยมี 4 เรื่องดังนี้ 

1. อัตราดอกเบี้ยที่น่าจะขึ้นอีกมาก โดยล่าสุดจากการกล่าวสุนทรพจน์ของนายจาโรม เพาเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ระบุชัดเจนว่าสหรัฐจะขึ้นดอกเบี้ยอีกหลายครั้งในอนาคตจนกว่าจะหยุดเงินเฟ้อได้ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยต้องขึ้นดอกเบี้ยตาม และจะกระทบภาระหนี้ทั้งหมดทั้งหนี้ภาครัฐและหนี้ของเอกชน ซึ่งจะปัญหาในอนาคตที่หนักหนาสาหัสอย่างมาก 
2. ราคาไฟฟ้าที่จะต้องขึ้นราคาและแพงขึ้นอีก หลังจากขึ้นเป็นหน่วยละ 4.72 บาทในเดือนกันยายนนี้ เพราะ กฟผ. ยังมีหนี้ค้างอยู่ประมาณ 2 แสนล้านบาท จากการบริหารเชื้อเพลิงที่ผิดพลาด และ การจ่ายค่าความพร้อมที่สูงเกิน ซึ่งจะกระทบความสามารถแข่งขันของไทยได้เพราะราคาไฟฟ้าของไทยจะสูงกว่าของเวียดนามมาก นอกจากนี้ราคาน้ำมันเริ่มกลับมาขึ้นอีกครั้ง รวมถึงราคาก๊าซหุงต้มด้วย 
3. อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูง ราคาสินค้าเรียงหน้ากันปรับขึ้นราคา แม้กระทั่ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และ ไข่ไก่ เป็นต้น ในขณะที่รายได้ของประชาชนไม่เพิ่ม ซึ่งจะส่งผลต่อ คนจะลำบากกันมาก ค่าแรงที่ขึ้นไม่พอกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังตำ่กว่าที่พรรคพลังประชารัฐหาเสียงที่ วันละ 400-425 บาทอย่างมาก 
4. การขาดดุลการคลังและการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดพร้อมกัน หรือที่เรียกว่า Twin Deficit ทั้งนี้เพราะการส่งออกของไทยเริ่มแผ่ว โดยเดือนกรกฎาคม การส่งออกของไทยขยายได้เพียง 4.3% ทำให้ไทยขาดดุลการค้า เดือนก.ค.2565 ถึงมูลค่า 3,660.5 ล้านดอลลาร์ และโดย 7 เดือนขาดดุลการค้ามีมูลค่าถึง 9,916.3 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหากการท่องเที่ยวไม่เพิ่มเท่าที่ควร โอกาสไทยจะขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจะมีสูงซึ่งจะทำให้ Twin deficit ที่เป็นสัญญาณอันตรายทางเศรษฐกิจ 

ปัญหา 4 เรื่องนี้ จะเกินมือที่รัฐบาลจะแก้ไขได้ และ จะสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาขนอย่างมาก จะบอกว่า ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่ได้เล้ว 8 ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นแล้วว่าพลเอกประยุทธ์และเครือข่ายล้มเหลวอย่างมาก อย่าพยายามดื้อรั้นต่อไปอีกเลย ประชาชนจะยิ่งจะลำบากกันอย่างมาก ไม่ไหวอย่าฝืนครับ โดยพรรคเพื่อไทยพร้อมเข้ามาแก้ไข และได้คิดนโยบายรองรับไว้แล้ว ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นและเลือกพรรคเพื่อไทยมากๆ ในการเลือกตั้งที่จะมาถึงในไม่นานนี้

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net