สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 48 ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยกับรัฐบาลทหารพม่าได้มีข้อตกลงร่วมกันถึงแผนการโครงการเกษตรขนาดใหญ่ โดยมีกำหนดใช้พื้นที่เพาะปลูกตามแนวชายแดนตั้งแต่จังหวัดท่าขี้เหล็กลงไปถึงจังหวัดระนอง ในฝั่งพม่า รวมเนื้อที่กว่า 77 ล้านไร่ ซึ่งมีความกว้างเท่ากับประเทศไอแลนด์ หรือเทียบเท่าพื้นที่รัฐชินกและรัฐอาระกันในพม่า โดยรัฐบาลไทยจะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องงบประมาณทั้งหมด ส่วนฝ่ายพม่ารับผิดชอบในเรื่องจัดหาที่ดินและแรงงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างรายได้ให้กับแรงงานในพม่าและช่วยลดแรงงานต่างด้าวในประเทศไทย ขณะที่ทางฝ่ายไทยต้องการนำเข้าวัตถุดิบจากพม่า 

โครงการดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนซึ่งมีที่ดินทำกินอยู่บนพื้นที่ของโครงต่างหนาวเนื้อร้อนใจไปตามๆ กัน เนื่องจากเกรงว่าจะถูกทหารพม่ายึดที่ดินทำกินดังเช่นที่เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง

ชาวบ้านในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ฝั่งตรงข้ามอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาที่ดินทำกินของพวกเขาได้ถูกทหารพม่ายึดแล้วหลายครั้ง ซึ่งไม่เคยได้ค่าตอบแทนแม้แต่ครั้งเดียว โดยทหารพม่าอ้างว่าจะทำเป็นสวนส้มเพื่อให้ประชาชนมีรายได้จากการรับจ้างรายวัน แต่พอถึงเวลาทำจริงๆ แล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น คนงานที่จ้างมาส่วนใหญ่เป็นชาวว้าซึ่งไม่ใช่คนในพื้นที่ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ทหารร่วมถือหุ้น

ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวในพื้นที่เดียวกันเปิดเผยอีกว่า หากโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจริง จะมีที่ดินทำกินของชาวบ้านถูกยึดนับร้อยนับพันไร่ อีกทั้งจะมีแรงงานหนีทะลักเข้าประเทศไทยอีกนับหมื่นนับแสนคน

--------------------------------------------------------------------------------

ข่าวทั้งหมดแปลและสรุปความโดยสำนักข่าวเชื่อม เป็นหน่วยงานข่าวภาคภาษาไทยของสำนักข่าว S.H.A.N (Shan Herald Agency for News) ซึ่งเป็นเครือข่ายของศูนย์ข่าวสาละวิน (Salween News Network) ท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ chuem@cm.ksc.co.th และ snn_news@cm.ksc.co.th พร้อมติดตามอ่านข่าวสารย้อนหลังรวมทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศพม่าภาคภาษาไทยได้ที่ www.salweennews.org ภาษาอังกฤษได้ที่ www.shanland.org และภาคภาษาไทยใหญ่ได้ที่ www.mongloi.org 

  กลับหน้าแรกประชาไท