Skip to main content
sharethis

องอาจ เดชา : รายงาน


 


ในเวทีสัมมนา "แม่น้ำโขง-สาละวิน" ผู้คน ผืนน้ำ และสุวรรณภูมิของอุษาคเนย์ ที่จัดขึ้นโดยมูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย ระหว่างวันที่ 23-24 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่โรงแรมเซ็นทรัล ดวงตะวัน จ.เชียงใหม่ "รศ.กฤตยา อาชวนิจกุล" นักวิชาการจาก สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ได้บรรยายเรื่อง "การขนย้ายแรงงานข้ามแดนในอุษาคเนย์" ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจ "ประชาไท" จึงขอนำมาเสนอโดยละเอียด...


 


0 0 0 0 0


 


แรงงานที่ถูกขนมาจากประเทศลุ่มน้ำโขง ใช้เส้นทางผ่านข้ามหลายประเทศ


แรงงานที่ถูกขนมาจากประเทศลุ่มน้ำโขง พม่าก็จะเป็นรูปแบบหนึ่ง มีทั้งผู้หญิง เด็กและผู้ชาย จากลาวก็จะเข้ามาทั้งธุรกิจทางเพศและรับใช้ในบ้าน แรงงานก็พบโดยทั่วไป ประเด็นที่อยากจะบอกก็คือว่า อย่างคนจากเวียดนาม ถ้าจะเข้าไทยส่วนใหญ่จะผ่านเขมร แล้วมักจะเป็นชาย ถ้าเป็นผู้หญิงก็มาสู่ธุรกิจการค้าประเวณี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทางด้านซีกตะวันตกของเวียดนาม ส่วนแรงงานชายจะถูกใช้มากในภาคประมง มีเส้นทางอย่างเช่น ตอยเวย์ ในประเทศกัมพูชา ก็จะมาที่ระยองส่วนใหญ่ ถ้าทางทฤษฎีเรียกว่า chain migration คือการย้ายถิ่นลูกโซ่ ย้ายตามกันมา แต่มานี่ก็ไม่ใช่ง่ายๆ นะ มาคือคุณต้องจ่ายสตางค์นะ เพราะการเดินทางออกจากหมู่บ้านมา เสียเงินทั้งสิ้น จากกัมพูชามาระยองทางตอยเวย์ ต้องเสีย 3,000 บาท นี่คืออย่างต่ำนะ บางคนอาจจะเสียมากกว่านั้น


 


คนเกาหลีเหนือเข้าไทย ไม่ใช่เพื่อแรงงาน แต่ต้องการสถานภาพผู้ลี้ภัย


ทีนี้ ในประเด็นเกาหลีเหนือนี่น่าสนใจ เพราะกระบวนการที่คนเกาหลีเหนือมาประเทศไทย มันไม่ใช่เป็นเรื่องการใช้แรงงาน แต่มาเพราะเขาต้องการจะได้สถานภาพ "ผู้ลี้ภัย" เพื่อจะถูกส่งต่อไปยังประเทศที่สามหรือถกส่งกลับไปเกาหลีใต้ แล้วจริงๆ เขาก็ทำกันมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยใช้เส้นทางเวียดนาม ทางจีน ซึ่งเข้าใจว่าอันตรายมากขึ้น แพงกว่า ตอนนี้เลยมาใช้ไทย คือทั้งหมดนี้อาจจะต้องผ่านเวียดนามหรือผ่านจีนมาก่อน มาเข้าไทย แล้วบางกลุ่มนี่ รายงานตัวกับตำรวจทันทีเลยว่า ขอมาเป็นผู้ลี้ภัย บางกลุ่มก็จะมีนายหน้าที่จะจัดการติดต่อกับตำรวจเพื่อจะให้ได้สถานภาพผู้ลี้ภัย แล้วถกส่งต่อไปประเทศที่สาม


 


แต่จริงๆ ส่วนใหญ่เขาอยากจะถูกส่งต่อไปประเทศเกาหลีใต้ คือพูดง่ายๆ ว่าเป็นวิธีการที่หนีออกจากประเทศเกาหลีเหนือซึ่งกล้ามาก ออกมาจากเกาหลีเหนือ เข้าจีน เวียดนาม ไทย แล้วกลับไปเกาหลีใต้อีกทีหนึ่ง


 


พม่าอ้างเจอปัญหาคนอินเดียทะลักเข้าตั้งแต่ปี 1970


ประเทศพม่า ถือว่าเป็นประเทศที่ส่งออกแรงงานไปทำงานในประเทศอื่น เราเคยจัดประชุมประเทศอาเซียนทั้งหมด มีตัวแทนประเทศละ 2 คน แล้วเราก็มีการจัดกลุ่มย่อยให้ประเทศแต่ละประเทศพิจารณาตัวเองว่า เป็นประเทศที่รับแรงงาน หรือส่งแรงงานออกไป ปรากฎว่ากัมพูชา ลาวก็ไปอยู่ในกลุ่มที่ส่งคนออกไป แต่พม่าพิจารณาตัวเองว่าเป็นประเทศรับคนเข้ามา คือเขามาจากภาครัฐคนหนึ่ง แล้วก็เอ็นจีโออีกคนหนึ่ง เราก็พยายามจะคุย แต่คนที่มาจากรัฐบาลหรือ ตม. ของเขาเลือกที่จะเป็นประเทศส่งออกแรงงาน


 


เราถามว่า ทำไมคุณจึงคิดว่าประเทศของคุณเป็นประเทศที่รับคน เขาก็บอกว่า เขารับคนจากประเทศอินเดีย ซึ่งมันเป็นปัญหาตั้งแต่ปี 1970 แล้ว พูดง่ายๆ ว่ารัฐบาลทหารพม่าไม่ได้รับสถานการณ์ความเป็นจริง ว่าขณะนี้ตัวเองเป็นประเทศที่ส่งคนออกไป ด้วยสถานการณ์ภายในประเทศเอง คนจากประเทศพม่าที่อยู่ในประเทศไทย ดิฉันเข้าใจว่ามีอย่างต่ำ 2 ล้านคน แต่ว่าจะมีลักษณะไปๆ มาๆ หมุนเข้าหมุนออก


 


ส่วนคนจากประเทศลาวนี่ จะเข้ามายังประเทศไทยเป็นหลัก กัมพูชาก็เช่นกัน ส่วนเวียดนามจะผ่านมาทางกัมพูชาอย่างที่กล่าวไปแล้ว


 


จากจีนจะเข้ามาทางมณฑลยูนนาน แล้วก็พม่า แรงงานจากจีนที่เป็นผู้หญิงที่มีชาติพันธุ์ที่คล้ายกับไทใหญ่ หรือมาจากสิบสองปันนาก็ตาม ซึ่งมีวัฒนธรรมคล้ายคลึงกัน ก็จะถูกหลอกบ้าง ถูกล่อลวงบ้าง เข้ามาทำงานแล้วก็มาค้าประเวณี พบมากที่สุดในธุรกิจนวดแผนโบราณ อันนี้เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าการเดินทางที่จะขนคน บางครั้งมันใช้เส้นทางที่ผ่านหลายประเทศ


 


"มีเรื่องจริงที่เราได้จากการสัมภาษณ์ผู้หญิงจากประเทศพม่า 3 คนในทัณฑสถานหญิงเมื่อหลายปีมาแล้ว คือมันมีผู้หญิง 3 คนจากท่าขี้เหล็กได้รับการบอกว่า มีงานทำ ก็เข้ามาทางแม่สาย คนหนึ่งจากแม่สายก็นั่งรถมาที่กรุงเทพฯ อีกสองคนไปเชียงใหม่ก่อน แล้วก็ลงมาเจอกันที่กรุงเทพฯ แล้วทั้งหมดก็ถูกขนไปที่หาดใหญ่ ไปเจอกับผู้หญิงไทยอีก 7 คนรวมเป็น 10 คน


 


ช่วงที่หาดใหญ่นี้รถตู้ก็เปลี่ยนคนคุม โดยจากแม่สายไปกรุงเทพฯ เป็นกลุ่มหนึ่ง แล้วแม่สายผ่านเชียงใหม่ไปที่หาดใหญ่ก็จะเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง พอมาเจอกันปุ๊บ ก็นั่งรถตู้รวมกัน มีคนคุมไปที่มาเลเซีย ในจำนวน 10 นี้มีคนไทยคนหนึ่งไม่รู้ไปทำอีท่าไหนถูกตำรวจมาเลเซียจับก็เลยเหลือ 9 คน นั่งรถตู้ต่อไปสิงคโปร์ จากสิงคโปร์นั่งเรือไปฟิลิปปินส์ ไปพักที่ฟิลิปปินส์ 3 สัปดาห์ อยู่ในอพาร์ตเมนท์ จากนั้นจึงถูกขนไปไต้หวัน เข้าไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง วันรุ่งขึ้นตำรวจไต้หวันเข้าจับกุม ผู้หญิงทั้ง 9 คนนี้ถูกส่งกลับมาประเทศไทย คนไทย 6 คนถูกปล่อยตัวทันที ถือว่าเป็นการถูกหลอก แต่คนต่างชาติ 3 คนที่เป็นไทใหญ่ 2 คน พม่า 1คน ถูกจับในข้อหา หนึ่ง เข้าเมืองผิดกฎหมายไม่มีเอกสารการเดินทาง สอง ออกจากเมืองผิดกฎหมายเพราะใช้เอกสารเดินทางปลอม คือผิดทั้งเข้าทั้งออก


 


พอขึ้นศาล มีคนต่อสู้ว่าไม่ผิด เพราะว่าถูกหลอก คนหนึ่งสารภาพ อีกสองคนจะสู้ ก็มีล่ามเข้าไปคุย ผู้พิพากษาก็บอกว่าไม่ต้องสู้ เพราะว่าถ้าสู้มันจะนาน คุณจะติดคุกนานกว่าคุณไม่สู้ กระบวนการต่อสู้เพื่อพิสูจน์ว่า ตัวเองถูกหลอกมามันกินเวลา และไม่มีใครจะไปประกันคุณออกจากคุก แล้วถึงประกันคุณออกจากคุก เนื่องจากคุณเข้าเมืองผิดกฎหมาย คุณก็จะอยู่ข้างนอกไม่ได้ ต้องถูกส่งไปที่สถานกักที่สวนพลู ก็เป็นคุกอีกแบบหนึ่ง ผู้พิพากษาบอกว่าไม่ต้องต่อสู้เลย ให้รับสารภาพ พอสารภาพแล้วก็ติด 1ปี ตอนที่เราไปสัมภาษณ์เขาก็ใกล้จะครบปีแล้ว พอเขาครบกำหนดก็ถูกส่งไปที่สวนพลู


 


ซึ่งสภาพที่สวนพลูเลวร้ายกว่าสภาพที่ทัณฑสถานหญิง เพราะที่ทัณฑสถานหญิงยังเหยียบหญ้าได้ แต่ที่สวนพลูมันเป็นห้องๆ ห้องหนึ่งอยู่กัน 5-6 คน บางที 100 คน ห้องกักคนเข้าเมืองผิดกฎหมายหญิงมี 2 ห้อง ห้องหนึ่งกัก 3 ประเทศ คือ ลาว พม่า เขมร อีกห้องหนึ่งกักทุกชาติที่ไมใช่ลาว พม่า เขมร"


 


 


หากประเด็นเรื่องการเข้าเมืองผิดกฎหมายยังอยู่


โอกาสช่วยเหลือหรือแก้ปัญหาให้ผู้ถูกขนย้ายแทบจะเป็นไปไม่ได้


เพราะฉะนั้น การแก้ปัญหานี้ ถ้าประเด็นเรื่องการเข้าเมืองผิดกฎหมายยังอยู่ โอกาสที่จะช่วยเหลือหรือแก้ปัญหาให้ผู้ถูกขนย้ายจะเป็นไปไม่ได้ ตรงกันข้ามกับแรงงานไทยที่ถูกหลอกไปทำงานที่มินิโซต้าโดยคนไทยด้วยกันเอง ดิฉันจำไม่ได้ว่าเป็นโรงงานทำลูกกวาดหรืออะไรสักอย่าง ถูกจับไปเลย 70 คน ขึ้นศาล ศาลให้ออกมารอตอนพิพากษาคดี แล้วขณะพิพากษาคดีให้จ่ายค่าแรงด้วย แล้วเขาก็ไม่ถูกเอาผิดในฐานะเข้าเมืองผิดกฎหมาย มีหลายประเทศที่ใช้ระบบนี้ แต่ของไทยเรา ก็พยายามคุยกับศาล คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ว่า จะแก้ปัญหานี้ต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย


           


นโยบายรัฐ ทำให้เกิดกระบวนการค้าแรงงานมนุษย์


มาพร้อมการพัฒนา ถนน เขื่อน การท่องเที่ยว


นโยบายของรัฐ ที่มันนำมาสู่กระบวนการค้าแรงงานมนุษย์ มันมาตั้งแต่เรื่องการพัฒนา ถนน เขื่อน การท่องเที่ยว ซึ่งจะไม่ขอลงไปในรายละเอียดอีก ในประเทศจีนมันมาจากนโยบายประชากรและนโยบายทุนนิยม ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ก็เพาะว่าจีนให้มีลูกคนเดียว ก็เลยเป็นลูกชายเป็นส่วนใหญ่ ถ้าตัวอ่อนของทารกเป็นผู้หญิง บางทีก็ถูกทำแท้งเลย หรือบางทีเกิดมาก็ไม่แจ้งเกิด หรือเกิดมาแล้วก็เอาไปทิ้งสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เรื่องพวกนี้จึงมีผลทำให้ผู้ชายไม่มีเมีย ก็เลยไปหลอกเอาเมียผู้หญิงเวียดนามมา ผู้หญิงเวียดนามบางคน คนเดียวเป็นเมียของผู้ชาย 3 พี่น้องก็มี พม่านี่ก็เรื่องความขัดแย้งภายในประเทศ เขมร ลาวก็เป็นปัญหาเรื่องสภาวะหลังสงคราม แล้วก็เรื่องทุนนิยม แล้วก็สาเหตุหลักของประเทศเขมรคือเรื่องความยากจน แต่คนที่ออกมาได้คือคนที่รวยกว่าคนอื่นในหมู่บ้าน


           


การคอร์รัปชั่น เป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาการลักลอบขนคนข้ามแดน


ทีนี้ ปัญหาอันหนึ่งที่เกิดขึ้นในทุกประเทศ นี่คือภาพจากประเทศไทยนะ ก็คือการคอร์รัปชั่น เป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาการลักลอบขนคนข้ามแดน แล้วส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมีส่วนร่วม ทำให้บางครั้งเราแก้ไขปัญหาพวกนี้ได้ยาก อันนี้ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย ทุกๆ ประเทศก็เป็น


 


ปัญหาเรื่องวัฒนธรรมทางเพศ นำไปสู่การขนคนไปค้าประเวณี


ปัญหาอีกอันหนึ่งที่นำไปสู่การขนคนไปค้าประเวณี คือ ปัญหาเรื่องวัฒนธรรมทางเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วัฒนธรรมทางเพศแบบของไทย ก็มีผลทำให้เกิดธุรกิจการค้าประเวณี อันนี้เป็นปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนปลายทาง


           


ปัจจุบัน คนถูกหลอกน้อยลง คนที่เต็มใจมีมากขึ้น


อันนี้เป็นผลการวิจัยของดิฉันเอง ที่ชี้ให้เห็นว่า เป็นความเบลอระหว่างการบังคับหรือสมัครใจ แล้วอยากจะเรียนว่า นี่เป็นผลการวิจัยที่ทำให้องค์กรระหว่างประเทศองค์กรหนึ่งไม่พอใจมาก เพราะดิฉันบอกว่า เดี๋ยวนี้คนถูกหลอกน้อยลง แต่มันถูกหลอกด้วยกระบวนการอื่น เพราะฉะนั้น ไอ้ตัว a ที่ถูกบังคับ ถูกลักพา มีน้อยลงมากๆ แต่ b c d e f รวมถึงคนที่เต็มใจมีมากขึ้น นี่รวมทั้งคนไทยที่ไปทำงานที่ญี่ปุ่นด้วย คือมีคนเต็มใจถูกหลอกเหมือนกับที่เราว่า รู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก แต่ก็มีเงื่อนไขบางเงื่อนที่คนที่ไปด้วยความเต็มใจ...ซึ่งกำลังจะมีงานวิจัยออกมาชี้ว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง เด็ก หรือผู้ชาย ก็ถูกนายหน้าเอาเปรียบ เพราะฉะนั้นการเต็มใจก็ดี การถูกหลอกก็ดี เดี๋ยวนี้มันมีเส้นแบ่งยาก


 


มีตัวอย่างคลาสสิกของประเทศไทย และเป็นเชิงวัฒนธรรม ซึ่งเมื่อก่อนเราอายมากที่เรามีหมู่บ้านที่ขายลูกสาว แต่ว่าดิฉันเคยถามเด็กผู้หญิงว่า ทำไมต้องไป เขามีความรู้สึกว่า เขาต้องไปเพราะมันเป็นหน้าที่ที่เขาจะต้องตอบแทนบุญคุณให้กับพ่อแม่ เขาตัดสินใจไปเอง เพราะพ่อแม่พูดทุกวันว่า หลังคาบ้านรั่ว รั้วเราก็ไม่สวยเหมือนบ้านคนอื่น คือเขาไม่ได้ไปบังคับลูกสาว พอมีคนมาชวนไปค้าประเวณีเขาก็ไป


 


เพราะฉะนั้น เขาไปด้วยความเต็มใจ คือเฉพาะคนนี้นะ พอเขาทำงานจนซ่อมหลังคาได้ ซื้อสเตอริโอได้ ซื้อมอเตอร์ไซค์ให้น้องชายได้ เขาก็กลับบ้านไปเรียน กศน. แต่คนอื่นอาจจะยังกลับไม่ได้ หรือเกิดปัญหาอะไรก็ตามแต่ ก็เป็นเรื่องที่เราจะต้องพูดคุยกันต่อไป


 


 


ข่าวประกอบ


"กฤตยา อาชวนิจกุล" : การขนย้ายแรงงานข้ามแดนในอุษาคเนย์ (1)


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net