Skip to main content
sharethis

‘อรรถจักร์’ มองการกลับมาของ ‘ทักษิณ’ เป็นผลมาจากการตกลงร่วมกันระหว่างชนชั้นนำในสังคมกับทักษิณและแกนนำพรรคเพื่อไทย สร้างความตื่นตระหนกให้แก่มวลชนที่หนุนพรรคก้าวไกลจำนวน 14 ล้านคน ความตึงเครียดทางสังคมและแรงกดดันทั้งหมดจะตกมาที่มวลชนคนรุ่นใหม่ที่ปรารถนาจะแก้ไขและปรับเปลี่ยนโครงสร้างความสัมพันธ์ทางอำนาจ

 

27 ก.ค. 2566 เฟซบุ๊กเพจ “ศูนย์วิจัยฯ มหาวิทยาลัยหน้าบางแห่งหนึ่ง” โพสต์บทวิเคราะห์ของ “อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์” นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ต่อประเด็นการกลับมาของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับการแยกสลายพลัง “มวลชนประชาธิปไตย”

อรรถจักร์มองการกลับมาของทักษิณเป็นผลมาจากการตกลงร่วมกันระหว่างชนชั้นนำในสังคมกับทักษิณและแกนนำพรรคเพื่อไทย การตกลงครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากความตื่นตระหนกของชนชั้นนำพบว่ากระแสมวลชนที่หนุนพรรคก้าวไกลที่มีจำนวนประมาณสิบสี่ล้านคน หากเข้าไปประสานร่วมกับเสียงที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยก็เป็นจำนวนถึงยี่สิบสี่ล้านคน การปล่อยให้มวลชนยี่สิบสี่ล้านคนเข้ามาสู่พื้นที่การเมืองอย่างเสรีโดยสร้างปฏิบัติการณ์ทางการเมืองได้อย่างหลากหลายนั้นน่ากังวลอย่างยิ่ง ที่สำคัญก็คือ มีแนวโน้มว่ามวลชนของเพื่อไทยจะโอนเอนไปสู่กระแสของก้าวไกลมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ทักษิณและกลุ่มแกนนำพรรคเพื่อไทยก็ตกใจเช่นกันในปรากฏการดังกล่าว และหากปล่อยให้ดำเนินต่อไป พรรคเพื่อไทยที่ครั้งหนึ่งเป็นหัวใจของความเปลี่ยนแปลงก็จะสูญสิ้นพลังลงไป

ดังนั้น การตกลงของกลุ่มชนชั้นนำกับทักษิณก็คือ จะต้องทำให้มวลชนยี่สิบสี่ล้านคน/เสียงนี้ไม่กลมเกลียวกันให้ได้  และถึงที่สุดแล้วต้องทำให้แตกแยกกัน เพื่อที่จะผลักไปให้ได้ไกลถึงกับให้เป็นศัตรูกันได้ก็ยิ่งดี เพราะการลดทอนพลังมหาศาลของมวลชนนี้ลงไปได้ย่อมเป็นผลดีต่อการจรรโลงโครงสร้างและสถานะอันสูงส่งของชนชั้นนำเดิม

การกลับมาของทักษิณจึงสะดวกสบายในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าการรับโทษก็จะเป็นเพียงการจำกัดพื้นที่ คดีบางคดีก็จะตัดสินอย่างพอเหมาะกับเวลาว่าไม่ผิด (หลักฐานไม่พอ ฯลฯ) แต่ทักษิณจะต้องดำเนินการทุกอย่างเพื่อที่จะสลายความเข้มข้นของความสัมพันธ์ของมวลชนเพื่อไทยและก้าวไกลให้ได้ ซึ่งทักษิณและกลุ่มแกนนำเพื่อไทยเชื่อว่าทำได้

การจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยเพื่อไทยก็จะเป็นไปได้โดยง่ายด้วยข้ออ้างว่าไม่เอาพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลเพื่อให้สังคมไทย “เดินต่อไป” ได้ พรรคร่วมรัฐบาลเดิมก็จะเข้ามาร่วมเป็นส่วนใหญ่ มวลชนเพื่อไทยที่เคยเดือดดาลในช่วงก่อนหน้านี้ก็จะถูกลดอารมณ์ความรู้สึกลงไปเพราะทักษิณได้กลับมาแล้ว

รัฐบาลใหม่ที่จะมาถึงก็จะเน้นการทำงานกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น “ประชานิยมแบบไม่มีการผลิตต่อเนื่อง” รวมไปถึงสวัสดิการต่าง ๆ ที่เป็นการขยายตัวด้านบริการของรัฐก็จะเพิ่มมากขึ้น โดยเชื่อว่าจะเป็นการกล่อมประชาชนให้หลุดออกจากจินตนาการของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่ขับเน้นโดยพรรคก้าวไกล

การเมืองที่กำลังเกิดขึ้นจึงเป็นการเมืองเพื่อรักษาโครงสร้างที่ได้เปรียบของชนชั้นนำโดยแท้ การหันเหพลังของมวลชนจำนวนมหาศาลให้กลับกลายมาเป็น “ศัตรู” กัน ก็ยิ่งจะทำให้การจรรโลงความได้เปรียบทางชนชั้นดำเนินต่อไปได้อีกนาน

การเมืองของประชาชนในรัฐบาลใหม่จึงยากลำบากมากขึ้น เพราะ “ศัตรู” เฉพาะหน้าที่จะเผชิญหน้าทันทีไม่ใช่กลุ่มทหารจำแลง กลุ่มบ้าคลั่งฝ่ายขวา หรือกลไกอำนาจรัฐ หากแต่เป็นกลุ่มที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนร่วมทางเดินแห่งอุดมการณ์ร่วมกัน และกลุ่มเพื่อนที่เคยร่วมทางนี้ก็จะเปิดทางให้กลุ่มขวาบ้าคลั่งสำแดงเดชได้มากขึ้นอีกด้วย

สภาวะความตึงเครียดทางสังคมจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไป แต่แรงกดดันทั้งหมดจะตกมาที่มวลชนคนรุ่นใหม่ที่ปรารถนาจะแก้ไข/ปรับเปลี่ยนโครงสร้างความสัมพันธ์ทางอำนาจ กลุ่มคนรุ่นใหม่จะถูกกดดันให้มีพื้นที่น้อยลง ส่งเสียงได้ลำบากมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์คือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา แม้จะมีความยากลำบากของมวลชนคนรุ่นใหม่ในช่วงเวลาต่อไปนี้ แต่สายลมแห่งความเปลี่ยนแปลงที่ถูกทำให้แปรผันไปก็เป็นเพียงช่วงเวลาหนึ่ง ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นแน่ ๆ ในอนาคตย่อมจะเป็นพลังในการชักนำพลังประชาธิปไตยให้เดินหน้าต่อไปตามวิถีทางแห่งประวัติศาสตร์

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net