Skip to main content
sharethis

'กรณ์ จาติกวณิช' หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ชี้ 'กกพ.' อ้างลดค่าไฟ พ.ค.-ส.ค. 7 สต. จากหน่วยละ 4.77 บ. เหลือ 4.70 บ. ระบุเดือนนี้จ่ายหน่วยละ 4.72 บาทต่อหน่วย ลดให้แค่ 2 สต. เสนอยกเลิกค่า Ft 3 เดือนสุดร้อนนี้ จะลดไปถึง 93 สตางค์ต่อหน่วย - ครป. เรียกร้องรัฐรับผิดชอบค่าไฟแพง จี้ 'ประยุทธ์' หยุดหลอกลวงประชาชน เพราะออกใบอนุญาตให้เอกชนผูกขาดไฟฟ้าเอง เผยเบื้องหลังธุรกิจการเมืองผันเงินกลุ่มทุนพลังงานมาใช้ในการเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2566 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า โพสต์เฟสบุ๊ค แสดงความเห็นต่อกรณีที่คณะอนุกรรมการค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) มีมติเห็นชอบตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เสนอขอรับภาระยืดหนี้การชำระค่าไฟฟ้าวงเงิน 1.3 แสนล้านบาท แทนประชาชนจาก 5 งวด ที่มีการเรียกเก็บค่าเอฟทีทุก 4 เดือน หรือ 20 เดือน จากงวดละ 2.7หมื่นล้านบาท เป็น 6 งวด หรือ 24 เดือน เป็นเหลือเพียงงวดละ 2.2 หมื่นล้านบาท ทำให้ค่าไฟเฉลี่ย เดือน พ.ค.-ส.ค. ลดลง 7 สตางค์ ต่อหน่วย จากเดิมที่ประกาศจัดเก็บ 4.77 บาท เหลือเพียง 4.70 บาทต่อหน่วย ว่า ค่าไฟที่ลดลง ไม่ใช่ 7 สตางค์ เพราะเดือนนี้จ่ายอยู่ 4.72 บาทเดือนหน้าจ่าย 4.70 บาทต่อหน่วย เท่ากับลดลงไปเพียง  2 สตางค์ ดังนั้นอย่านำตัวเลขเดือนหน้าที่จะขึ้นอย่างไร้เหตุผลเป็น 4.77 บาทมาหลอก

"ผมเสนอว่ายกเลิกค่าเอฟที 3 เดือนสุดร้อนนี้ ลดไป 93 สตางค์ต่อหน่วย ลองคิดตาม  สมมติเราใช้ไฟ 485 หน่วย เราจ่ายค่าไฟเดือนนี้ 2,564.05 บาท ถ้าไม่คิดค่าเอฟที ค่าไฟจะลดเหลือ 2,111.05 บาท ลดไป 453 บาท หรือ 485 หน่วย x 0.93 สตางค์ แต่ถ้าลด 2 สตางค์ตามที่ กกพ. กำลังจะเปิดรับความคิดเห็น 485 หน่วย คูณ 0.02 สตางค์ ลดได้ 9.72 บาท ยังไม่สิบบาทเลยครับ” นายกรณ์ ระบุ

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวด้วยว่า การแก้ปัญหาแบบขอไปที คือเหตุผลที่เลือกตั้งครั้งนี้ต้องเลือกพรรคที่จริงใจจริงจัง และเสมอต้นเสมอปลายกับการชนกับทุนผูกขาด

ครป. เรียกร้องรัฐรับผิดชอบค่าไฟแพง จี้ 'ประยุทธ์' หยุดหลอกลวงประชาชน

ด้านนายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) แจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนกล่าวถึงการที่นายกฯ ปัดความรับผิดชอบปัญหาค่าไฟแพงว่า พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์หลอกลวงประชาชนอีกแล้ว หรือไม่ก็ถูกกลุ่มทุนพลังงานหลอกลวงปั่นหัวจนหัวทิ่ม การออกมาบอกว่าปัญหาค่าไฟแพงเป็นเรื่องของธุรกิจ เป็นข้อตกลงของสัญญา มีข้อผูกมัดหลายอย่างที่ต้องเป็นไปตามนั้น และรัฐบาลพยายามไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำหรือเสียเปรียบ ถือเป็นการโกหกประชาชนหน้าด้านๆ

เพราะรัฐบาลประยุทธ์ ไม่เคยคิดแก้ปัญหาค่าไฟแพงเลย ตอนรัฐประหารท่านมีอำนาจโดยมิชอบเหนือสถาบันทั้งหลาย ใช้คำสั่งหัวหน้า คสช.เหนืออำนาจของศาลทั่งปวง ใช้อำนาจตามมาตรา  44 เหนือรัฐธรรมนูญ ถ้าเห็นว่าใบอนุญาตให้เอกชนผลิตไฟฟ้าของรัฐบาลก่อนไม่ชอบทำไมไม่สั่งยกเลิก และตลอด 8 ปีที่มีอำนาจทำไมไม่แก้ไขสัญญาผูกขาดไฟฟ้าให้เป็นธรรม แถมยังโกหกต่อสาธารณะเพราะรัฐบาลประยุทธ์เป็นผู้ออกใบอนุญาตเพื่อให้บริษัทเอกชนผูกขาดการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 10 ฉบับเอง จนวันนี้กลุ่มทุนพลังงานร่ำรวยเพิ่มขึ้นเป็นแสนล้านในสมัยรัฐบาลประยุทธ์

ประชาชนไม่ลืมว่า พล.อ.ประยุทธ์ แต่งตั้งตัวเองเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ยึดกุมกระทรวงพลังงานหลังรัฐประหาร ปลดเลขาธิการและแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ใหม่ทั้งหมด โดยหนึ่งในกรรมการ กกพ.ที่ถูกแต่งตั้งขึ้นใหม่กลับเป็นที่ปรึกษาบริษัทเอกชนที่ได้รับอนุญาตให้ผูกขาดการผลิตไฟฟ้า หลักฐานมัดแน่นขนาดนี้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้  

นายเมธา กล่าวว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานในสมัยรัฐบาลประยุทธ์ ไปกำหนดให้ กฟผ.ลดการผลิตไฟฟ้าลง เพื่อไปรับซื้อจากเอกชนตามสัญญาซื้อขายที่รัฐทำไว้ จนปัจจุบัน กฟผ.เหลือกำลังผลิตไฟฟ้าเพียง 34% ทั้งที่สามารถผลิตได้เพียงพอต่อความต้องการของประเทศทั้งหมด รัฐบาลประยุทธ์ยังวางแผนขูดรีดประชาชนกินรวบค่าไฟผ่านแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2561-2580 ซึ่งกำหนดให้ กฟผ. ลดการผลิตไฟฟ้าลงตามสัญญาให้เหลือเพียง 24% เพื่อที่จะใช้เงินของรัฐซึ่งก็คือภาษีของประชาชน ไปซื้อไฟฟ้าจากโรงงานเอกชนแทน 

ค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้นในแต่ละเดือนที่ประชาชนต้องรับภาระเพิ่ม เป็นนโยบายพลังงานของรัฐบาลประยุทธ์ โดยให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานเป็นผู้กำหนด เพื่อนำไปจ่ายให้นายทุนผูกขาดไฟฟ้าได้ร่ำรวยขึ้น ขณะที่ไฟฟ้าสำรองล้นเกินมากไปแล้ว รัฐบาลก็ยังรับซื้อกับเอกชนตามสัญญาต่อไปไม่สิ้นสุด พร้อมกับสัญญาประกันรายได้ แถมก่อนยุบสภายังอนุมัติจัดซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติมอีก ทั้งหมดนั้นเอื้อผลประโยชน์ใคร

"เพราะเมื่อรัฐบาลใช้งบประมาณจัดซื้อไฟฟ้ามากขึ้นโดยไม่จำเป็นแล้ว อย่าลืมว่าราคาค่าไฟฟ้าของ กฟผ. ถูกกำกับโดย กกพ. เขาก็บอกให้มาเก็บส่วนเกินเพิ่มเติมจากประชาชนผ่านค่า Ft หรือค่าไฟฟ้าผันแปร ซึ่งเป็นค่าไฟฟ้าที่ปรับเปลี่ยนเพิ่มขึ้นหรือลดลง ตามการเปลี่ยนแปลงของต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้า ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของ กฟผ. ตามที่ กกพ.เสนอ นี่คือการคอร์รัปชั่นพลังงานของชาติอย่างเป็นระบบ โดยอ้างปัญหาเทคนิคหลอกลวงประชาชนทั้งประเทศ เพื่อทำธุรกิจการเมือง ผันเงินไปสู่นายทุนผูกขาดพลังงานเพื่อปันส่วนหนึ่งส่งมาลงทุนทางการเมืองผ่านการหาเสียงของพรรครัฐบาลใช่หรือไม่"  นายเมธา กล่าว

ซ้ำร้าย ยังมีความพยายามฮุบระบบส่งไฟฟ้าโดยการแยกศูนย์ควบคุมไฟฟ้าออกจาก กฟผ.ไม่ต่างจากการแปรรูป ปตท. ในอดีต ที่ตอนนี้  ปตท. มีรายได้ปีละกว่า 2 ล้านล้านบาท แต่รายได้จากทรัพยากรของชาติถูกแบ่งไปให้เอกชน 49% แทนที่จะเป็นกำไรเข้าสู่รัฐทั้งหมด แปรรูปมา 20 ปี ประชาชนไทยไม่ได้ใช้น้ำมันถูกลงเลย ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า อย่าไปเปรียบเทียบประเทศที่เขามีแหล่งน้ำมัน แหล่งก๊าซของเขาเอง ทั้งที่ประเทศไทยผลิตก๊าซ ผลิตน้ำมันได้มหาศาลมากกว่าเพื่อนบ้านเสียอีก แต่ค่าน้ำมันในพม่า มาเลเซีย ถูกกว่าไทย ค่าไฟฟ้าไทยแพงกว่าของมาเลเซียมากกว่า 2 เท่า

นายเมธา กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลทุกพรรคการเมืองช่วยกันหยุดการอนุญาตให้เอกชนผูกขาดการไฟฟ้า สาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐาน ต้องเป็นบริการสาธารณะจากรัฐ เพราะเป็นทรัพยากรของส่วนรวม และขอเรียกร้องให้รัฐบาลรักษาการลดค่าไฟฟ้าลงให้ประชาชนโดยทันที โดยอย่างน้อย ต้องให้ กฟผ.กลับมาผลิตไฟฟ้าให้เกินกว่า 75% ของความต้องการของประเทศ เพื่อประกันความมั่นคงของประเทศ ซึ่งในอนาคตควรต้องให้เป็นกิจการของรัฐทั้งหมด

"ในอนาคตต่อไปต้องเลิกซื้อไฟฟ้าจากเอกชน ให้กฟผ.ผลิตเอง 100% เพราะทรัพยากรสาธารณะและสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ต้องให้รัฐเป็นเจ้าของและจัดการเป็นบริการสาธารณะเพื่อคนไทย เพราะระบบไฟฟ้าเป็นความมั่นคงของรัฐ เราอนุญาตให้เอกชนเข้ามาผูกขาดหาประโยชน์เท่ากับยกประเทศให้ตกเป็นเมืองขึ้นทางเศรษฐกิจ ทำไมรัฐไม่ผลิตเองให้มากพอ กฟผ.สามารถทำได้ ให้ราชการใช้ฟรีทุกหน่วยงาน เพราะใช้เงินภาษีประชาชนในการจ่ายค่าไฟอยู่แล้ว เพื่อคืนเงินไป กฟผ. ส่วน กฟผ.ก็คืนกำไรให้รัฐ เพราะใช้เงินจากรัฐในการผลิตไฟฟ้าอยู่แล้ว แค่ผลิตให้มากพอก็ให้ราชการใช้ไฟฟ้าฟรีได้ รวมถึงบ้านเรือนของประชาชนทั่วไปในราคาถูก ที่เหลือก็ไปขายต่อให้บริษัทเอกชน โรงงานขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ต่างๆ เป็นรายได้เข้ารัฐ นำไปพัฒนา กฟผ. และพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป" นายเมธา กล่าว

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net