Skip to main content
sharethis


นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง สมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร ขึ้นเวทีปราศรัย ณ ที่ชุมนุมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่หน้าสถานีรถไฟหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2549








ประชาไท - 31 มี.ค. 2549 พันธมิตรกู้ชาติภาคใต้ยึด มอ.หาดใหญ่ ชุมนุมใหญ่ เชิญ"สนธิ ลิ้มทองกุล" ร่วมปราศรัยไล่ทักษิณ "เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง" แฉ กกต. ทำผิดหลายอย่าง ขึ้นเงินเดือนตัวเอง อ้างงบลับผลาญงบประมาณ ชี้เลือกตั้ง 2 เมษาฯ ไม่น่าไว้ใจ วอนประชาชนเกาะติดตรวจสอบการลงคะแนน


 


นายแพทย์เกรียงศักดิ์ หลิวจันทร์พัฒนา แกนนำเครือข่ายพันธมิตรกู้ชาติ กู้ประชาธิปไตยสงขลา ว่า เครือข่ายพันธมิตรกู้ชาติภาคใต้ จะจัดชุมนุมใหญ่ เพื่อขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 5 เมษายน 2549 ที่สนามฟุตบอล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ โดยได้เชิญนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมคณะมาร่วมปราศรัยในการชุมนุมครั้งนี้ด้วย


           


เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 30 มีนาคม 2549 ที่ห้องทองจันทร์หงส์ลดารมภ์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ สภาอาจารย์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดเวทีสนทนาประสา มอ. เรื่อง วิเคราะห์สถานการณ์ต้านระบบทักษิณ มีนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง สมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร เป็นวิทยากร มีผู้เข้าร่วมกว่า 400 คน


           


นายเจิมศักดิ์ ได้บรรยายเกี่ยวกับการครอบงำและแทรกแซงวุฒิสภาและองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) การขายบริษัท ชินคอร์


ปอเรชั่น ในแก่กลุ่มเทมาเสกของสิงคโปร์ รวมทั้งการใช้ช่องว่างของกฎหมายหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี การใช้อำนาจในทางที่ไม่ชอบ มีผลประโยชน์ทับซ้อน เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้ชี้ให้เห็นถึงอันตรายของระบอบทักษิณ เพราะฉะนั้นจะต้องจะทำลายระบบทักษิณให้ออกไปจากการเมืองไทยด้วย


 


นายเจิมศักดิ์ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นกรรมการตรวจสอบการทุจริตของวุฒิสภา พบว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งชุดนี้มีความผิดหลายประการ ประการแรก มีการขึ้นเงินเดือนให้ตัวเองโดยมิชอบ เมื่อตนตรวจพบ เขาจึงคืนเงินทั้งหมดทันที แต่แม้จะคืนเงินไปแล้ว ก็ต้องได้รับโทษเพราะได้กระทำผิดไปแล้ว


 


ประการที่สอง คณะกรรมการการเลือกตั้งชุดนี้ได้มีการจัดสรรงบลับขึ้นมา โดยให้ประธานและกรรมการสามารถเบิกได้คนละ 500,000 บาท ต่อครั้ง เลขานุการเบิกได้คนละ 300,000 บาทต่อครั้ง รองเลขานุการ เบิกได้คนละ 200,000 บาทต่อครั้ง ตลอดจนผู้อำนวยการกอง 5 กอง เบิกได้คนละ 50,000 บาท ต่อครั้ง ทำให้สูญเสียงบประมาณไปถึง 40 ล้านบาท ประการต่อมา ปกติการให้ใบแดงแก่ผู้ได้รับเลือกตั้ง ต้องให้กรรมการทั้ง 5 คนลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ แต่ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมา เมื่อมีการลงมติเป็นเอกฉันท์แล้ว ปรากฏว่าในวันรุ่งขึ้น กลับกลายเป็นการให้ใบเหลือง อีกทั้งเมื่อให้ใบแดงแล้วจะต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าว ทำให้กรรมการบางคนไม่ยอมลงนามในราชกิจจนุเบกษา จึงประกาศทำให้มีเรื่องค้างอยู่เป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดนี้ทำงานชุ่ยมาก


 


นายเจิมศักดิ์ กล่าวอีกว่า คงไม่สามารถที่จะหยุดการเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน 2549 ได้ทัน เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดนี้มีข้อบกพร่องมาก ตนจึงเป็นห่วงกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดต่างๆ ว่าอาจจะปล่อยให้เกิดการทุจริตได้ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อปี 2548 ปรากฏว่ามีการซื้อหน่วยเลือกตั้งบางหน่วยด้วยราคา 20,000 บาท ซึ่งราคาถูกกว่า สุนัขพันธุ์ต่างชาติเสียอีก ให้กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งทั้ง 7 นำไปแบ่งกัน เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ ประชาชนต้องช่วยกันตรวจสอบและช่วยเป็นพยานหากมีการทุจริตเกิดขึ้น


 


นายเจิมศักดิ์ กล่าวถึงศาลปกครองสูงสุดด้วยว่า ดูเหมือนว่าศาลปกครองเป็นองค์กรอิสระที่มีความอิสระมากที่สุดขณะนี้ เนื่องจากกระบวนการสรรหาตุลาการมีความแตกต่างจากกระบวนการสรรหาบุคคลากรขององค์กรอิสระอื่นๆ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ หรือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยังไม่ถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง กระบวนการสรรหาตุลาการศาลปกครองน่านสนใจ คือ จะใช้วิธีการสอบข้อเขียน การศึกษาจากประวัติและการสอบสัมภาษณ์ เป็นต้น ส่วนองค์กรอิสระอื่นๆนั้น จะต้องรื้อและปฏิรูปการสรรหาบุคคลเข้ามาเป็นกรรมการหรือตุลาการทั้งหมด แต่ในขั้นแรกจะต้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกจาการเมืองไปก่อน แล้วจึงมาพิจารณากัน


 


ต่อมาเวลา 20.00 น. วันเดียวกัน นายเจิมศักดิ์ ได้ไปปราศรัยต่อในที่ชุมนุมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่หน้าสถานีรถไฟหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมีประชานมาร่วมฟังการปราศรัยกว่า 3,000 คน


 


นายเจิมศักดิ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าว "ประชาไท" ว่า การปฏิรูปการสรรหาบุคคลเข้ามาเป็นกรรมการหรือตุลาการ ขององค์กรอิสระ ไม่จำเป็นต้องยึดวิธีการของศาลปกครอง แต่จะใช้วิธีการใดนั้นก็ต้องมาพิจารณากันว่าจะป้องกันการแทรกแซงได้อย่างไร ซึ่งเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งหลังจากขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกไปแล้ว


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net