แรงงานใน “เมืองฝุ่น” ประชาไทชวนสำรวจชีวิตของคนเชียงใหม่ที่ต้องทำงานท่ามกลาง PM2.5 สูดดมฝุ่นอยู่กลางแจ้งเกินวันละ 8 ชั่วโมง ในวันที่เชียงใหม่คุณภาพอากาศย่ำแย่ ทุกลมหายใจเต็มไปด้วย PM2.5 แต่มีบางคนที่หยุดทำงานหยุดใช้ชีวิตกลาง PM2.5 ไม่ได้
4 เม.ย. 2566 ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเชียงใหม่เป็นหนึ่งในจังหวัดภาคเหนือที่เผชิญกับปัญหามลพิษจากฝุ่น PM2.5 อย่างรุนแรง ข้อมูลจากเว็บไซต์รายงานคุณภาพอากาศ Iqair.com ระบุว่า เชียงใหม่มีค่าฝุ่นเกือบมาตรฐานติดต่อกันหลายวันในระดับที่เป็นสีม่วงซึ่งบ่งบอกถึงคุณภาพอากาศไม่ดีต่อสุขภาพของประชาชนอย่างมาก และจะได้รับผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด บุคคลที่อยู่ในพื้นที่เหล่านี้ควรอยู่ในบ้านและจำกัดกิจกรรม
ยกตัวอย่างเช่นเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2566 เชียงใหม่มีดัชนีคุณภาพอากาศวัดได้สูงถึง 281 US AQI และมี PM 2.5 อยู่ที่ 230 ไมโครกรัม ซึ่งองค์การอนามัยโลกกำหนดให้ค่า PM 2.5 ไม่ควรเกิน 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ภาพจาก Iqair.com
อย่างไรก็ตาม แม้คุณภาพอากาศในเชียงใหม่จะปกคลุมด้วย PM2.5 ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย แต่ก็ยังมีคนทำงานบางอาชีพที่ไม่สามารถหยุดทำงานได้ ต้องสูดดมฝุ่นอยู่กลางแจ้งเกินกว่าวันละ 8 ชั่วโมง ประชาไทชวนสำรวจชีวิตและความเห็นของแรงงานกลุ่มนี้กับ PM2.5
เอกชัย ลอตเตอรี่
เอกชัยเป็นผู้พิการทางสายตาที่เดินขายลอตเตอรี่อยู่แถวนิมมาน เอกชัยเล่าให้ฟังว่าในช่วงใกล้วันหวยออกอย่างเช่นที่ได้พบกันเขาจะเดินขายลอตเตอรี่ตั้งแต่ 09.00 น. ไปจนถึง 23.00 น.
“วันใกล้อย่างวันนี้ผมก็จะออกมาเช้าหน่อย ตั้งแต่ 9 โมง เดินไปเรื่อยๆ จนถึงสัก 5 ทุ่ม บางวันก็เดินเส้นในคูเมือง บางวันก็เดินเส้นสวนดอก นิมมาน ไปนั่งขายแถวหน้าตึกคณะแพทย์ มช. บ้าง ผมก็รู้สึกได้ว่ามีฝุ่น PM2.5 ถ้าผมถอดแมสออกเวลาหายใจเข้าจะเหมือนกับเราอยู่ในห้องห้องหนึ่งที่มีฝุ่นเยอะๆ เหมือนกับห้องที่เราจะเข้าไปทำความสะอาดแล้วห้องนั้นมีแต่ฝุ่น เวลาหายใจจะไม่โล่ง ได้กลิ่นฝุ่นอะไรสักอย่างที่เราบอกไม่ถูก แต่รู้ว่าเป็นกลิ่นฝุ่น บางทีก็รู้สึกแสบตา” เอกชัย กล่าว
เอกชัยทำงานอยู่กลางแจ้งตลอดทั้งวัน เดินสูดฝุ่นวันละหลายชั่วโมง เขามีวิธีดูแลตัวเองโดยการพยายามหาหน้ากาก N95 มาใส่ และหากใส่ไปสักพักระหว่างวันจับไปเจอฝุ่นมาเกาะจนเริ่มหนาแล้วก็จะเปลี่ยนหน้ากากเป็นอันใหม่แทน
ในแต่ละงวดเอกชัยจะออกมาขายลอตเตอรี่ประมาณ 10 วัน ขึ้นอยู่กับจำนวนลอตเตอรี่ที่ได้รับมาขาย
หากสามารถบอกกับรัฐบาลได้เกี่ยวกับการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 เอกชัยอยากบอกว่า “ได้ยินข่าวว่าประเทศเพื่อนบ้านเผากันเยอะ ก็อยากจะให้รัฐบาลไปคุย ไปเจรจา เพราะว่าเราก็เป็นแค่ประชาชนตัวเล็กๆ เราไม่สามารถพูดเองได้ อยากให้รัฐบาลมีแนวคิดหรือทำอะไรให้มันรวดเร็วกว่านี้ ไม่อยากให้มันเป็นแบบเช้าชามเย็นชาม อยากให้ทำงานให้เต็มที่”
ช่างอ้วน ร้านซ่อมรองเท้าข้างทาง
ช่างอ้วนเป็นช่างซ่อมรองเท้าที่เปิดร้านเล็กๆ อยู่ข้างทาง เขามาทำงานเย็บรองเท้าให้ลูกค้าทุกวัน หยุดเพียงหนึ่งวันต่อสัปดาห์คือวันอาทิตย์ ช่างอ้วนออกมาอยู่ข้างทางแบบนี้ตั้งแต่เวลา 08.30 – 17.30 น. การทำงานของเขาไม่สามารถหลีกหนีฝุ่นได้พ้นทั้งฝุ่น PM2.5 และมลพิษจากรถที่วิ่งไปมาบนถนน ช่างอ้วนระบุว่า เขาต้องดูแลตัวเอง
"มันบอกไม่ถูกนะ เราเลือกไม่ได้ ถ้าเลือกได้เราจะมาอยู่อย่างนี้ทำไม เราก็รู้อยู่ว่าเราอยู่ท่ามกลางมลพิษ ไม่ได้มีแค่ PM2.5 อย่างเดียว ไหนจะท่อไอเสียจากรถอีก แต่มันเป็นวิถีชีวิตของเรา งั้นเราจะไปทำงานอะไร คนเรามันเลือกเกิดไม่ได้ไง เราเลือกมาทำงานนี้ เราก็ต้องมาทนอยู่แบบนี้" ช่างอ้วน กล่าว
ช่างอ้วนนั่งเย็บรองเท้ามา 15 – 16 ปีแล้ว เขาระบุว่า ฝุ่นขึ้นอยู่กับลมฟ้าอากาศด้วยต่อให้ห้ามคนในประเทศไม่ให้เผาเผา ประเทศอื่นก็เผาและมีฝุ่นลอยมาอยู่ดี ไหนจะโรงงาน โรงสี ไฟป่า ฝุ่นจากการก่อสร้างอีก "บ้านเรามันไม่ใช่จะพัฒนาเหรอ ไม่แตกต่างกับพม่าเลย มีแต่แย่ลงๆ ยิ่งรัฐบาลทหารซ้ำร้าย ก็ช่วยเหลือตัวเองกันไป"
ในระหว่างวันช่างอ้วนจะใส่แมส (แมสแบบหน้าอนามัย 1 ชั้น) แต่ถ้าฝุ่นเริ่มหนาขึ้นในอากาศเขาก็จะใส่แมส N95 "แต่ใส่นานๆ ก็หายใจอึดอัด มันหนา มันเหมือนปอดของเราหายใจไม่สุด"
โดยที่ช่างอ้วนไม่เคยเคยเช็คค่าฝุ่นในโทรศัพท์ผ่านแอปพลิเคชันก่อนออกมาจากบ้าน โดยบอกว่าตนเองไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือ ไม่เคยเช็คค่าฝุ่นก่อนออกมาทำงานหรอก แต่ใช้วิธีการดูฟ้าดูดอยเอา
หากสามารถบอกกับรัฐบาลได้เกี่ยวกับการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ลุงอ้วนอยากบอกอะไร
“บอกอะหยั่งรัฐบาล เฮาบอกได้อี้ มันบ่มีประโยชน์อ่ะ ถ้าจะบอกไปเจ้าสัวซีพีนู่น บอกเจ้าสัวซีพีหยุด เอ็นดูประชาชนพ่อง เฮาเขาอยู่ในกำมือเจ้าสัวซีพีกันหมด จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด ร้ายกว่า PM2.5 ก็นี่แหละ” ช่างอ้วน กล่าว
อนึ่ง เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมา ประชาชาติธุรกิจ รายงานว่า ผู้จัดหาสินค้าเกษตรที่เป็นวัตถุดิบหลักทางการเกษตรของเครือ ซี.พี. กล่าวว่า ซี.พี.และซีพีเอฟให้ความสำคัญกับการสร้างห่วงโซ่การผลิตอาหารที่ยั่งยืน และสนับสนุนการแก้ปัญหาหมอกควันข้ามพรมแดน โดยมุ่งมั่นจัดหาวัตถุดิบจากแหล่งปลูกที่ปราศจากการบุกรุกพื้นที่ป่าอย่างต่อเนื่อง ตามแนวทาง “ไม่เขา ไม่เผา เราซื้อ” ตลอดจนได้พัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (Corn Traceability) ซึ่งนำมาใช้ในกิจการประเทศไทยตั้งแต่ปี 2560 และสามารถตรวจสอบถึงแหล่งปลูกที่มีเอกสารสิทธิได้ 100% อีกทั้งนำระบบถ่ายภาพทางดาวเทียมช่วยวิเคราะห์จุดที่ยังมีการเผาหลังเก็บเกี่ยวเพื่อให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทลงไปแนะนำเกษตรกรลด ละ เลิกการเผาตอซัง เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นละอองจากการเพาะปลูกที่ยั่งยืน
เก็ท ไรเดอร์ขี่รถส่งอาหาร
เก็ทออกมาขี่รถส่งอาหารเกือบทุกวันตั้งแต่เช้าไปจนถึงราวๆ เที่ยงคืน เขามีชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานและต้องสูดดมฝุ่น PM2.5 ในอากาศเกินกว่า 10 โมง เพื่อแลกกับรายได้วันละพันกว่าบาท
“ออกมาขับตั้งแต่ 7 โมงเช้า จนถึง 5 ทุ่ม เที่ยงคืน เกือบทุกวัน ก็ดูแลตัวเองโดยการใส่หน้ากากอนามัยเท่าที่เราป้องกันได้ กลับห้องไปก็ต้องล้างจมูก แอปพลิเคชันดูฝุ่นเราไม่มีนะ ใช้วิธีติดตามข่าวเอา ผมว่าฝุ่น PM2.5 มันจะส่งผลกับเราในระยะยาวมากกว่าเกี่ยวกับพวกดวงตา แล้วก็ปอด หายใจเป็นหอบหืด บางคนเขาป่วยอยู่แล้วก็ยิ่งอาการกำเริบ จะเปิดกระจกหมวกกันน็อคขี่รถนี่ไม่ได้เลย ไม่งั้นจะตาแดง” เก็ท กล่าว
เมื่อสอบถามว่าทางบริษัทต้นสังกัดได้มีนยบายช่วยอะไรไรเดอร์ในจังหวัดที่ต้องเผชิญกับฝุ่น PM2.5 บ้าง ทั้งเก็ทและเพื่อนที่ขี่รถส่งอาหารอีก 2 - 3 คนบริเวณนั้นต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่มี ไม่มีเลยครับ”
ถ้าบอกรัฐบาลได้ เก็ทอยากบอกว่า ให้ใช้วิธีการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 แบบที่สากลทำกัน ไม่ใช่ใช้น้ำฉีดขึ้นฟ้า ใช้ละอองฉีดอยู่เพียงบางจุด ซึ่งไม่สามารถแก้ปัญหาได้ อยากให้นายกฯ อัพเดตวิธีการแก้ปัญหา PM2.5
- มกราคม - มีนาคม 2566 ไทยพบผู้ป่วยจากโรค 'มลพิษทางอากาศ' กว่า 1.7 ล้านคน
ศิลปินรุ่นใหม่ในเชียงใหม่ ส่งสัญญาณ SOS ขอความช่วยเหลือด้านลมหายใจ
ศาลปกครองเชียงใหม่ 'ยกฟ้อง' คดี 'ประยุทธ์' ไม่แก้ PM 2.5 ชี้ ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นสาธารณภัยร้ายแรง
PM 2.5 เชียงใหม่พุ่ง ผู้ว่าฯ ชี้แจง เหตุยังไม่ประกาศ 'พื้นที่ภัยพิบัติ' หวั่นกระทบ 'การท่องเที่ยว'
เอกศิลป์ แซ่ลี้ พนักงานรักษาความปลอดภัย
พนักงานรักษาความปลอดภัยเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ต้องทำงานกลางแจ้งตลอดทั้งวัน เอกศิลป์ แซ่ลี้ เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ สถานที่ของเอกศิลป์อยู่บริเวณคูเมือง เขาต้องทำหน้าที่โบกรถให้แก่ผู้มาใช้บริการ ทำงานตั้งแต่เวลา 08.30 – 19.30 น. เป็นเวลา 6 วัน จันทร์ถึงเสาร์ วนอยู่แบบนี้
“งานเข้า 08.30 – 19.30 น. เราต้องใส่หน้ากากไว้ตลอดเวลา ถึงมันจะอึดอัดหน่อยแต่ก็ต้องใส่ไว้ แล้วก็ฟังข่าวเอาว่าจุดไหนมีฝุ่นเยอะ ไม่เยอะ PM2.5 มันส่งผลกระทบกับเราเยอะ ตกเย็นกลับไปก็จะรู้สึกคัดจมูก น้ำมูกจะไหลเยอะ ตาก็จะแสบมาก ขนาดเราใส่แว่นตานะ ผลกระทบเรื่องการหายใจมีแน่นอน บางทีทำงานก็มีขี้เถ้าตกลงมาในอากาศ สมัยเป็นเด็กจนถึงวัยรุ่นไม่เคยมีสถานการณ์เช่นนี้ มา 10 กว่าปีนี้นี่แหละ เชียงใหม่มี 4 ฤดู ร้อน ฝน หนาว แล้วก็ฝุ่น” เอกศิลป์ กล่าว
อยากให้รัฐบาลช่วยแก้ปัญหา PM2.5 เสียที ไม่ใช่อ้างว่าประเทศอื่นเผา ถ้ารัฐบาลรู้ว่าต้นตอการเผามาจากเพื่อนบ้านก็น่าจะปรึกษาเพื่อนบ้านว่าจะดำเนินการอย่างไรกับสถานการณ์ฝุ่นและมลพิษที่เกิดขึ้น “แต่เราก็ต้องรอฟ้ารอฝน เพราะรัฐบาลไม่มีหวัง” นอกจากนี้เอกศิลป์ระบุว่า ไม่เคยมีหน่วยงานรัฐระดับจังหวัดมาสอบถามหรือให้ความช่วยเหลือคนที่ทำงานกลางแจ้งเช่นเขา
แทน เจ้าของร้านขนน
คนทำงานค้าขายกลางแจ้งเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แทนทำงานออกบูธขายขนมปัง เค้ก และขนมหวานอื่นๆ เวลามีงานเข้ามา เธอพยายามเช็คค่าฝุ่น PM2.5 ก่อนออกมาจากบ้านตลอดว่าควรออกมาทำกิจกรรมข้างนอกบ้านหรือไม่ ไม่แค่การทำงานฝุ่น PM2.5 ยังส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเล็กๆ น้อยๆ สำหรับแทน เช่นการซักผ้าแทนก็จะซักและอบผ้าไปเลย เพราะถ้าตากผ้าไว้ข้างนอกบ้านก็มีแต่ฝุ่นเกาะ
“ช่วงนี้เราก็ออกมาขายของตลอดก็จะอยู่ข้างนอกแบบนี้ประมาณ 15.00 น. ถึง 23.30 น. เวลาออกข้างนอกก็จะใส่แมส แต่ช่วงนี้มันร้อน เวลาใส่จะอึดอัดมีเหงื่อ ก็จะถอดบ้าง แต่พยายามจะใส่แมสตลอด ถ้ากลับบ้านจะล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ มันเลี่ยงไม่ได้ เราต้องอยู่ใกล้ๆ ถนนใหญ่ด้วยมลภาวะส่วนใหญ่ก็คิดว่าน่าจะเกิดจากส่วนนี้ด้วย ทุกวันตื่นเช้ามาก็จะเปิดหน้าต่างดูก่อนเลยว่าหมอกหรืออะไร และจะเช็คค่าฝุ่นตลอด ฝุ่นPM2.5 ส่งผลต่อคนขายของ ไรเดอร์ที่ต้องขี่รถไปส่งของ ในวันที่เราอยู่บ้านเรายังป้องกันตัวเองได้มากกว่านี้ แต่คนที่เขาต้องทำงานอยู่ข้างนอกตลอดเวลา เราต้องเจอปัญหานี้ทุกๆ วัน” แทน กล่าว
ถ้าบอกรัฐบาลได้แทนอยากให้รัฐบาลเข้ามาดูอย่างจริงจังว่าปัญหาอะไรที่รัฐบาลสามารถเข้ามาแก้ไขได้ ไม่ต้องเป็นเรื่องใหญ่มากก็ได้ ปัญหาเล็กๆ อย่างรถติดก็ได้ ซึ่งจะส่งผลต่อปัญหาใหญ่ๆ ที่รัฐบาลสามารถแก้ได้เองในอนาคต
การอ่านค่าคุณภาพอากาศในเว็บไซต์ Iqair.com
สีเขียว คุณภาพอากาศดี
สีเหลือง คุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลาง
สีส้ม คุณภาพอากาศไม่ดีสำหรับกลุ่มคนเปราะบาง
สีแดง คุณภาพอากาศไม่ดีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั่วไป
สีม่วง คุณภาพอากาศไม่ดีต่อสุขภาพของประชาชนอย่างมาก
สีเลือดหมู คุณภาพอากาศอยู่ในระดับที่เลวร้ายเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)