Skip to main content
sharethis

ในงานออสการ์สัปดาห์ที่ผ่านมา มีดาราและคนทำงานบันเทิงแสดงออกเรียกร้องหยุดยิงในกาซ่า รวมถึงมีการประท้วงหน้าที่จัดงานโดยกลุ่มชาวยิวและสหภาพ SAG-AFTRA เพื่อเรียกร้องแบบเดียวกัน ทั้งนี้ผู้กำกับภาพยนตร์ 'The Zone Of Interest' ได้จุดชนวนดราม่าด้วยการวิจารณ์เรื่องความรุนแรงทั้งต่อชาวอิสราเอลและต่อชาวปาเลสไตน์ในช่วงรับรางวัล

งานประกาศรางวัลภาพยนตร์อะเคเดมีอวอร์ดหรือ "ออสการ์" ประจำปี 2567 เพิ่งจะผ่านพ้นไปไม่นานนี้ มีดาราและคนทำงานบันเทิงหลายคนที่สวมหมุดสีแดงเพื่อเรียกร้องให้มีการหยุดยิงต่อกรณีที่อิสราเอลโจมตีฉนวนกาซ่า

ดาราและทำงานบันเทิงที่แสดงออกเกี่ยวกับปาเลสไตน์ในออสการ์ครั้งนี้ได้แก่ บิลลี ไอลิช, มาร์ค รัฟฟาโล, เอวา ดูเวอร์เนย์, ฟีเนียส โอ คอนเนล เรื่องนี้ยังเกิดขึ้นหลังจากที่สมาชิกของอุตสาหกรรมบันเทิงฮอลลิวูดมากกว่า 400 รายลงนามในจดหมายถึงประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผ่านองค์กรที่ชื่อว่า Artists4ceasefire เพื่อเรียกร้องให้มีการยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซ่า

จดหมายเปิดผนึกดังกล่าวระบุว่า "พวกเราขอเรียกร้องให้ ในฐานะที่คุณ(ไบเดน) เป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐนอเมริกา คุณและสภาคองเกรสควรเรียกร้องให้มีการลดระดับความรุนแรงและมีการหยุดยิงในกาซ่าและอิสราเอลก่อนที่จะมีการสูญเสียชีวิตไปมากกว่านี้" ในจดหมายยังระบุถึงตัวเลขผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก และระบุอีกว่าทุกชีวิตมีคุณค่าไม่ว่าจะเชื้อชาติศาสนาไหนก็ตาม พวกเขาขอประณามการสังหารประชาชนชาวปาเลสไตน์และอิสราเอล

"พวกเราขอเรียกร้องให้รัฐบาล, สภาคองเกรส และผู้นำทั่วโลก ให้มีการเคารพในชีวิตของทุกคนในดินแดนศักดิสิทธิ และขอเรียกร้องให้มีการดำเนินการให้มีการหยุดยิงโดยเร็ว ให้มีการยุติการทิ้งระเบิดใส่กาซ่า และให้มีการปล่อยตัวตัวประกันอย่างปลอดภัย ในจำนวนชาวกาซ่าทั้งหมด 2 ล้านคนมีอยู่ครึ่งหนึ่งที่เป็นเด็ก และมีมากกว่าสองในสามที่เป็นผู้ลี้ภัยซึ่งบรรพบุรุษของพวกเขาถูกบีบให้หนีออกจากบ้านเกิดของตัวเอง จะต้องมีการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่เข้าถึงพวกเขาได้" กลุ่มคนทำงานบันเทิงฮอลลิวูดระบุในจดหมาย

ผู้ประท้วงหน้างาน

นอกจากกลุ่มดาราและคนทำงานบันเทิงแล้ว นอกสถานที่จัดงานออสการ์คือ ดอลบี เทียร์เตอร์ ลอสแองเจลิส ก็มีผู้คนชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้มีการหยุดยิงในกาซ่า หลังจากที่กองทัพอิสราเอลมีปฏิบัติการในพื้นที่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 5 เดือนแล้ว

กลุ่มผู้ประท้วงชื่อกลุ่ม "เสียงชองชาวยิวเพื่อสันติภาพ" (Jewish Voice for Peace) สาขาลอสแองเจลิส ได้ถือป้ายประท้วงและประสานเสียงคำขวัญเรียกร้องให้มีการหยุดยิงในกาซ่า โดยมีการปิดถนนหลายเลนในบริเวณนั้น

นอกจากกลุ่มดังกล่าวแล้ว ส่วนหนึ่งของผู้ประท้วงยังประกอบด้วย "สมาชิกผู้เรียกร้องการหยุดยิง" จาก สหพันธ์ศิลปินโทรทัศน์และวิทยุอเมริกัน (SAG-AFTRA) ซึ่งเป็นสหภาพแรงงานของคนทำงานบันเทิงสหรัฐฯ ด้วย

การประท้วงดังกล่าวนี้เป็นไปเพื่อให้ผู้คนไม่ละเลยเหตุการณ์ที่อิสราเอลทำการโจมตีพื้นที่ราฟาห์ทางตอนใต้ของเมืองกาซ่า ในขณะที่ผู้คนเหล่านั้นอยู่ท่ามกลางบรรยากาศความหรูหราระยิบระยับของงานประกาศรางวัลภาพยนตร์

มีชาวปาเลสไตน์ถูกสังหารมากกว่า 30,000 รายแล้วจากปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอล ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลในเรื่องความเสี่ยงที่จะเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และความอดอยากหิวโหยตามมา

รามี ยุสเซฟ ดาราจากเรื่อง "Poor Things" ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ติดเข็ดกลัดสีแดงเรียกร้องให้มีการหยุดยิงในกาซ่า เขาให้สัมภาษณ์ต่อนิตยสารวาไรตีว่า "ผมคิดว่าข้อความที่จะกินความอย่างครอบคลุมได้ทั้งหมดเลยคือ ขอให้เลิกสังหารเด็กเถอะ ขออย่าไปมีส่วนร่วมกับสงครามมากกว่านี้เลย"

นอกจากนี้แล้ว ผู้กำกับของภาพยนตร์เรื่อง "วิมานนาซี" (The Zone of Interest) ภาพยนตร์ที่นำเสนอภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของหนึ่งในผู้นำนาซีให้ดูตัดกับเสียงความโหดร้ายจากค่ายกักกันชาวยิว ยังได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องของกาซ่าไว้ในตอนที่รับรางวัลสาขา ภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม ของออสการ์

โจนาธาน เกลเซอร์ ผู้กำกับชาวยิวเรื่องวิมานนาซี กล่าวว่าเหยื่อที่ถูกสังหารทั้งในอิสราเอลและในกาซ่า ต่างก็เป็นเหยื่อของ "การถูกลดทอนความเป็นมนุษย์"

"ภาพยนตร์ของพวกเราแสดงให้เห็นว่า การลดทอนความเป็นมนุษย์นั้นจะนำไปสู่อะไร ถ้าหากมันไปถึงระดับที่เลวร้ายที่สุด มันก็กลายเป็นตัวที่ประกอบสร้างอดีตและปัจจุบันของพวกเรา" เกลเซอร์กล่าว

"ในตอนนี้ พวกเรายื่นอยู่ ณ จุดนี้ในฐานะคนที่จะโต้แย้งต่อการฉวยใช้ความเป็นชาวยิวและกรณีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 มาเป็นข้ออ้างในการยึดครองดินแดน(ปาเลสไตน์) ที่นำไปสู่ความขัดแย้งที่ส่งผลต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเหยื่อเหตุการณ์ 7 ต.ค. ในอิสราเอล หรือเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในกาซ่า" เกลเซอร์กล่าว

'สิ่งที่ศิลปินที่แท้จริงเขาทำกัน' : คำพูดของเกลเซอร์ มีทั้งผู้วิพากษ์และผู้สนับสนุน

อย่างไรก็ตาม คำกล่าวของเกลเซอร์ ก็ทำให้เกิดข้อถกเถียงจากกลุ่มชาวยิวบางส่วน เช่น เดวิด แชกเตอร์ ประธานของมูลนิธิผู้รอดชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวประจำสหรัฐอเมริกา (HSF) แชกเตอร์กล่าวหาว่าคำพูดของเกลเซอร์นั้น "ไม่สามารถให้ความชอบธรรมในเชิงศีลธรรมได้" ขณะที่องค์กรชาวยิว Anti-Defamation League (ADL) โพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดียระบุว่าคำกล่าวของเกลเซอร์นั้น "น่าตำหนิ"

แอลลิสัน โจเซฟส์ ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการบริหารของกลุ่ม "ยิวอินเดอะซิตี้" กล่าวว่า "เกลเซอร์พูดแบบเดียวกับสิ่งที่คนเกลียดชาวยิวมักจะพูดกันว่า การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวนั้นเป็นสิ่งที่ชาวยิว 'เอามาใช้แก้ตัวฟรีๆ ให้ตัวเองไม่ผิด'" โจเซฟส์ไม่พอใจคำพูดของเกลเซอร์ที่บอกว่าการยึดครองปาเลสไตน์นำมาสู่ความขัดแย้งที่ส่งผลต่อคนจำนวนมาก โดยกล่าวหาว่าเกลเซอร์ "กล่าวโทษชาวยิวในเรื่องที่พวกเขาเองถูกสังหารหมู"

ในทางตรงกันข้ามมีคนทำหนังอย่าง อะซิฟ คาปาเดีย ผู้เคยชนะรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยมจากเรื่อง "Amy" เมื่อปี 2558 ก็ออกมาพูดสนับสนุนเกลเซอร์

คาปาเดียบอกว่า เกลเซอร์ "อาศัยอำนาจและตำแหน่งของตัวเองและอาศัยเวทีที่ใหญ่ที่สุดในโลกในการเป็นปากเสียงให้กับประชาชนที่ไร้อำนาจ ไม่มีสิทธิไม่มีเสียง หรือกลัวเกินกว่าที่จะพูดออกมา ในอุตสาหกรรมที่มีความอนุรักษ์นิยมมากและหลีกเลี่ยงความเสี่ยง แถมยังมีประวัติมายาวนานว่าทำการขึ้นบัญชีดำผู้คน"

"เขา(เกลเซอร์) แสดงจุดยืนและพูดความจริง นี่คือสิ่งที่ศิลปินที่แท้จริงเขาทำกัน" คาปาเดียกล่าวสรุป
 

เรียบเรียงจาก
Oppenheimer reigns supreme: Five takeaways from the 96th annual Oscars, 11-03-2024
Oscars: Mark Ruffalo, Billie Eilish and Others Wear Red Pins Calling for Israel-Gaza Cease-Fire, The Wrap, 10-03-2024

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net