3 นักกิจกรรมผู้หญิงข้ามเพศและมุสลิม เล่าประสบการณ์เคยถูกคุกคามทางเพศ ขู่ฆ่า และไล่ออกจากศาสนา ทั้งทางออนไลน์และกายภาพ
- การถูกคุกคาม ข่มขู่ ล้อเลียนทางโลกออนไลน์และกายภาพ เกิดขึ้นกับนักกิจกรรมมานาน โดยเฉพาะในกลุ่มนักเคลื่อนไหวเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ มักมาในหลายช่องทาง และมีเป้าหมายคือการทำให้หวาดกลัวหรืออับอาย
- อย่างไรก็ตาม นักกิจกรรมผู้หญิงข้ามเพศและมุสลิม ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตลักษณ์ทับซ้อน มีแนวโน้มตกเป็นเป้ามากกว่า และถูกคุกคามรุนแรงยิ่งกว่านักกิจกรรมชายตรงเพศและหญิงตรงเพศ
- ชวนอ่านคำบอกเล่าจาก 3 นักกิจกรรมผู้หญิงข้ามเพศและมุสลิม อั๊ส-อิชย์อาณิคม์ ชิตวิเศษ นักสื่อสารนโยบาย พรรคก้าวไกล นาดา ไชยจิตต์ นักการเมืองพรรคเสมอภาค และ นุ่น-มนูญ วงษ์มะเซาะห์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายรณรงค์แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย
คลุมฮิญาบไม่ช่วยให้ปลอดภัย
“การเป็นมุสลิม ผู้หญิงข้ามเพศ ปกป้องสิทธิทางเพศ และทำงานการเมืองไปด้วยไม่ง่าย และมันไม่เคยง่าย”
อิชย์อาณิคม์ ชิตวิเศษ หรืออัสซารี่ นักกิจกรรมผู้หญิงข้ามเพศและมุสลิม และนักสื่อสารนโยบาย พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความลงโซเชียลมีเดียถึงประเด็นที่เธอโดนคุกคามทางเพศจากบุคคลนิรนามผ่านช่องทางต่างๆ
อิชย์อาณิคม์ ชิตวิเศษ
“อั๊สตกเป็นเป้าของการคุกคามมาตลอด 2 เดือน ทุกช่องทางที่เขาคนนี้จะสามารถติดต่อได้ เช่น เพจ แชท อีเมล เขามาหมด แม้จะกดบล็อคแล้ว ก็หาอีเมลใหม่มาคุกคามเราเรื่อยๆ”
อั๊สเล่าถึงประสบการณ์การถูกคุกคามออนไลน์ในหลายช่องทาง เช่น ส่งข้อความมาทางแชทในแอคเคานต์ส่วนตัว โทรศัพท์มาหาแบบนิรนามทำให้เกิดความรู้สึกหวาดกลัว การถูกขุดรูปเก่าๆ มาโจมตีอัตลักษณ์ทางเพศ
“พื้นที่ส่วนตัวเรายังแบบ เออ หยวนๆ แต่ที่ทำงานเนี่ยมากเกินไป เพราะเราต้องใช้อีเมลในการสื่อสาร มันทำให้เราขยาดกับการจะเข้าอีเมล”
อั๊สบอกด้วยว่าการถูกคุกคามเชิงกายภาพที่ทำให้ตนตัดสินใจคลุมฮิญาบ แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงโดนคุกคามอยู่ดี
ไล่ให้ไปตายก็แล้ว
— Aitarnik Chitwiset - อิชย์อาณิคม์ ชิตวิเศษ (@aitarnik_) June 14, 2023
ไล่ให้ออกจากศาสนาก็แล้ว
แต่สิ่งหนึ่งที่อั๊สไม่เคยทำกับคนอื่นคือ การตัดสินแจกนรก แจกสวรรค์ หรือแจกความตายให้ใคร เพราะชีวิตมนุษย์ทุกคนมีค่า และเมื่อลมหายใจเป็นกรรมสิทธิพระเจ้า เราก็ควรชีวิตต่อบนการทำความดีอื่นที่ที่สามารถทำได้ดีกว่า pic.twitter.com/fYZkt7eqJw
ข้อความที่อั๊สได้รับทางอีเมล
คอมเมนต์ใต้คลิปที่อั๊สให้สัมภาษณ์กับสื่อ
“ปอแน ปอแน โดนลงโทษ”
“สมัยก่อนความรุนแรงมันถึงขั้นที่แบบว่า ไม่รู้เลยว่าจะถูกส่งสายลับมาถล่มบ้านเราหรือเปล่า เราเลยคุยกับครอบครัวว่าจะสื่อสารเรื่องนี้เฉพาะวงวิชาการเท่านั้น”
ด้าน นาดา ไชยจิตต์ นักกิจกรรมเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมทางเพศ ปัจจุบันเป็นนักการเมืองพรรคเสมอภาค
นาดา โพสต์รูปว่าได้รับหมายศาลแพ่ง จากกรณีเปิดโปง สก. เขตวัฒนา พรรคก้าวไกล ล่วงละเมิดทางเพศลูกจ้างหญิงข้ามเพศ
นาดาเล่าว่าตลอดระยะเวลา 17 ปีในการเป็นนักกิจกรรม เวลาที่จะสื่อสารประเด็นต่างๆ ต้องประเมินความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นนั้นไปยังตนเองและครอบครัว แต่การถูกคุกคามก็ยังคงเกิดขึ้น
นาดาเล่าว่าตอนที่ตนไปสอนใหม่ๆ ที่ปัตตานีในช่วงเวลาเดียวกับการที่เขามีจัดนิทรรศการบริเวณพื้นที่ของมูลนิธิมัสยิดกลางจังหวัด ขณะนั้นพื้นที่ด้านหลังมัสยิดมีถนนชำรุด ฝาท่อพัง และตนจำเป็นต้องเดินทางมัสยิดด้านหลัง ณ ตอนนั้นพื้นที่ด้านหลังมัสยิดมืดมากทำให้นาดาเดินตกท่อ ในขณะที่ไปโรงพยาบาลคนในพื้นที่พูดกันในภาษาท้องถิ่น “ปอแน ปอแน โดนลงโทษ”
“ตอนที่เราตกท่อตอนนั้นเรายอมรับว่ามันสั่นคลอนความเชื่อเราเลยนะตอนที่ได้ยินคนเล่าให้ฟังว่าเขาว่าเราว่ายังไง พระเจ้าลงโทษเรา เราก็รู้สึกว่ามันไม่ปลอดภัย ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรในใจ ดูเหมือนเขาต้อนรับเราอย่างดี แต่ลึกๆ เขาคิดกันแบบนี้เหรอ ซึ่งนำมาสู่ความรู้สึกว่าเรากลัว จนเราต้องคุยกับแกนนำบางคน ให้เขาช่วยสื่อสารให้”
นาดา เล่าอีกว่าตอนที่ตนเข้าไปร่วมผลักดันร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต ณ เวทีที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีมุสลิมนักการศาสนาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีดำประมาณ 7-8 คน มาด่าทอนักกิจกรรมมุสลิมอีกคนที่หน้าเวทีในลักษณะเหยียดเพศ และบอกว่าเป็นเรื่องที่รับไม่ได้หากจะให้ พ.ร.บ.คู่ชีวิตผ่าน
“อีนี่น่าตายคนแรก”
อีกคำบอกเล่าจาก นุ่น-มนูญ วงษ์มะเซาะห์ นักกิจกรรมผู้หญิงข้ามเพศและมุสลิม เป็นอีกคนหนึ่งที่ออกมาพูดเรื่องความเท่าเทียมทางเพศสภาพ ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายรณรงค์แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย
นุ่น-มนูญ วงษ์มะเซาะห์
“แต่ละคนจะโดนแมสเสจที่มันบอกถึงตัวบุคคลที่มันแตกต่างกันออกไป เราจะโดนในมุมที่ว่า เราเป็นคนแรง คนตรงประเด็น เราจะโดนเชิงว่า เนี่ยหรอคนที่จะมาบอกว่าเป็นมุสลิมที่ดีในอิสลามได้ เอาความไม่เรียบร้อยหรือความเป็นเด็กที่ไม่ได้แบบสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนหรือไม่แต่งตัวตามแบบฉบับของมุสลิมมาตัดสิน มันมีหลายประเด็นที่ทับซ้อนเข้ามา ข้อความขู่ฆ่าเราก็จะเยอะ”
นุ่นยกตัวอย่างคำด่าทอที่เคยเจอ เช่น “อีนี่น่าตายก่อนเลยคนแรก” และ “อยากไปคุยกับพระเจ้าเลยมั้ยตอนนี้ เห็นเก่งเหลือเกิน”
นุ่นบอกด้วยว่า นอกจากอัตลักษณ์ทับซ้อนที่เป็นเป้าโจมตี คุกคามในลักษณะเฉพาะแล้ว การที่ตนมีรูปลักษณ์ที่เป็นผู้หญิงแต่อาจไม่เรียบร้อยตามขนบ ‘ผู้หญิงที่ดี’ ก็ทำให้ถูกหยิบยกมาเป็นเป้าโจมตีด้วยเช่นกัน ว่าทำตัวแบบนี้จะไม่สามารถนำบาปที่มีอยู่ไปคุยกับพระเจ้าได้
ช่องว่างในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม
“จะไปแจ้งความหรืออะไรก็ลำบากอยู่พอสมควร ตำรวจไม่ค่อยอยากรับคดีพวกนี้เพราะโทษมันต่ำ”
นุ่น บอกพร้อมเสริมด้วยว่า ตอนที่มีประสบการณ์โดนขู่ฆ่า เคยยื่นเรื่องให้กระบวนการยุติธรรมจัดการกลายเป็นว่าเรื่องที่ยื่นไปกลายเป็นเพียงบันทึกประจำวัน
“เราว่าข้อเสียอย่างหนึ่งของประเทศไทย คือไม่ได้แจ้งให้เห็นว่ามันมีกฎหมายหรือกลไกไหนบ้างที่เราเข้าได้ถึงได้ง่าย คนทั่วไปไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามี พรบ.เหล่านี้เกิดขึ้นรู้ เราไม่รู้มากพอว่ากฎหมายฉบับไหนบ้างที่มันออกมาเพื่อที่จะปกป้องพวกเราจริงๆ ”
สำหรับนุ่นมองว่ากฎหมายควรจะสร้างเพื่อคุ้มครองโดยเฉพาะ กฎหมายในส่วนของไซเบอร์บูลลี่ หรือ การคุกคามออนไลน์ควรจะครอบคลุมเรื่องอื่นๆ ด้วย เช่น ความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ เป็นต้น
นาดากล่าวว่า ปัญหาการคุกคามทั้งกายภาพ และดิจิทัลเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ควรถูกยกระดับให้เป็นวาระแห่งชาติ แต่ละปีมีคนถูกล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศประมาณ 30,000 เคสแต่มีเพียง 164 เคสที่สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมตลอด 3 ปีย้อนหลังไป
สัดส่วนตัวเลขที่ต่างกันเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่บอกว่า กระบวนการยุติธรรมยังไม่สามารถคุ้มครองคนจากการคุกคามหรือล่วงละเมิดทางเพศได้
“ทุกครั้งที่เราต้องไปร้องเรียน คือต้องแบกรับความเจ็บปวด เพราะฉะนั้นอะไรที่เราจัดการได้โดยที่ไม่เป็นเรื่องร้องเรียนเราก็พยายามจะจัดการให้มันอยู่แค่ตรงนั้น เว้นแต่ว่ามันคุกคามถึงชีวิต” นาดากล่าว
ประเด็นของการคุกคามออนไลน์ นาดากล่าวว่า การส่งข้อความคุกคามมีโทษต่ำ ทุกครั้งที่ร้องเรียนจะได้อย่างมากมักได้แค่ความผิดหมิ่นประมาทซึ่งหน้า ข่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัว ซึ่งปรับเพียงหลักหมื่น หรือติดคุกเพียงหลักเดือน
ควรจะพิจารณาเส้นแบ่งให้ดีระหว่างเสรีภาพในการแสดงออก และเฮทสปีช ซึ่งหากเข้าข่ายเฮทสปีช เมื่อนั้นจะเป็นการคุกคาม
สำหรับอั๊ส ในฐานะนักสื่อสารนโยบายแห่งศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต (Think Forward Center) มองว่า กฎหมายในเรื่องของการคุกคามทางออนไลน์ไม่ได้ถูกอัปเดตมาเป็นเวลานาน หากในอนาคตคนในพรรคเห็นพ้องร่วมกัน ตนจะพยายามทำงานในคณะทำงานเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางออนไลน์ของพรรคให้หนักขึ้น ในตอนนี้ยังเป็นช่วงของการพิจารณาว่าทางพรรคจะเข็นร่างเดิมและปรับปรุงแก้ไข เพิ่มเติมส่วนออนไลน์เข้าไป หรืออาจเสนอเป็นร่างใหม่ ต้องรอดูกันต่อไป
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)