Skip to main content
sharethis

ที่ประชุม ครม.นายกฯ สั่งการหน่วยงานลดการนำเข้าสินค้าเกษตรที่การผลิตมีการเผา และรายงานผลการลงพื้นที่ของ ครม.สัญจร 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน มีการสั่งการให้หน่วยงานเฝ้าระวังไฟป่าจัดกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องมือพร้อมเผชิญเหตุ 24 ชม. และสั่งหน่วยงานพื้นที่เชียงรายประสานลาว-พม่า แก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดน

19 มี.ค.2567 เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาลเผยแพร่รายงานข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีและผลการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ครั้งที่ 2 ที่จังหวัดพะเยา โดยมีการรายงานถึงประเด็นที่เกี่ยวกับแนวทางการจัดการฝุ่น PM2.5 อยู่ในทั้งข้อสั่งการและผลการประชุมวันนี้ด้วย

ในรายงานระบุถึงคำให้สัมภาษณ์ของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงเรื่องที่เคยสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้มาตรการลดหรือ ห้ามนำเข้าสินค้าเกษตร จากประเทศเพื่อนบ้านที่พิสูจน์ได้ว่ามีกระบวนการผลิตที่เกี่ยวกับการเผาว่า ปัจจุบันไทยได้รับผลกระทบจากการเผาในประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงขอให้กระทรวงพาณิชย์ออกประกาศการส่งออก และการนำเข้าในราชอาณาจักรเพื่อกำหนดนโยบายการนำเข้าข้าวโพดจากต่างประเทศ โดยเฉพาะช่วงไฮซีซัน ขอให้เป็นไปตามข้อตกลงองค์การการค้าโลก ( WTO ) ระหว่างประเทศ และเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งจะต้องให้ตรงกับร่าง พ.ร.บ. บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. .... ที่กำลังจะผ่านการพิจารณาของที่ประชุมสภาฯ ด้วย

นอกจากนั้นผลของการประชุม ครม. วันนี้ ครม.ยังมีการรายงานผลการปฏิบัติราชการของ ครม.ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ได้แก่ เชียงราย พะเยา น่าน และแพร่ ของรองนายกฯ และรัฐมนตรี รวม 28 คน

ในรายงานมีการระบุถึงการสั่งการให้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในช่วงสถานการณ์วิกฤตไปปฏิบัติอย่างเร่งด่วน โดยควบคุมกำกับดูแลการจัดการไฟในพื้นที่ป่า โดยเฉพาะพื้นที่มุ่งเป้า 11 ป่าอนุรักษ์ และ10 ป่าสงวนแห่งชาติ รวมถึงพื้นที่เกษตรเผาไหม้ซ้ำซากในพื้นที่สูง และให้ทุกหน่วยงานคอยเฝ้าระวังไฟป่าที่ทำให้สูญเสียป่าไม้และสัตว์ ที่จะเกิดขึ้นในป่าสงวน ป่าอนุรักษ์ และป่าชุมชน

กรณีของจังหวัดเชียงราย มีข้อสั่งการให้ทางจังหวัดถือแนวปฏิบัติของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้สั่งการในการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ปี 2566-2567 ตามมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ปี 2567 รวมถึงกลไกบริหารจัดการที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติกำหนดโดยเคร่งครัด และทำการประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากประชาชนและส่วนต่างๆ รวมถึงสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนทราบถึงมาตรการ กฎหมายและผลการปฏิบัติของภาครัฐในการแก้ปัญหาฝุ่น

นอกจากนั้นได้สั่งให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 15 เชียงราย จัดกำลังเจ้าหน้าที่ และเครื่องจักรกลสาธารณภัย ให้พร้อมเผชิญเหตุตลอด 24 ชั่วโมง กรณีเกิดสถานการณ์ในพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยากและสถานการณ์มีแนวโน้มทวีความรุนแรง ให้ประสานขอรับการสนับสนุนอากาศยานปีกหมุนของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ฮ.ปภ.32) หรือหน่วยงานที่มีอากาศยานในการช่วยดับไฟด้วย

ส่วนประเด็นหมอกควันข้ามพรมแดนมีการสั่งการให้หน่วยงานระดับท้องถิ่นเช่น จังหวัดเชียงรายใน 3 อำเภอคือ เชียงแสน เชียงของ และแม่สาย ทำการประสานงานกับหน่วยงานระดับท้องถิ่นของประเทศพม่าและประเทศลาว เพื่อกระชับความร่วมมือในการป้องกันและบรรเทาปัญหาไฟป่าและการเผาเพื่อทำเกษตร

อีกทั้งในข้อสังการยังระบุว่า ถ้าหน่วยงานท้องถิ่นของประเทศลาวต้องการขอรับความช่วยเหลือจากฝั่งไทยในการดับไฟป่าในฝั่งลาว อาจพิจารณาใช้ตัวอย่างการสร้างความร่วมมือกับกัมพูชาด้วยการทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติและการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินเพื่อเป็นกรอบความร่วมมือ และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศสนับสนุนการประสานงานกับประเทศลาวและพม่าเพิ่มเติม

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net