ตำรวจฮ่องกงบุกสำนักงานสื่อฝ่ายประชาธิปไตยฮ่องกง "สแตนด์นิวส์" จับกุมพนักงานรวม 7 ราย ก่อนที่สื่อแห่งนี้จำใจประกาศปิดตัว หลังก่อตั้งมานานกว่า 7 ปี
30 ธ.ค. 64 สแตนด์นิวส์ (Stand News) ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยบนเกาะฮ่องกง แถลงผ่านทางเฟซบุ๊กกลุ่มสาธารณะของบริษัทเมื่อ 29 ธ.ค. 64 ว่า แพทริก แลม รักษาการหัวหน้ากองบรรณาธิการ ลาออกจากสื่อแห่งนี้แล้ว พร้อมกับเลิกจ้างพนักงานทั้งหมด
แถลงการณ์บนหน้าเว็บไซต์ https://www.thestandnews.com/
แถลงการณ์ระบุด้วยว่า เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันทำให้สแตนด์นิวส์ จะหยุดดำเนินงานโดยทันที และจะหยุดการอัปเดตเว็บไซต์ตัวเอง รวมถึงโซเชียลมีเดียทั้งหมด และจะมีการลบบัญชีและเนื้อหาต่างๆ ของสื่อแห่งนี้ทั้งหมดหลังจากที่ดำเนินการมาเป็นเวลามากกว่า 7 ปี
คำแถลงของสแตนด์นิวส์ ไม่ได้ระบุเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมถึงปิดตัวลง แต่เหตุดังกล่าวเกิดขึ้น หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกง จำนวน 200 นาย ทั้งในและนอกเครื่องแบบ บุกตรวจค้นสำนักงานสื่อสแตนด์นิวส์ และจับกุมพนักงาน ข้อหา ‘สมคบผลิตสื่อที่มีเนื้อหายุงยงปลุกปั่น’ เบื้องต้น มีคณะทำงานถูกจับกุม 7 ราย และมีอย่างน้อย 4 ราย ถูกพาตัวไปสอบสวน นอกจากนี้ ทางการมีการระงับบัญชีการเงินของสื่อ วงเงิน 61 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 262 ล้านบาท
สตีฟ หลี่ (Steve Li) ผู้กำกับการตำรวจอาวุโสประจำสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวในงานแถลงข่าวว่า บุคคลที่ถูกจับกุมมีบทบาทสำคัญต่อการกำหนดทิศทางบรรณาธิการและยุทธศาสตร์ของบริษัท" และมีการตรวจยึดสื่อสิ่งพิมพ์ที่เกี่ยวข้องระหว่างบุกค้นสำนักงาน รวมถึง คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ และเงินสดจำนวน 500,000 ดอลลาร์ฮ่องกง รวมถึงระบุด้วยว่ามีการออกหมายจับอื่นๆ แล้ว
หลี่ กล่าวหาว่า สื่อสแตนด์นิวส์ ผลิตสื่อที่มีเนื้อหา "เนื้อหายุยงปลุกปั่น" ระหว่างที่มีการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงเมื่อ มิ.ย. 63 เพื่อให้เกลียดชังรัฐบาลและตุลาการฮ่องกง รวมถึงสร้างความไม่พอใจในหมู่ประชาชน ซึ่งอาจทำให้ประชาชนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือคำสั่งของรัฐบาล
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวด้วยว่า บทความเหล่านี้มักถูกเขียนโดยคนที่ถูกทางการจับกุม หรือลี้ภัยในต่างประเทศ ซึ่งทำงานเป็นบล็อกเกอร์ของสื่อ นอกจากนี้ ยังมีการอ้างเรื่องที่การสัมภาษณ์บุคคลที่พูดถึงว่า พวกเขาล็อบบีให้เจ้าหน้าที่ต่างประเทศคว่ำบาตรฮ่องกงได้อย่างไร
ทางการจีนออกมาตรการและกฎหมายใหม่ที่ให้รัฐบาลหุ่นเชิดในฮ่องกงบังคับใช้โดยอ้างว่าเพื่อทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยหลังจากที่มีการประท้วงในปี 2562 แต่นักวิจารณ์ก็มองว่าการใช้กฎหมายหรือมาตรการใหม่เหล่านี้เป็นแค่เครื่องมือในการทำลายฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเท่านั้น
ถึงแม้ว่าข้อหายุยงปลุกปั่นจะไม่ถือเป็นอาชญากรรมในกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ที่จีนเริ่มบังคับใช้บนเกาะฮ่องกง ตั้งแต่กลางเดือน มิ.ย.ปีที่แล้ว แต่เมื่อไม่นานนี้ คำพิพากษาล่าสุดของศาลอนุญาตให้ทางการฮ่องกงใช้อำนาจภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาตินี้ ใช้บังคับกฎหมายในยุคอาณานิคมได้ ซึ่งครอบคลุมถึงการปลุกระดมด้วย
แม้ว่าข้อหา ‘ปลุกระดม’ ไม่ถือเป็นอาชญากรรมภายใต้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่่ที่จีนบังคับใช้บนเกาะฮ่องกงตั้งแต่กลางปีที่แล้ว แต่ไม่นานมานี้ ศาลตัดสินอนุมัติผ่านร่างกฎหมายฉบับใหม่ ทำให้ทางการอ้างอำนาจที่ได้รับจากกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งครอบคลุมเรื่องการปลุกระดม
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกตรวจค้นและจับกุมคนทำสื่อฝั่งประชาธิปไตย ย้อนไปในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เคยมีกรณีที่ตำรวจหลายร้อยนายบุกจับกุมคณะผู้บริหารของสื่อประชาธิปไตยอีกแห่งหนึ่งคือ ‘แอปเปิลเดลี’ (Apple Daily) โดยกล่าวหาว่า แอปเปิลเดลี "สมคบคิดกับต่างชาติ" ก่อนที่ภายหลังแอปเปิลเดลีได้ปิดตัวลง เหตุการณ์ครั้งนั้นยังทำให้สแตนด์นิวส์ ถอดเอาบทความแสดงความคิดเห็นออกจากเว็บไซต์ทั้งหมด และมีการถอนช่องทางการรับบริจาค หลังจากกรรมการบริหาร 6 จาก 8 คนถอนตัว
ในกลุ่มคนที่ถูกจับกุมเป็นอดีตสมาชิกกรรมการบอร์ดสื่อแห่งนี้คือ มาร์กาเร็ต อึง อดีต สนช.ฝ่ายประชาธิปไตย เดนิส โฮ (Denise Ho) นักร้องเพลงป็อบ แพทริก แลม (Patrick Lam) รักษาการหัวหน้ากองบรรณาธิการ นอกจากนี้ สแตนด์นิวส์ โพสต์วิดีโอที่แสดงให้เห็นว่า ตำรวจบุกไปยังที่พักของ รอนสัน ชาน (Ronson Chan) รอง บก.ฝ่ายคัดเลือกข่าว และเป็นประธานสมาคมผู้สื่อข่าวฮ่องกง โดยตำรวจได้แจ้งต่อชาน ว่า พวกเขาได้รับหมายศาลให้ทำการสอบสวนข้อหา “สมคบคิดตีพิมพ์สื่อปลุกระดม” พร้อมทั้งขอให้ ชาน “หยุดถ่ายวิดีโอ”
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว ผู้จัดการออนไลน์ อ้างรายงานของเอพี ระบุว่า ชาน ไม่ได้อยู่ในรายชื่อถูกจับกุมตัว แต่เป็นการขอความร่วมมือให้ช่วยเรื่องการสอบสวน
สำหรับ Stand News เป็นสื่อออนไลน์ที่ไม่แสวงหากำไร ก่อตั้งเมื่อปี 2017 หรือ พ.ศ. 2560 และเป็นหนึ่งในสำนักข่าวที่สนับสนุนแนวคิดประชาธิปไตย
แปลและเรียบเรียงจาก
Hong Kong outlet Stand News to close after police raid and arrests, SBS, 29-12-2021
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)