50 คณาจารย์คณะนิติศาสตร์จากสถาบันการศึกษาทั่วประเทศออกจดหมายเปิดผนึกถึงประธานศาลฎีกา อธิบดีศาลอาญา และอธิบดีศาลอาญากรุงเทพใต้ เรื่อง เรียกร้องให้คืนสิทธิในการได้รับการปล่อยชั่วคราวให้แก่ผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีการเมือง
27 ม.ค.2566 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า คณาจารย์คณะนิติศาสตร์จากสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ 50 รายชื่อออกจดหมายเปิดผนึกถึงประธานศาลฎีกา อธิบดีศาลอาญา และอธิบดีศาลอาญากรุงเทพใต้ เรื่อง เรียกร้องให้คืนสิทธิในการได้รับการปล่อยชั่วคราวให้แก่ผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีการเมือง
โดยมีรายละเอียดดังนี้ :
จดหมายเปิดผนึกคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ ถึง ประธานศาลฎีกา อธิบดีศาลอาญา และอธิบดีศาลอาญากรุงเทพใต้ เรื่อง เรียกร้องให้คืนสิทธิในการได้รับการปล่อยชั่วคราวให้แก่ผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีการเมือง
จากกรณีที่ ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ อรวรรณ ภู่พงษ์ ผู้ต้องหาในคดีความผิดตามมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา จากกรณีไลฟ์สดหน้าสหประชาชาติ ก่อนเวลาที่ขบวนเสด็จจะผ่านถนนราชดำเนินนอก และจากการทำโพลสำรวจความเดือดร้อนจากขบวนเสด็จ ได้ยื่นคำร้องขอถอนประกันตัวเอง และศาลได้มีคำสั่งรับคำร้องและอนุญาตให้ถอนประกัน เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2566 โดยทั้งสองมีข้อเรียกร้อง 3 ประการ โดยมีข้อเรียกร้องที่สำคัญคือการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และการคืนสิทธิประกันตัวให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีการเมือง และภายหลังจากที่ข้อเรียกร้องดังกล่าวไม่ได้รับการตอบสนองทำให้ทั้งสองตัดสินใจอดอาหารและน้ำมาเป็นเวลากว่า 7 วัน จนร่างกายเข้าขั้นวิกฤติตามที่ปรากฏเป็นข่าวแล้วนั้น และจากการที่ศาลอนุญาตให้ถอนประกันตัวทั้งสองคนนั้นทำให้ในขณะนี้มีผู้ต้องหาในคดีทางการเมืองที่ถูกควบคุมตัวทั้งก่อนและระหว่างพิจารณาในชั้นศาล เป็นจำนวนกว่า 15 คน โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว
การใช้อำนาจในกระบวนการยุติธรรม ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวได้ก่อให้เกิดคำถามในประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศได้รับรองหลักการพื้นฐานที่สำคัญเอาไว้คือ “ในคดีอาญาให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้” และ “การควบคุมหรือคุมขังผู้ต้องหาหรือจำเลย ให้กระทำได้เพียงเท่าที่จำเป็น เพื่อป้องกันมิให้มีการหลบหนี” จากหลักการดังล่าว การควบคุมตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยจึงเป็นเพียงข้อยกเว้นและต้องกระทำเพียงเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ซึ่งมาตรา 108 และ 108/1 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ได้กำหนดเหตุในการสั่งไม่ปล่อยชั่วคราวเอาไว้ ดังนั้น ในการพิจารณาสั่งไม่ปล่อยชั่วคราวของศาลจึงต้องคำนึงถึงหลักกฎหมายและปรากฎข้อเท็จจริงอย่างชัดแจ้งว่ามีเหตุที่ศาลจะสามารถสั่งไม่ปล่อยชั่วคราวได้ ทั้งนี้ เพื่อเป็นหลักประกันว่าหลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ในคดีอาญาจะได้รับการเคารพและปฏิบัติตาม
2. เมื่อการควบคุมตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยในระหว่างดำเนินคดีต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่ปรากฎในมาตรา 108 และ 108/1 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ดังนั้น เมื่อศาลได้อนุญาตให้ประกันตัวแล้วย่อมแสดงว่าไม่มีเหตุที่จะคุมขังบุคคลทั้งสองไว้แต่อย่างใด การที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยสมัครใจยื่นขอถอนประกันตัวเองไม่อาจเป็นเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะถอนประกันได้ อีกทั้งในกรณีของทั้งสองคนก็ไม่ได้กระทำการที่ผิดเงื่อนไขการประกันตัวแต่อย่างใด กรณีดังกล่าวจึงไม่ใช่ปัญหาว่าทั้งสองสมัครใจหรือสละสิทธิในการประกันตัว และศาลต้องมีคำสั่งอนุญาตถอนประกันตามที่ร้องขอ หากแต่เป็นประเด็นในเรื่องเงื่อนไขการใช้อำนาจรัฐในการควบคุมตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยซึ่งต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมายตามหลักความชอบด้วยกฎหมายของการกระทำของรัฐ ดังนั้น ในกรณีของทั้งสอง ศาลจึงจำเป็นต้องพิจารณาการไม่ปล่อยชั่วคราวตามเงื่อนไขและเหตุที่กำหนดในมาตรา 108 และ 108/1 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยคำนึงถึงความจำเป็นในการควบคุมตัว มิใช่พิจารณาแต่เพียงการสมัครใจถอนประกันของทั้งสองคน
3. แม้ศาลสามารถกำหนดภาระหน้าที่หรือเงื่อนไขให้ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวต้องปฏิบัติได้ตามมาตรา 112 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แต่อย่างไรก็ตาม การกำหนดเงื่อนไขดังกล่าวต้องไม่เกินความจำเป็น และไม่ขัดกับหลักการพื้นฐานที่ให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ในคดีอาญา การปล่อยชั่วคราวในคดีการเมืองหลายคดี ศาลมักจะกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยต้องปฏิบัติตามด้วย เช่น การใส่กำไล EM เพื่อติดตามตัว ห้ามออกนอกเคหสถานตลอดระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว หรือห้ามกระทำการในลักษณะเดิมซ้ำ เป็นต้น ซึ่งเงื่อนไขที่ศาลกำหนดดังที่ได้กล่าวถึงข้างต้นนี้ มีปัญหาหรือข้อสงสัยในทางกฎหมายได้ว่าสอดคล้องกับหลักความได้สัดส่วนและเป็นเงื่อนไขที่ปฏิบัติต่อผู้ต้องหาหรือจำเลยในฐานะผู้บริสุทธิ์หรือไม่
ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น คณาจารย์คณะนิติศาสตร์ ดังมีรายนามแนบท้าย จึงขอเรียกร้อง ดังนี้
1. ขอให้ศาลพิจารณาเพิกถอนคำสั่งถอนประกันตัวของ ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ อรวรรณ ภู่พงษ์ เพื่อให้ทั้งสองได้รับอิสรภาพโดยเร็วที่สุดก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
2. ขอให้ศาลพิจารณาปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีการเมืองทุกคดีตามหลักกฎหมาย เพื่อธำรงไว้ซึ่งนิติรัฐและหลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ในคดีอาญา
3. ขอให้ศาลพิจารณายกเลิกกำหนดเงื่อนไขการประกันตัวที่ขัดต่อหลักความได้สัดส่วนและขัดต่อหลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ในคดีอาญา
ในสถานการณ์ความขัดแย้งของสังคมอันเนื่องมาจากความแตกต่างทางความคิด การใช้อำนาจตุลาการอย่างเป็นธรรมและสอดคล้องกับกฎหมายและรัฐธรรมนูญจะเป็นกลไกสำคัญในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนทุกฝ่าย และทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งไม่ลุกลามบานปลาย องค์กรตุลาการที่ใช้อำนาจอย่างเป็นธรรมย่อมสร้างความศรัทธาให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญของสันติภาพในสังคมและย่อมได้รับการแซ่ซ้องสรรเสริญจากปวงชน แต่หากองค์กรตุลาการใช้อำนาจโดยปราศจากการคำนึงถึงหลักกฎหมายและการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพแล้ว ประวัติศาสตร์ก็จะจดจำท่านในอีกแบบหนึ่ง
ด้วยความเชื่อมั่นในนิติรัฐและประชาธิปไตย
รายนามคณาจารย์คณะนิติศาสตร์
1. | กรรภิรมย์ โกมลารชุน |
|
2. | กรศุทธิ์ ขอพ่วงกลาง | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
3. | กิตติภพ วังคำ | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
4. | ขรรค์เพชร ชายทวีป | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี |
5. | เขมชาติ ตนบุญ |
|
6. | คงสัจจา สุวรรณเพ็ชร | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
7. | จอมพล พิทักษ์สันตโยธิน |
|
8. | จารุประภา รักพงษ์ | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
9. | ฉัตรชัย เอมราช |
|
10. | ฐาปนันท์ นิพิฏฐกุล |
|
11. | ฐิติรัตน์ ทิพย์สัมฤทธิ์กุล | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
12. | ณัฏฐพร รอดเจริญ | คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
13. | ณัฐดนัย นาจันทร์ | สำนักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยแม่ฟ้าหลวง |
14. | ต่อพงศ์ กิตติยานุพงศ์ | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
15. | ทศพล ทรรศนกุลพันธ์ | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
16. | ธนรัตน์ มังคุด | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ |
17. | ธวัช ดำสอาด |
|
18. | ธีรวัฒน์ ขวัญใจ | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ |
19. | นพดล เดชสมบูรณ์รัตน์ | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
20. | นัทมน คงเจริญ | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
21. | ศักดิ์ชาย จินะวงค์ | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
22. | นิฐิณี ทองแท้ |
|
23. | นิติ จันจิระสกุล | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย |
24. | บุญญภัทร์ ชูเกียรติ |
|
25 | ปริญญา เทวานฤมิตรกุล | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
26. | ปิยากร เลี่ยนกัตวา |
|
27. | ผจญ คงเมือง | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ |
28. | พงษ์พันธ์ บุปเก |
|
29. | พัชร์ นิยมศิลป | คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
30. | พัชราภรณ์ ตฤณวุฒิพงษ์ | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
31. | ภัทรพงษ์ แสงไกร | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
32. | มุนินทร์ พงศาปาน | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
33. | ยศสุดา หร่ายเจริญ | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
34. | ยอดพล เทพสิทธา |
|
35. | ฤทธิภัฏ กัลยาณภัทรศิษฏ์ | สำนักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง |
36. | ลลิล ก่อวุฒิกุลรังษี |
|
37. | วริษา องสุพันธ์กุล | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
38. | วิทูรย์ ตลุดกำ |
|
39. | ศรัณย์ จงรักษ์ | คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร |
40. | ศศิภา พฤกษฎาจันทร์ | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
41. | ศุภกร ชมศิริ | สาขาวิชานิติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ |
42. | สมชาย ปรีชาศิลปกุล | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
43. | สุทธิชัย งามชื่นสุวรรณ | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์์ |
44. | สุรพี โพธิสาราช |
|
45. | สุรินรัตน์ แก้วทอง | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ |
46. | สุวิทย์ ปัญญาวงศ์ | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา |
47. | อัษฎายุทธ ผลภาค | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
48. | อำนาจ ตั้งคีรีพิมาน | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
49. | เอมผกา เตชะอภัยคุณ | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
50. | อุดม งามเมืองสกุล | คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา |
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)