Skip to main content
sharethis

ยกฟ้อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 3 นักกิจกรรม “ไบรท์-อารีฟ-ตี้” #ม็อบ1กันยา2564 ระบุ ทุกคนสวมหน้ากากอนามัย และไม่แน่ชัดว่ามีผู้เข้าร่วมเกิน 25 คนหรือไม่ แต่ปรับข้อหาใช้เครื่องเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลสั่งปรับไบรท์และอารีฟคนละ 200 บาท 

 

24 เม.ย. 2567 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงาน เวลา 09.00 น. ศาลแขวงพระนครเหนือนัดฟังคำพิพากษาคดีของ 3 นักกิจกรรม “ไบรท์” ชินวัตร จันทร์กระจ่าง,“อารีฟ” วีรภาพ วงษ์สมาน  และ “ตี้” วรรณวลี ธรรมสัตยา ข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต จากกรณีถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้จัดกิจกรรมชุมนุม #ม็อบ1กันยา2564 ที่หน้าพรรคพลังประชารัฐ  เพื่อเรียกร้องให้ สส.พรรคพลังประชารัฐ ลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในขณะนั้น

ในวันเกิดเหตุ ได้มีกลุ่มกิจกรรมจัดกิจกรรมหลายจุด ในช่วงสถานการณ์ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา อาทิ “เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย-ไทยไม่ทน-ทะลุฟ้า” ร่วมจัดกิจกรรมอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภา หน้ารัฐสภา, กลุ่มจัดกิจกรรมปราศรัยถึงการบริหารที่ล้มเหลวของรัฐบาล หน้าพรรคพลังประชารัฐ และกลุ่ม “ทะลุแก๊ซ” ปักหลักรวมตัวเรียกร้องที่สามเหลี่ยมดินแดง

ในกรณีกิจกรรมหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตำรวจ สน.พหลโยธิน ได้มีการดำเนินคดีต่อนักกิจกรรม 3 คน ในข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ “ร่วมกันชุมนุมหรือจัดกิจกรรมในลักษณะที่มีความเสี่ยงต่อโรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุด” และ ร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต 

คดีมีการสั่งฟ้องชินวัตรและวีรภาพไปเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2565 กรณีของวรรณวลีที่ถูกฟ้องภายหลัง เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2565 อัยการไม่สามารถฟ้องในข้อหาใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ เนื่องจากคดีขาดอายุความเกินกว่าวันเกิดเหตุเกิน 1 ปี

ศาลแขวงพระนครเหนือได้สืบพยานคดีนี้ไปเมื่อวันที่ 12-13 มี.ค. 2567 ข้อต่อสู้ของจำเลยคือ ในระหว่างการชุมนุมได้มีการจัดมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ตามสมควร มีการสวมหน้ากากอนามัย และพื้นที่ชุมนุมมีลักษณะเปิดโล่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก ผู้ชุมนุมสามารถรักษาระยะห่างและเคลื่อนที่ได้  รวมถึงจำเลยไม่ใช่ผู้จัดการชุมนุมแต่อย่างใด 

ในส่วนข้อหาการใช้เครื่องขยายเสียง การกระทำของจำเลยเป็นเพียงการร่วมปราศรัยเพื่อเรียกร้องทางการเมือง ไม่ว่าใครก็สามารถขึ้นพูดปราศรัยได้ ไม่ได้เป็นผู้จัดหาเครื่องขยายเสียงมาแต่อย่างใด

ช่วงเช้าที่ชั้น 3 ห้องพิจารณา 11 “วรรณวลี” และทนายความเดินทางมาศาล พร้อมกับ “วีรภาพ” และ “ชินวัตร” ที่ถูกเบิกตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาศาล โดยทั้งสองคนถูกคุมขังในคดีมาตรา 112 คดีอื่น ๆ อยู่

เวลา 09.30 น. ศาลอ่านคำพิพากษาโดยสรุปเห็นว่า จากพยานหลักฐาน ในระหว่างการชุมนุมมีกลุ่มคนหลากหลาย ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นผู้ชุมนุมหรือคนธรรมดาที่เดินผ่านไปมาในบริเวณนั้น ทั้งการชุมนุมกรณีดังกล่าวไม่แน่ชัดว่ามีผู้เข้าร่วมเกินกว่า 25 คน ตามที่กฎหมายกำหนดในขณะนั้นหรือไม่ นอกจากนี้พบว่าทุกคนในบริเวณนั้นยังสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งเพียงพอต่อการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค แม้พื้นที่ดังกล่าวจะยังอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดก็ตาม พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสามในข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ  

ส่วนในข้อหาใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลเห็นว่าชินวัตร และ วีรภาพ มีความผิดตามฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้ใช้เครื่องขยายเสียงในระหว่างการปราศรัยจริง ลงโทษปรับคนละ 200 บาท

จากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ในคดีจากการชุมนุมทางการเมืองช่วงปี 2563-65 ที่ถูกฟ้องตามข้อหา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และจำเลยมีการต่อสู้คดี คดีนี้นับเป็นคดีที่ 99 แล้ว ที่ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง ยังมีสัดส่วนที่มากกว่าคดีที่ศาลเห็นว่ามีความผิดซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 65 คดี แต่ก็ยังมีคดีอีกจำนวนมากที่ยังอยู่ในชั้นสอบสวน ซึ่งอัยการอาจสั่งฟ้องคดีมาเพิ่มอีก แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-2019 จะลดระดับความรุนแรงไปแล้วก็ตาม

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net