สงขลา- 4 เม.ย.48 ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้เรียกประชุมตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองสงขลา สถานีตำรวจภูธรอำเภอหาดใหญ่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นท้องที่ลอบวางระเบิด เมื่อคืนวันที่ 3 เมษายน 2548 และกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4

ในการประชุมครั้งนี้ มีการนำเศษชิ้นส่วนของวัตถุระเบิด ที่ตำรวจวิทยาการเก็บได้มาตรวจสอบพบว่า เป็นระเบิดแสวงเครื่องแบบโมบายบอมบ์ ใช้ดินระเบิดไดนาไมต์ และปุ๋ยยูเรียเป็นตัวเร่ง จุดระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือโนเกีย ไม่มีการใส่สะเก็ดระเบิด แต่อาศัยแรงอัดของดินระเบิดเป็นตัวทำลาย ระเบิดที่ใช้ทั้ง 3 จุด ประกอบด้วยกรรมวิธีเดียวกัน จึงสันนิษฐานว่า เป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน

จากนั้น พล.ต.ท.มาโนชมอบหมายให้พล.ต.ต.วีรยุทธ สิทธิมาลิก รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ให้พล.ต.ต.สุรพล ทองประเสริฐ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา เป็นหัวหน้าฝ่ายสืบสวน เพื่อติดตามหาตัวกลุ่มคนร้ายทั้ง 3 กลุ่ม ที่ก่อวินาศกรรมในครั้งนี้

ต่อมา จึงมีการนำกล้องโทรทัศน์วงจรปิดของสนามบิน มาตรวจสอบค้นหาภาพผู้ต้องสงสัย พบภาพผู้ต้องสงสัยเดินหิ้วกระเป๋าเข้าไปนั่งในบริเวณจุดที่เกิดระเบิด จึงให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้บาดเจ็บ และผู้ที่อยู่บริเวณประตูทางเข้า - ออก รวมทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสนามบิน ทั้งชายและหญิง 3 คนมาสอบปากคำ โดยให้ดูภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด

รายงานข่าวจากพนักงานสอบสวนแจ้งว่า จากการตรวจสอบภาพที่บันทึกได้จากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดภายในสนามบิน พบชายใส่ชุดสีเข้ม ผิวคล้ำ ถือกระเป๋าเดินทางขนาดเล็ก เดินเข้ามาเพียงคนเดียว หลังจากชายดังกล่าวได้เดินออกจากจุดเกิดเหตุเพียงไม่กี่นาทีก็เกิดระเบิดขึ้น ภาพที่ปรากฏในวิดีโอวงจรปิด สามารถระบุหน้าตาของชายคนดังกล่าวได้ชัดเจน

ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุภายในสนามบินนานาชาติหาดใหญ่พบว่า ระเบิดที่นำมาก่อเหตุ แตกต่างจากระเบิดของกลุ่มบีอาร์เอ็น โคออดิเนตที่ใช้ปุ๋ยยูเรียเป็นเชื้อปะทุ มีเศษตะปูเป็นส่วนประกอบ จึงเป็นไปได้ว่า การลอบวางระเบิดที่อำเภอหาดใหญ่ครั้งนี้ อาจไม่ใช่ฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เป็นมือที่สามอาศัยสถานการณ์ความไม่สงบ ก่อเหตุขึ้นมาโดยหวังประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง