Skip to main content
sharethis

แม้ในสหรัฐฯ จะมีการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำสูงสุดในรอบ 40 กว่าปี แต่ถึงกระนั้น คนทำงานค่าจ้างต่ำจำนวนมาก ซึ่งประมาณว่ามีมากกว่า 40% ของครัวเรือนสหรัฐฯ กำลังดิ้นรนเพื่อหารายได้ภายใต้ภาวะเงินเฟ้อ


ที่มาภาพ: Tom Driggers (CC BY 2.0)

สื่อที่เกาะติดประเด็นท้องถิ่นสหรัฐอเมริกาอย่าง Stateline ภายใต้ The Pew Charitable Trusts รายงานว่าแม้ว่าภาคธุรกิจจะมีการจ่ายเงินค่าจ้างเพิ่มขึ้น เพราะสถานการณ์การขาดแคลนแรงงานหลังการระบาดของโควิด-19 แต่ "คนทำงานค่าจ้างต่ำ" (low-wage workers) ก็ยังไม่สามารถหาเงินมาใช้จ่ายเงินเพื่อความต้องการขั้นพื้นฐานได้อย่างเพียงพอ

ค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นของพวกเขานั้น แม้จะสูงสุดในรอบ 40 กว่าปี แต่อัตราเงินเฟ้อก็กำลังทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

สงครามแย่งชิงแรงงาน ส่งผลต่อการขึ้นค่าจ้าง


ที่มาภาพ: Karen (CC BY-NC-ND 2.0)

จากสถานการณ์ที่นายจ้างทั่วสหรัฐฯ ต้องต่อสู้กับปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ได้ส่งผลให้คนทำงานค่าจ้างต่ำได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้นระหว่างปี 2019-2022

แต่ถึงกระนั้น คนทำงานค่าจ้างต่ำเหล่านี้จำนวนมาก ซึ่งประมาณว่ามากกว่า 40% ของครัวเรือนทั้งหมดในสหรัฐฯ กำลังดิ้นรนเพื่อหารายได้ให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายพื้นฐานที่สูงเกินจริง

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ธุรกิจต่างๆ เช่น บาร์และร้านอาหาร ได้เข้าร่วมในสงครามแย่งชิงแรงงาน ใน 28 รัฐ คนที่ทำงานด้านการเตรียมอาหารและงานบริการได้รับค่าจ้างมากที่สุด: พนักงานเสิร์ฟมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 50% ในนิวเจอร์ซีย์ วิสคอนซิน และยูทาห์ ตามการวิเคราะห์เกี่ยวกับข้อมูลค่าจ้างใหม่ของรัฐบาลกลางโดย Stateline นอกจากนี้ยังพบว่าค่าจ้างสำหรับอาชีพบาร์เทนในยูทาห์ แอริโซนา และเคนทักกี ก็เพิ่มขึ้นในลักษณะเดียวกัน

หลายรัฐได้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และจะเพิ่มขึ้นอีกในปี 2023 นี้ โดยอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของรัฐบาลกลางอยู่ที่ที่ 7.25 ดอลลาร์ฯ ต่อชั่วโมง

ค่าจ้างมัธยฐาน (Median pay) [1] สำหรับคนทำงานด้านอาหาร เช่น คนทำอาหารและพนักงานเสิร์ฟเพิ่มขึ้น 33% ในแคนซัส และ 31% ในไอดาโฮ ซึ่งมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นมากกว่างานประเภทอื่นๆ ในรัฐเคนตักกี้และมิสซิสซิปปี พนักงานขนส่ง ได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้น 22% แซงหน้าคนทำงานประเภทอื่นทั้งหมด 

แม้คนทำงานภาคเกษตรในแคลิฟอร์เนีย มีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ โดยค่าจ้างรายชั่วโมงสำหรับคนทำงานคอมพิวเตอร์และคณิตศาสตร์เพิ่มขึ้น 20% เป็น 61.87 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อในช่วงนั้นที่ 14.1% 

แต่ค่าจ้างสำหรับคนทำงานภาคเกษตรในแคลิฟอร์เนียที่พุ่งขึ้น 30% นั้น เมื่อตีเป็นจำนวนเงินก็อยู่ที่เพียง 16.12 ดอลลาร์ฯ เท่านั้น

ตามรายงานของสถาบันนโยบายเศรษฐกิจ (Economic Policy Institute) ที่เผยแพร่เมื่อเดือน มี.ค. 2023 ค่าตอบแทนสำหรับงานที่ได้รับค่าจ้างต่ำสุดเพิ่มขึ้น 9% ระหว่างปี 2019-2022 ปรับตามอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งสูงกว่า 4.9% สำหรับงานที่มีค่าจ้างสูง และ 2.4% สำหรับงานที่มีค่าจ้างปานกลาง ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดสำหรับคนทำงานค่าแรงต่ำนับตั้งแต่ปี 1979 เป็นต้นมา

เอลิส กูลด์ (Elise Gould) นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากสถาบันนโยบายเศรษฐกิจและผู้เขียนรายงานชิ้นนี้ระบุว่าตลาดแรงงานแข็งแกร่งขึ้นในขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนทำงานที่เคยเสียเปรียบในอดีต เนื่องจากการขาดแคลนแรงงาน อย่างไรก็ตาม การวิจัยจากสถาบันนโยบายเศรษฐกิจและที่อื่น ๆ แสดงให้เห็นถึงความต่อเนื่องของแนวโน้มที่ยาวนานหลายทศวรรษ ที่คนทำงานค่าจ้างต่ำยังคงถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นแซงหน้ารายได้ของพวกเขา

แม้จะค่าจ้างจะกระเตื้องขึ้น แต่คนทำงานค่าจ้างต่ำต้องเผชิญกับค่าจ้างที่ซบเซามานานหลายทศวรรษ ค่าใช้จ่ายพื้นฐาน เช่น ที่อยู่อาศัยและการดูแลสุขภาพของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นเร็ว ตามรายงานจาก United for ALICE ซึ่งเป็นโครงการที่นำโดย United Way of Northern New Jersey พบผลกระทบที่มีนัยสำคัญ พนักงานในธุรกิจขายปลีกซึ่งเป็นงานที่พบมากที่สุดในประเทศ สูญเสียกำลังซื้อไป 26,000 ดอลลาร์ฯ ระหว่างปี 2007-2022 

"คุณเห็นคนที่ได้รับค่าจ้างที่เหมาะสม แล้วคุณก็ตระหนักว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิตนั้นสูงมาก มันเป็นปัจจัยสำคัญ แม้จะได้รับค่าจ้างสูงขึ้นในงานที่มีอัตราค่าจ้างต่ำ" สเตฟานี ฮูปส์ (Stephanie Hoopes) ผู้อำนวยการ United for ALICE องค์กรที่รวบรวมสถิติเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินสภาพเศรษฐกิจของครอบครัว กล่าว

ตามรายงานของ United for ALICE เมื่อพิจารณาในระดับประเทศพบว่าเฉลี่ยแล้ว 41% ของครัวเรือนยากจนไม่สามารถซื้อสิ่งของจำเป็นขั้นพื้นฐานได้ในปี 2021 และเมื่อพิจารณาในแต่ละรัฐ สัดส่วนของครัวเรือนในสถานการณ์ดังกล่าวมีตั้งแต่ 32% ในอลาสกา จนถึง 52% ในมิสซิสซิปปี้

ค่าครองชีพ


ที่มาภาพ: United For ALICE

ค่าครองชีพและค่าจ้างมีความสัมพันธ์กัน ค่าจ้างมัธยฐานในแต่ละรัฐมีความแตกต่างกันออกไป ระหว่าง 17.36 ดอลลาร์ฯ ต่อชั่วโมง ในรัฐมิสซิสซิปปี ซึ่งมีค่าครองชีพต่ำที่สุด จนถึง 28.10 ดอลลาร์ฯ ต่อชั่วโมง ในรัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐที่มีค่าครองชีพสูงที่สุด ค่าครองชีพที่วัดจากปี 2021 โดยสำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจ (Bureau of Economic Analysis) ส่วนค่าจ้างมัธยฐานอยู่ที่ 23.35 ดอลลาร์ฯ ในปี 2022

บางรัฐในแถบมิดเวสต์ มีการขึ้นค่าจ้างให้กับคนทำงานค่าจ้างต่ำด้วยเช่นกัน เช่นในอินเดียนาและอิลลินอยส์ ค่าจ้างเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 24% และ 25% แต่คนทำงานเหล่านั้นก็ยังทำรายได้น้อยกว่า 18 ดอลลาร์ฯ ต่อชั่วโมง ในเพนซิลเวเนีย ซึ่งมีคนทำงานค่าจ้างต่ำมากกว่างานประเภทอื่นๆ ค่าจ้างเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 22% แต่ค่ามัธยฐานยังคงน้อยกว่า 18 ดอลลาร์ฯ ต่อชั่วโมง

ราเชล เบลคแมน (Rachel Blakeman) ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยชุมชนของมหาวิทยาลัย Purdue กล่าวว่าการจ่ายค่าจ้างแบบนี้เป็นการยกระดับงานในร้านอาหารจานด่วนและร้านค้าปลีก สำหรับผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย แต่ไม่เพียงพอสำหรับค่าที่พักสำหรับครอบครัวในรัฐอินเดียนา เธอยังระบุว่างานค่าจ้างต่ำเหล่านี้มักจะถูกเลิกจ้างอันดับแรกๆ และถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีใหม่เสมอ

“ในอินเดียน่า ค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ที่ 17 ดอลลาร์ฯ ต่อชั่วโมง มีความคิดที่ว่าเราต้องการคนทำงานเพื่อเติมเต็มโรงงาน และเราจะทำแบบนั้นกับเด็กๆ” เบลคแมนกล่าว และเสริมว่าควรมีการสนับสนุนมากกว่านี้สำหรับนักเรียนมัธยมปลายแถบมิดเวสต์ที่ต้องการเรียนต่อระดับวิทยาลัยหรือเรียนสายอาชีพ

ในแอละแบมา คนทำงานในภาคการดูแลได้รับค่าจ้างรายชั่วโมงเพิ่มขึ้นมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 19% ค่าจ้างมัธยฐานอยู่ที่ 12.38 ดอลลาร์ฯ ต่อชั่วโมง ส่วนคนทำงานด้านสันทนาการเพิ่มขึ้น 25% เป็น 12.63 ดอลลาร์ฯ ต่อชั่วโมง

รัฐหนึ่งที่คนทำงานค่าจ้างสูง มีสัดส่วนค่าจ้างเพิ่มขึ้นมากกว่าคนทำค่าจ้างต่ำ คือรัฐแมสซาชูเซตส์ ที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพกำลังถูกส่งเสริมอย่างมากในรัฐนี้ ค่าจ้างจึงสูงขึ้นมากสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ โดยค่าจ้างเพิ่มขึ้น 24% เป็น 47.14 ดอลลาร์ฯ ต่อชั่วโมง


[1] ค่าจ้างมัธยฐาน (Median pay) คือรายได้ของกลุ่มคนหนึ่งๆ ซึ่งจะแบ่งกลุ่มคนนั้นออกเป็นสองส่วนเท่ากัน กลุ่มคนหนึ่งจะมีผู้ที่มีรายได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยและกลุ่มอีกส่วนจะมีรายได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ดังนั้นค่าเฉลี่ยที่ใช้คำนวณมักจะไม่ถูกกระทำต่อโอกาสที่จะมีผู้มีรายได้สูงหรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอยู่กับกลุ่มของคนนั้นๆ การคำนวณ Median pay คือการเรียงลำดับของรายได้ทั้งหมดของกลุ่มคนให้เรียงจากน้อยไปหามาก แล้วค่ากลางของกลุ่มคนเหล่านี้คือค่าที่อยู่ที่กลางของลำดับนั้นๆ หากมีจำนวนคนเป็นเลขคู่ก็จะเลือกค่าที่คือค่าตรงกลางของกลุ่มคน หากมีจำนวนคนเป็นเลขคี่ก็จะเลือกค่าที่เป็นค่าตรงกลางของกลุ่มคนเพียงคนเดียว เช่น กลุ่มรายได้ของ 10 คนคือ $20,000, $25,000, $30,000, $35,000, $40,000, $45,000, $50,000, $55,000, $60,000, $65,000 ในกรณีนี้ Median pay คือ $40,000 ซึ่งเป็นค่าที่อยู่ตรงกลางของลำดับของรายได้ แบ่งกลุ่มคนออกเป็นสองส่วนเท่าๆ กัน คือ กลุ่มคนที่มีรายได้ต่ำกว่า $40,000 และกลุ่มคนที่มีรายได้สูงกว่า $40,000


ที่มา:
Despite pandemic pay boost, low-wage workers still can’t afford basic needs (Tim Henderson, Stateline)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net