Skip to main content
sharethis

ชี้ข้อตกลงการค้าอาเซียน กับ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ รวมทั้งการเข้าร่วมหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกในประเด็นทรัพย์สินทางปัญญาส่งผลกระทบทั้งเรื่องยาในระบบหลักประกันฯ พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ สิทธิพลเมือง สิทธิส่วนบุคคล ระบุ ‘รัฐบาลรัฐประหาร’ ไม่มีหน้าที่และความชอบธรรมตกลงการค้าเสรีที่มีผลไปชั่วลูกชั่วหลาน

เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตัวแทนจากภาคประชาสังคมทั้ง 25 องค์กร จัดการประชุมเกี่ยวกับเรื่องการเจรจา ความตกลงพันธมิตรทางการค้าระดับภูมิภาค ที่เป็นกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่าง ASEAN 10 ประเทศ กับคู่ภาคีที่มีอยู่ 6 ประเทศ คือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ หรือ RCEP และความพยายามเข้าร่วมความตกลงการเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ CPTPP และได้ประกาศจุดยืนของภาคประชาสังคมต่อการเจรจา RCEP และความพยายามเข้าร่วม CPTPP ดังนี้

1. ภาคประชาสังคมไทยขอให้ยุติการเจรจา RCEP และความพยายามในการเข้าร่วมความตกลง CPTPP เพราะเนื้อหาส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประชาชนและสังคม อีกทั้งกระบวนการเจรจายังเป็นไปอย่างปิดลับและกีดกันการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ เพียงเพื่อประโยชน์การค้าระยะสั้นๆของกลุ่มทุนบางกลุ่ม

2. ความตกลงการค้าเสรีใดๆที่จะเกิดขึ้นต้องอยู่ภายใต้เนื้อหาความตกลงด้านทรัพย์สินทางปัญญาในองค์การการค้าโลกเท่านั้น โดยจะต้องไม่รับเนื้อหาใดๆที่เกินไปกว่าความตกลงทริปส์ หรือที่เรียกว่า TRIPs+ ทั้งในเนื้อหาที่เกี่ยวกับยาที่จะกระทบกับระบบหลักประกันสุขภาพ, พันธุ์พืช/พันธุ์สัตว์ที่จะกระทบกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของเกษตรกร, ประเด็นทรัพย์สินทางปัญญาอื่นๆที่จะกระทบการเข้าถึงความรู้ในอินเตอร์เน็ต สิทธิพลเมือง และสิทธิส่วนบุคคล

3. กลไกระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐและเอกชน (ISDS) ในบทที่ว่าด้วยการคุ้มครองการลงทุนนั้นจะต้องไม่อนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติฟ้องร้องในมาตรการที่เกี่ยวกับด้านสาธารณสุข มาตรการควบคุมยาสูบและแอลกอฮอล์ สิ่งแวดล้อม การเข้าถึงความรู้ และความมั่นคงทางสังคม เพื่อให้รัฐยังสามารถทำหน้าที่กำหนดนโยบายสาธารณะเพื่อสังคมได้

4. ความตกลงการค้าเสรีใดๆ ต้องไม่มีเนื้อหาที่นำไปสู่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และยังคงบทบาทของรัฐในการจัดซื้อจัดจ้างและการจัดบริการเพื่อประโยชน์สาธารณะ

5. ความตกลงการค้าเสรีใดๆ ต้องไม่ขัดกับหลักการปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน สิทธิพลเมือง สิทธิสตรี สิทธิเด็ก สิทธิชุมชน เศรษฐกิจ สังคม การเมือง และ วัฒนธรรม รวมทั้ง กรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบ ที่ประเทศไทยมีพันธกรณีอยู่ รวมทั้งต้องเป็นไปตามคำมั่นที่ให้ไว้ต่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)

6. ‘รัฐบาลรัฐประหาร’ ไม่มีหน้าที่และไม่มีความชอบธรรมที่จะไปทำความตกลงการค้าเสรีอันมีผลผูกพันชั่วลูกหลาน รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตยต้องมีกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน รัฐสภา อย่างแท้จริงซึ่งต้องระบุไว้ในรัฐธรรมนูญก่อนที่จะไปเริ่มเจรจาความตกลงระหว่างประเทศใดๆ

สำหรับ 25 องค์กร ที่จัดกิจกรรมและประกาศจุดยืนดังกล่าวประกอบด้วย เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก, เครือข่ายแรงงานนอกระบบ กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch) เครือข่ายผู้หญิงไม่เอา RCEP, สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ประเทศไทย สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย, สมัชชาคนจน โครงการส่งเสริมสิทธิชุมชนในที่ดินและทรัพยากร มูลนิธิเข้าถึงเอดส์, เครือข่ายจับตาโลกร้อน (Climate Watch) มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, มูลนิธิเพื่ออินเทอร์เน็ตและวัฒนธรรมพลเมือง มูลนิธิชีววิถี, มูลนิธิสุขภาพไทย, กลุ่มศึกษาปัญหายา มูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์, มูลนิธิบูรณะนิเวศ มูลนิธิสาธารณสุขกับการพัฒนา, People Go เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ เครือข่ายงดเหล้า และศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.)

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net