คลิปจากเวที "CARE ชวน คิด เคลื่อน เขียน รัฐธรรมนูญฉบับในฝัน ของประชาชน" เข็มทอง ต้นสกุลรุ่งเรือง สะท้อนภาวะนิตินิยมล้นเกิน กระบวนยุติธรรมบิดเบี้ยวทุกขั้นตอน กฎหมายเป็นเพียงสิ่งที่ผู้มีอำนาจสั่ง เป็นเครื่องมือกำจัดผู้เห็นต่างทางการเมือง จึงต้องสร้างวัฒนธรรมความรับผิดรับชอบ เพื่อนำไปสู่ผลกระทบที่กว้างและรุนแรงกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เวที "CARE ชวน คิด เคลื่อน เขียน รัฐธรรมนูญฉบับในฝัน ของประชาชน" ที่ลิโด้ คอนเน็คท์ เมื่อวันที่ 8 ส.ค. จัดโดยกลุ่ม CARE คิด เคลื่อน ไทย ร่วมกับสำนักข่าวประชาไท เพื่อร่วมคิดหาหนทางออกจากหุบเหวมหาวิกฤติ ร่วมกันสร้างรัฐธรรมนูญที่มีความเป็นประชาธิปไตย ให้เป็น "ฉบับสุดท้าย" ของประเทศไทย และให้มันเกิดขึ้นที่รุ่นเราจริงๆ เสียที ภายใต้แฮชแท็ก #รัฐธรรมนูญฉบับสุดท้าย #ให้มันเกิดที่รุ่นเรา
โดยการอภิปรายช่วงแรก "ทางออกจากวิกฤตรัฐธรรมนูญ" เข็มทอง ต้นสกุลรุ่งเรือง อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชน กล่าวว่า วิกฤตที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมีวิกฤตกฎหมายด้วย เราอยู่ในประวัติศาสตร์การเมืองที่ไม่มีรัฐบาลไหนถูกกฎหมายมากที่สุดเท่ารัฐบาลนี้ อย่างไรก็ตาม ถามว่า มีใครรู้สึกชีวิตปลอดภัยขึ้นบ้าง มีใครรู้สึกสบายใจได้รับความเป็นธรรมบ้าง ถ้าทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วดี ทำไมต้องมีคนไปนอนที่หน้า สน.ห้วยขวาง เมื่อคืนและไปที่ศาลวันนี้
เมื่อรัฐธรรมนูญปี 2540 เรามีผู้นำขึ้นมาคือทักษิณ จากนั้นชนชั้นนำมองว่าโปรเจคนี้ไม่เวิร์ค จึงต้องล้ม โดยวิธีการล้มคือมวลชน ตุลาการและกองทัพ ใช้ 3 ขา แต่ที่เห็นคือมีการใช้กฎหมายทำลายประชาธิปไตย
เมื่อตัวเองชนะแล้วก็บอกให้ทุกคนทำตามกฎหมาย ที่สำคัญที่สุดคือเผด็จการมองภาพของกฎหมายเป็นเครื่องมืออันหนึ่งที่ไม่ใช่อะไรพิเศษ นักกฎหมายก็ถูกหลอกใช้ได้ ทั้งหมดเกิดสภาพ ‘นิตินิยมล้นเกิน’
กล่าวคือกฎหมายเหลือเพียงอะไรก็ตามที่ผู้มีอำนาจสั่ง คือเครื่องมือกำจัดผู้เห็นต่างทางการเมือง หนึ่งปีให้หลังจากรัฐประหาร ตอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำพิพากษายุบพรรคไทยรักไทย ตั้งแต่วันนั้นตนเข้าใจว่าการบังคับใช้กฎหมายมีปัญหาแน่ การบังคับใช้กฎหมายย้อนหลังเป็นโทษได้ไหม ตนคิดว่าไม่ได้ เรื่องนี้มันหักความรู้ทั้งหมดที่เรียนมาในคณะนิติศาสตร์
“วันนั้นผมคิดว่ารัฐประหารสำเร็จจริงๆ คือวันที่ระบบตุลาการศิโรราบให้กับอำนาจ” เข็มทอง กล่าว
ไม่ใช่แค่ศาล ด้านอื่นก็บิดเบี้ยวไปหมด ทั้งตำรวจ อัยการ ทุกวันนี้มีการชุมนุมจะเห็นว่าผู้ชุมนุมถูกกฎหมายเล็กๆ น้อยๆ เล่นงานตลอด กฎหมายกลายเป็นเครื่องมือในการรังแก เมื่อเปรียบเทียบระหว่างกลุ่ม กฎกมายที่จัดการทนายอานนท์ทั้ง 8 ข้อหาเป็นกฎหมายที่ใช้กลั่นแกล้ง
รัฐประการที่ผ่านมาใช้กฎหมายมาก ตนเชื่อว่า MOU ที่ให้คนเข้าค่ายทหารเซ็น ศาลจะเชื่อว่าอันนี้สามารถยอมรับได้ เมื่อใช้ กฎหมายสะเปะสะปะ เมื่อคุณรู้ว่าเป็นอภิสิทธิชน หลายประการสะท้อนอาการป่วยของนักกฎหมาย
จะออกจากวิกฤติอย่างไรนั้น เข็มทอง มองว่า รัฐธรรมนูญเป็นทางออก แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แม้จะเปลี่ยนรัฐธรรมนูญได้ในพรุ่งนี้ แต่ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่กลไกรัฐจะเปลี่ยนพฤติกรรมนั้นเป็นไปไม่ได้
แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญ การบัญญัติอะไรที่ผิดทางการเมืองควรลดความผิดทางกฎหมายลง ปัจจุบันกลายเป็นตัดสินทางการเมืองก่อนแล้วไปตัดสินอาญา ผู้ใช้กฎหมายเองต้องยอมรับ มันไปต่อไม่ไหวแล้ว ทุกวันนี้เป็นเดอะแบก มันไปต่อไม่ได้แล้ว เมื่อวานวันรพี เครดิตก็หมดแล้ว ควรกลับมาใช้กฎหมายให้เป็นกฎหมายได้แล้ว
“ที่เราไม่มีเลยคืออยู่ดีๆ ศาลตัดสินว่า คำสั่งรัฐประการไม่ใช่กฎหมาย รัฐประหารไม่ชอบ ถ้ามีคำพิพากษาแม้แต่ครั้งเดียวผมคิดว่าพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินเลย” เข็มทอง กล่าว และเสนอว่าต้องสร้างวัฒนธรรมความรับผิดรับชอบ accountability แล้วผมเชื่อว่ามันจะนำไปสู่ผลกระทบที่กว้างและรุนแรงกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)