Skip to main content
sharethis

นายเปรมประชา ศุภสมุทร ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กยศ. ที่มีนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล เป็นประธาน เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม มีมติให้ กยศ. เร่งศึกษารายละเอียดการยุบรวม กยศ. กับกองทุนเงินให้กู้ยืมที่พูกพันกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) และกองทุนเงินให้เปล่าเป็นกองเดียวกันตามนโยบายของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์


 



ยืนยันว่าการยุบรวมกองทุนทั้งหมดเข้าด้วยกันนั้น จะไม่ทำให้เกิดปัญหากับเด็กนักเรียนแต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมา กยศ. ได้แก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับการเปลี่ยนสภาพจาก กยศ. เป็น กรอ. โดยใช้ชื่อว่ากองทุนเพื่อการศึกษาหรือ กพศ. อยู่แล้ว แต่เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองจึงทำให้การแก้ไขกฎหมายต้องตกไป


 



ทั้งนี้ กยศ.จะหารือร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการให้ชัดเจนอีกครั้งว่าจะนำข้อดีของทั้ง กรอ. กยศ. และกองทุนเงินให้เปล่ามารวมกันอย่างไรเพื่อให้เกิดประโยชน์กับเด็กนักเรียนที่สุด ซึ่งทั้ง กยศ. และ กรอ.ต่างมีข้อดีในตัวอยู่แล้ว แต่ต้องหาแนวทางที่ดีที่สุดเพื่อให้การจัดตั้งกองทุนใหม่สมบูรณ์แบบมากที่สุด แต่เมื่อนำมารวมกันก็ต้องตัดตอนนักเรียนนักศึกษาที่ได้รับทุนของ กยศ. และ กรอ.ออกไปก่อน แล้วเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่เพื่อป้องกันความสับสน


 



แต่เด็กนักเรียนนักศึกษาที่ขอกู้เงินจาก กยศ. และ กรอ.อยู่ก่อนหน้านี้ยังคงได้รับสิทธิและอยู่ภายใต้เงื่อนไขเดิมของแต่ละกองทุน แต่เมื่อกฎหมาย กพศ. มีผลบังคับใช้แล้ว เด็กนักเรียนนักศึกษาใหม่ก็ต้องใช้หลักเกณฑ์ตามเงื่อนไขใหม่


 



นายเปรมประชา กล่าวว่า ข้อดีของ กยศ.คืออัตราดอกเบี้ยต่ำมากเพียงร้อยละ 1 ต่อปี และมีระยะเวลาปลอดหนี้ 2 ปี โดยกำหนดให้ชดใช้เงินคืน กยศ. เมื่อมีรายได้ตั้งแต่ 4,700 บาทต่อเดือน เป็นต้นไป และให้เงินกู้ที่นำไปใช้เป็นค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายส่วนตัว และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ค่าเช่าห้อง เป็นต้น แต่ กยศ.มีวัตถุประสงค์ชัดเจนที่จะให้เงินกู้เด็กนักเรียนที่ยากจนเท่านั้น ขณะที่ กรอ.จะให้เงินกู้เฉพาะค่าเล่าเรียนแต่เพียงอย่างเดียว และกำหนดให้ชำระหนี้เมื่อมีเงินได้ตั้งแต่ 16,000 บาทต่อเดือน โดยคิดอัตราดอกเบี้ยตามอัตราเงินเฟ้อที่ปัจจุบันอยู่ที่ระดับร้อยละ 6 ต่อปี


 



อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเมื่อนำทั้ง กยศ. กรอ. และกองทุนเงินให้เปล่ามารวมกันตามกฎหมาย กพศ. แล้วจะเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขไปมากน้อยเพียงใด เพราะต้องจัดทำรายละเอียดให้ชัดเจนและรอบคอบก่อน แต่ยืนยันว่าจะยึดหลักการจากความต้องการของเด็กนักเรียนเป็นหลัก ซึ่งเมื่อรวมกองทุนเข้าด้วยกันแล้วจำเป็นต้องปรับปรุงการของบประมาณประจำปี 2550 ใหม่ด้วย จากเดิมที่เสนอไปกว่า 40,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณที่นำมาใช้ทั้ง กรอ. กยศ. และกองทุนเงินให้เปล่า


 



จะขอตั้งเป็นเงื่อนไขกับสำนักงบประมาณว่าจะขอให้ลักษณะของรูปแบบเดิมคือทั้ง กยศ. กรอ. และกองทุนเงินให้เปล่าไปก่อน แต่เมื่อกฎหมาย กพศ. มีผลบังคับใช้แล้วก็จะเปลี่ยนแปลงการใช้เงินให้อยู่ภายใต้กฎหมาย ที่ผ่านมา กยศ. ได้ปล่อยกู้ไปแล้ว 270,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.8 ล้านคน ขณะที่ กรอ.ปล่อยกู้ไปแล้ว 5,800 ล้านบาท หรือคิดเป็น 350,000 คน ส่วนกองทุนให้เปล่ามอบทุนการศึกษาไปแล้ว 689 ล้านบาท ทุนละ 1,000 บาทต่อเดือน มีนักเรียนได้รับทุนจำนวน 100,000 คน โดยในปีงบประมาณ2549 ได้รับเงินงบประมาณ 30,000 ล้านบาท ส่วนปีงบประมาณ 2550 จะขึ้นอยู่กับผลของการควบรวมทั้ง 2 กองทุนเข้าด้วยกัน



…………………………………………..


ที่มา : http://www.komchadluek.com

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net