Skip to main content
sharethis

'เพื่อไทย' ชี้ ไทยถูกองค์กรนานาชาติอีไอยูจัดอันดับเป็นประเทศประชาธิปไตยไม่สมบูรณ์ 3 ปีซ้อน เหตุมีรัฐบาลแฝงตัวการเลือกตั้งเข้าสู่อำนาจ ทั้งที่จริงคือเผด็จการซ่อนรูป ขณะที่ รองประธาน กมธ.กฎหมายฯ เดินหน้า ร่าง พ.ร.บ.อุ้มหาย ป้องกันซ้อมทรมาน

 

11 ก.พ.2565 ทีมสื่อพรรคเพื่อไทยรายงานต่อสื่อมวลชนว่า ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีสถาบันวิจัย The Economist Intelligence Unit (EIU) รายงานดัชนีประชาธิปไตย (Democracy Index) ปี 2021 (พ.ศ.2564) ของประเทศไทยซึ่งถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มประเทศ “ประชาธิปไตยไม่สมบูรณ์” เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 เป็นต้นมา สะท้อนว่า แม้ที่ผ่านมาจะมีการเลือกตั้งในปี พ.ศ.2562 ก็ตาม แต่ประเทศไทยยังมีอัตราการถดถอยของประชาธิปไตยที่แย่ลงอย่างต่อเนื่อง กระบวนการเลือกตั้งในปี 2562 ถูกอ้างเพื่อใช้เป็นความชอบธรรมอำพรางตัวเข้าสู่อำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร สู่นายกรัฐมนตรีที่คนไทยไม่ต้องการ เป็นผู้นำเผด็จการที่ซ่อนรูปในคราบประชาธิปไตย แต่สุดท้ายไม่อาจอำพรางความเป็นจริงจากสายตาประชาคมโลกไปได้

ชญาภา กล่าวต่ออีกว่า ดัชนีประชาธิปไตยดังกล่าวพิจารณาจาก 5 ตัวชี้วัด ได้แก่ 1.กระบวนการการเลือกตั้งและมีหลายตัวเลือก 2.การทำงานของรัฐบาล 3.การมีส่วนร่วมทางการเมือง 4.วัฒนธรรมการเมืองแบบประชาธิปไตย 5.เสรีภาพของประชาชน

ซึ่งสภาพการณ์ของประเทศไทยที่ผ่านมาภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ มีการทำลายหลักการของระบอบประชาธิปไตยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นระบบการเลือกตั้งที่ออกแบบให้สถาบันการเมืองหรือพรรคการเมืองอ่อนแอ ไม่เป็นเอกภาพ สะท้อนจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในช่วงที่ผ่านมาที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมองค์ประชุมในฟากฝั่งของรัฐบาลได้เลย รวมไปถึงกระบวนการเลือกตั้งในปี 2562 ที่มีการจำกัดไม่ให้มีองค์กรต่างประเทศเข้าร่วมสังเกตการณ์ ที่สำคัญมีการปิดกั้นและจำกัดการแสดงความคิดเห็นของประชาชนคนเห็นต่างจากรัฐบาลและไม่ได้รับการคุ้มครอง จนมีนักโทษทางความคิดถูกจับกุมคุมขังเป็นจำนวนมาก เห็นได้ชัดว่าภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ที่อ้างว่าผ่านกระบวนการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย แต่เหตุใดการมีส่วนร่วมและเสรีภาพของประชาชนกลับถูกจำกัดควบคุมอย่างเข้มงวด

“พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงไม่ใช่ผู้นำความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ทั้งในเรื่องประชาธิปไตยของประเทศและสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่เป็นผู้นำที่ทำให้ประเทศชาติถดถอยทุกด้าน และไม่มีวันที่ประชาธิปไตยจะเบ่งบานได้ภายใต้การนำของอดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร ไม่มีวันที่ประเทศไทยจะสง่างามและเป็นที่ยอมรับของประชาคมโลก”  รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว

เดินหน้า ร่าง พ.ร.บ.อุ้มหาย ป้องกันซ้อมทรมาน

ชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย รองประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร แถลงความคืบหน้าในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. …. ซึ่งขณะนี้เสร็จสิ้นแล้ว และได้ลงนามเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยหวังว่าร่างกฎหมายฉบับนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยป้องกันและยุติการอุ้มหายไปและการถูกย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

สำหรับ ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. …. นี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการดำเนินการแก้ไขกฎหมายไทยให้สอดคล้องกับอนุสัญญาระหว่างประเทศ ที่ประเทศไทยได้ลงนามร่วมเป็นภาคีสมาชิก ซึ่งมีหลักการและมาตรการที่จะช่วงปกป้องคุ้มครองป้องกันและลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำความผิด โดยมีสาระสำคัญดังนี้

เมื่อมีการจับกุมเกิดขึ้น กฎหมายนี้จะเสนอให้เจ้าหน้าที่ผู้จับกุมคือตำรวจ จะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและอัยการให้ทราบทันที เพื่อให้ทุกฝ่ายลงพื้นที่พร้อมกันเพื่อป้องกันการอุ้มผู้ต้องหาไปทรมาน

จะต้องมีการบันทึกภาพและเสียง และบันทึกอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุด เพื่อให้มั่นใจว่า ตลอดกระบวนการจับกุมนั้นมิได้มีการทำร้ายร่างกาย ทรมาน หรือพาผู้ต้องหาไปยังสถานที่อื่น ซึ่งใน 2 มาตรการนี้ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐไม่กระทำตามถือเป็นการละเลยการปฏิบัติหน้าที่

รองประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ ระบุอีกว่า การเอาผิดผู้กระทำความผิดจะต้องมีประสิทธิภาพและจะต้องมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน ดังนั้น การเข้าถึงที่เกิดเหตุต้องให้ฝ่ายปกครอง ดีเอสไอ อัยการ เข้าพื้นที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบพยานหลักฐานและพยานแวดล้อมทุกอย่างอย่างรวดเร็ว และเริ่มต้นกระบวนการยุติธรรมอย่างทันท่วงที เพื่อป้องกันมิให้มีการปกปิด บิดเบือน ทำลายพยานหลักฐาน เพื่อมิให้หลักฐานในที่เกิดเหตุเปลี่ยนแปลง หรือเพื่อป้องกันมิให้พยานบุคคลถูกอิทธิพลบังคับให้เปลี่ยนแปลงความเห็นและสุดท้าย จะต้องมีบทลงโทษที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องปรามเจ้าหน้าที่รัฐมิให้กระทำผิด

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net