ประชาไท-17 พ.ค. 48 "ส่วนตัวผมคิดว่าเขาไม่มีน้ำยา เลยไม่อยากฝากอะไรแล้ว เพราะไม่ใช่ญาติ พ่อ แม่ของเขา แต่ผมก็คิดว่าเวรกรรมมีจริง" นายอดิสร โพธิ์อ่าน ลูกชายนายทนง โพธิ์อ่าน อดีตประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจผู้ถูกอุ้มหาย ก่อนเกิดเหตุการณ์ พฤษภาคม 2535 กล่าว

เวที เสวนาครบรอบ 13 ปี พฤษภาประชาธรรม วันนี้ ที่ โรงแรมรัตนโกสินทร์ นายอดิสร โพธิ์อ่านเปิดใจต่อสารธารณะเป็นครั้งแรกถึงเหตุการณ์ที่พ่อโดนอุ้มไปเมื่อ พ.ศ. 2535 ก่อนหน้าเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม

"ผมรักพ่อมากที่สุดในชีวิต แต่วันหนึ่งพ่อถูกอุ้มหายไป เด็กอายุ 17-18 จะรู้สึกอย่างไร อกมันแทบแตก คุณแม่ก็ทำงานคนเดียวเป็นข้าราชการ ดูแลลูก 3 คน องค์การแรงงานสหรัฐฯ ยังมาช่วยบ้าง รัฐสลึงเดียวก็ไม่เคยช่วย " นายอดิสรกล่าว

ผลกระทบจากเหตุการณ์หลังจากที่นายทนงหายสาบสูญไป นายอดิสรเล่าว่า ตนต้องแอบไม่ไปเรียนเพื่อไม่ต้องจ่ายค่าเทอมแต่โรงเรียนก็ให้ความช่วยเหลือภายหลัง แต่น้องคนกลางชีวิตพังเพราะผลกระทบจากเรื่องนี้ ส่วนน้องคนเล็กก็ดีหน่อยเพราะรู้ว่าครอบครัวลำบากจึงพยายามเรียนให้ดีที่สุด จนปัจจุบันได้ทุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น และมีคะแนนสูงสุดของเอเชีย

ในส่วนของการติดตามค้นหา นายอดิสรคิดว่าน่าจะยาก เพราะเคยให้หลักฐานลายนิ้วมือแฝงที่มีอยู่เต็มรถ รวมทั้งทะเบียนรถคนที่อุ้มกับตำรวจ แต่ก็ได้รับการแจ้งกลับว่าเป็นทะเบียนปลอม จากนั้นเรื่องก็เงียบ แต่คาดว่าหลักฐานน่าจะยังเก็บไว้ที่ สถานีตำรวจราษฎร์บูรณะ

นายอดิสรกล่าวต่อว่าเคยมีจดหมายเปิดเผยข้อมูลสอบสวนข้อเท็จจริง ดูแล้วไม่ได้อะไรเลย คิดว่าตำรวจไทยน่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่จะทำหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ยิ่งในกรณีที่เกิดขึ้น กับทนายสมชาย นีละไพจิตร ด้วยแล้ว น่าจะติดตามง่ายกว่าเพราะเกิดในช่วงสมัยนี้ แต่อาจจะกลัวเสียหน้ามากกว่าหากเปิดเผยว่าใครเป็นคนทำ

ทั้งนี้ การสูญหายของนาย ทนง โพธิ์อ่าน มีการสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากการคัดค้านการยกเลิกสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ของรัฐบาลพลเอกสุจินดา คราประยูร นายอดิสรกล่าวว่า รัฐเคยขอให้หยุดพร้อมยื่นข้อเสนอเป็นเงิน 30 ล้านบาทแต่นายทนงไม่รับ และเคลื่อนไหวคัดค้านต่อ จึงอาจเป็นสาเหตุให้ถูกอุ้ม

"นี่คือสิ่งที่ตอบแทนคนๆหนึ่งที่ทำเพื่อสังคม และครอบครัวได้รับ แล้วอย่างนี้ต่อไปใครจะอยากทำความดีเพื่อสังคม"

ส่วนคำฝากไปถึงรัฐบาลชุดนี้นายอดิสร กล่าวว่า ถ้าหากมีความสามารถจริงก็ขอให้ทำเรื่องนี้ให้ยุติโดยเร็ว

ภาพันธ์ รักษ์ศรีทอง