Skip to main content
sharethis

เลือกตั้งครั้งนี้จะปิดฉากประยุทธ์ ผู้ครองเก้าอี้นายกฯ จากรัฐประหารและสืบทอดอำนาจมาเกือบ 9 ปี

ประยุทธ์มีโอกาสน้อยมากที่จะกลับมาอีก แต่แน่ละ ความเบื่อความเกลียดประยุทธ์ ไล่เท่าไหร่ไม่ยอมไป ใช้อำนาจเหิมเกริม บนความพินาศฉิบหายทางเศรษฐกิจ ทำแล้ว ทำอยู่ ยังจะทำอีก ฯลฯ ก็ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ปลุกพลังถั่งโถม “ไล่ประยุทธ์” ยิ่งมี 250 ส.ว.ตู่ตั้ง ยิ่งปลุก “แลนด์สไลด์” เพื่อเอาชนะ ส.ว.ให้ได้

แต่พอเลือกตั้งเสร็จ เราก็จะพบว่าประยุทธ์เป็นอดีตไปแล้ว เผลอๆ ได้ไม่ถึง 25 เสียง หัวร่องอหาย แต่เงยหน้าขึ้นมาก็งงๆ แล้วเอาอย่างไรต่อไป

เพราะระบอบประยุทธ์ไม่ใช่แค่ประยุทธ์ เครือข่ายอนุรักษ์ที่ขยายอำนาจจากรัฐประหาร 2557 รัฐธรรมนูญ 2560 นั้นใหญ่ทะมึน โตมหึมา ไม่ใช่แค่ประยุทธ์และ 250 ส.ว.

ตัวประยุทธ์จะหมดความหมายหลังเลือกตั้ง ไม่มีทางกลับมาเป็นนายกฯ มีแต่กลับบ้านในค่ายทหาร แม้ยังมีคะแนนนิยมในมวลชนอนุรักษ์ หรือบัตรคนจน แต่ผลสำรวจทุกโพลก็ไล่เลี่ย 15% ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 15 คน

เลือกตั้ง 62 พลังประชารัฐได้ ส.ส. 116 คน 8.4 ล้านเสียง คิดเป็น 24% แต่ส่วนใหญ่ได้มาเพราะ ส.ส.บ้านใหญ่ มีคะแนนนิยมฝ่ายขวาเฉพาะในกรุงและภาคใต้ ที่ฉีดไบกอนฆ่าแมลงสาบตายเป็นเบือ หลังเห็นภาพทักษิณในงานแต่งอุ๊งอิ๊งที่ฮ่องกง

ครั้งนี้รวมไทยสร้างชาติเหลือบ้านใหญ่กี่คน ไม่มีสักคนในเหนืออีสาน กะปริบกะปรอยในภาคกลาง ถ้าลูกกำนันเป๊าะล้างบางเสี่ยเฮ้ง ภาคตะวันออกก็โบ๋เบ๋ เหลือแค่ภาคใต้ที่ต้องแย่งคะแนนมวลชนนกหวีดกับประชาธิปัตย์ แต่ภูมิใจไทยก็เป็นตาอยู่ ตามอัดใต้ดินใต้น้ำ

เด็กอมมือทางการเมืองก็รู้ว่า ภูมิใจไทยจะเป็นที่หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ประชาธิปัตย์จะแย่งกันเป็นที่สองสามสี่ ถ้ารวมกันได้เกินครึ่ง ประยุทธ์ได้ส.ส. 30-40 คน ยังมีหน้าไปแย่งอนุทิน?

ขณะที่ใครก็รู้ว่าเพื่อไทยที่หนึ่งแน่ แค่ไม่รู้เกินครึ่งหรือเปล่า (310 เป็นปฏิบัติการจิตวิทยา)

มองอีกมุม การเลือกตั้งครั้งนี้แม้ยังมี 250 ส.ว. แต่พรรคสืบทอดอำนาจแตกโพละ ส.ส.ย้ายหนี โดยแทบไม่มีกลุ่มใหญ่ย้ายตามประยุทธ์ มีแต่ ส.ส.ภาคใต้กับสุชาติ ชมกลิ่น คู่ชิงเพื่อไทยในภาคเหนือภาคอีสานกลายเป็นภูมิใจไทยกับพลังประชารัฐประปราย

แต่แน่ละ ความเข็ดขยาดหวาดกลัวประยุทธ์โดยเฉพาะทางเศรษฐกิจ ยังเป็นกระแสหลักในการเลือกตั้ง เพราะปัญหาปากท้องรุนแรงสาหัส ภาคธุรกิจ รายย่อย แบกได้อีกไม่กี่เดือนเท่านั้น ในทางกลับกันจึงเป็นโอกาสเพื่อไทย โดยแทบไม่ต้องดูนโยบาย ดูตัวบุคคลในทีมเศรษฐกิจ ในสายตานักธุรกิจพร้อมกว่าพรรคอื่น ทำงานได้ทันที รองลงมาคือพลังประชารัฐ แต่เป็นทีมจับฉ่าย จับคนเด่นดังคนละทิศคนละทางมาโฮะกัน (จนบิ๊กอายตกน้ำหาย)

แม้คนทั่วไปยังต้องการความชัวร์ว่า ประยุทธ์ไม่กลับมา แต่เลือกตั้งเดินหน้าไปพักจะเห็นว่า ประยุทธ์จบแล้ว แม้การเลือกตั้งครั้งนี้วิเคราะห์ยากมาก แต่โอกาสความเป็นไปได้สูงสุดคือ เพื่อไทยชนะที่หนึ่ง เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล แล้วดูผลเลือกตั้งอีกครั้งว่าจะจับมือพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือข้ามขั้ว โอกาสที่สอง ถ้าเพื่อไทยไม่ได้เป็นแกนนำ ก็เกิดรัฐบาลผสมสลายขั้ว ที่ไม่มีประยุทธ์อยู่ดี

ยังมีใครอยากแบกประยุทธ์อยู่อีก ไม่ว่าประวิตร อนุทิน ประชาธิปัตย์ (ซึ่งอภิสิทธิ์กลับมาช่วยหาเสียง)

ยุทธศาสตร์ฝ่ายประชาธิปไตยต้องลดละความกลัว “ประยุทธ์กลับมา” แล้วมองไปข้างหน้า จะเห็นปัญหาขนาดตอม่อรออยู่อีกเยอะ เครือข่ายอนุรักษ์อันใหญ่ทะมึนมหึมา มีอำนาจมากกว่ายุคประชาธิปไตยใต้อำนาจนำ หรือหลังรัฐประหาร 2549 เสียอีก ถ้าสมัยก่อนเรียกว่าอำนาจนอกระบบ สมัยนี้ก็เป็นอำนาจเหนือระบบ เป็นอำนาจที่ปฏิเสธไม่ได้ กดทับอยู่โดยตรง

อำนาจนี้เปลี่ยนผ่านมา 2 เฟส เฟสแรกรัฐประหารอำมหิต เฟสรองรัฐบาลประยุทธ์อำนาจนิยม เฟสสามยังมองไม่ออกว่าจะเป็นอย่างไร เพราะจะต้องทำ “ดีล” กับผู้ชนะเลือกตั้ง ให้รัฐบาลจากเลือกตั้งยอมรับว่ามีอำนาจจำกัดและถูกแทรกแซงได้

การเลือกตั้งครั้งนี้มีนัยทับซ้อนกัน 2 ประเด็น ประเด็นแรก เอาประชาธิปไตยหรือสืบทอดอำนาจ ซึ่งตกค้างมาจากปี 62 อันที่จริง “เอาประชาธิปไตย” ชนะ เพราะคนเลือกประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทยไม่รู้ว่าจะไปร่วมรัฐบาลประยุทธ์ ถึงกระนั้น พรรคฝ่ายค้านก็ยังได้ ส.ส.มากกว่า กระทั่งโดนสูตรคำนวณเศษมนุษย์ โดนยุบพรรคตัดสิทธิ โดนดูด จนเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากตามอำเภอใจ

ประเด็นนี้จึงค้างคาคับแค้นมาถึง 66 ทั้งที่ควรเปลี่ยนไปแล้ว ฉันทามติประชาชนส่วนใหญ่ไม่เอาการสืบทอดอำนาจ ไม่เอา 250 ส.ว.โหวตนายกฯ แล้ว แต่ผลพวงอำนาจล้าหลังยังฉุดรั้ง ให้จมอยู่กับประเด็นนี้ ทั้งที่ประเด็นมันเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องสืบทอดอำนาจแล้ว เป็นข้อถกเถียงว่า “เอาประชาธิปไตยแบบไหนแน่”

พูดง่ายๆ เลยว่าที่ถกเถียงกันทุกวันนี้ระหว่าง FC เพื่อไทยก้าวไกล คือการถกเถียงว่า “เราจะเอาประชาธิปไตยแบบไหนกันแน่” เอาแค่ปากท้อง หรือกระทุ้งโครงสร้าง แสดงพลังผ่านการเลือกตั้งเพื่อปฏิรูประบอบให้ได้มากที่สุด ให้อำนาจอนุรักษ์ยอมถอยได้มากที่สุด

ยุทธศาสตร์ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่ไม่เอาประยุทธ์ กลัวประยุทธ์กลับมา แม้ต้องการเอาชัวร์ก็เป็นแค่ข้อ 1 ต้องมีข้อ 2, 3, 4 มองไปข้างหน้า กว้างลึกไกลกว่าประยุทธ์

 

 

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/news_7590121

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net