Skip to main content
sharethis

หลัง พล.อ.ประยุทธ์ สั่งให้ 3 กระทรวงหาทางออกปมสารกำจัดวัชพืชแทนพาราควอต มูลนิธิชีววิถี ชี้ ครม.ไม่ได้รับทราบข้อมูลที่เพียงพอและเห็นแก่กลุ่มทุนที่ขายสารพิษมากกว่าจะคำนึงถึงสุขภาพของเกษตรกรหรือผู้บริโภคจริงๆ

30 ม.ค.2561 จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบ (คสช.) และนายกรัฐมนตรี กล่าวเกี่ยวกับกรณีข้อเสนอให้มีการยกเลิกพาราควอตโดยอ้างว่าเป็นห่วงทั้งผลกระทบต่อผู้บริโภคและเกษตรกร โดยสั่งให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์หาทางออกในกรณีดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหาทางออกทดแทนพาราควอตซึ่งขณะนี้ยังไม่มีสารทดแทนนั้น

มูลนิธิชีววิถี ออกแถลงเห็นว่าคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ดังกล่าวเกิดจาก 2 เหตุผล คือ หนึ่ง คณะรัฐมนตรีไม่ได้รับทราบข้อมูลที่เพียงพอจากหน่วยงานของรัฐ และ สอง รัฐบาลนี้เห็นแก่กลุ่มทุนที่ขายสารพิษและกลุ่มธุรกิจเกษตรรายใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จากการขายหรือการใช้พาราควอตมากกว่าจะคำนึงถึงสุขภาพของเกษตรกรหรือผู้บริโภคจริงๆ

มูลนิธิชีววิถี ระบุด้วยว่า ข้ออ้างที่บอกว่ายังไม่มีสารทดแทนนั้นไม่เป็นความจริง เพราะ ที่ผ่านมากระทรววงเกษตรฯซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวไม่พยายามนำเอางานวิจัยและทางออกของหลายหน่วยงานมาเผยแพร่แก่เกษตรกร ข้ออ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น ทั้งนี้เพราะขณะนี้มีประเทศต่างๆถึง 53 ประเทศแล้วที่แบนและประกาศยุติการใช้พาราควอต รวมทั้งจีนซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ และบราซิลซึ่งเป็นประเทศผลิตอ้อยรายใหญ่ของโลก ประเทศเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีทางออกทั้งสิ้น การอนุญาตให้ใช้พาราควอตชี้ให้เห็นว่า การเสนอให้ประเทศไทยเป็นไทยแลนด์ 4.0 เป็นเรื่องเพ้อฝัน เนื่องจากการผลิตเกษตรและอาหารยังคงพึ่งพาสารพิษที่ประเทศครึ่งโลกยุติการใช้ไปแล้ว โดยไม่คำนึงถึงอันตรายของสารพิษนี้ที่มีต่อเกษตรกรรายย่อย ต่อผู้บริโภค และต่อสิ่งแวดล้อมโดยภาพรวม

เชื่อว่าในที่สุดแล้วหากรัฐบาลนี้ยังอนุญาตให้ใช้พาราควอตต่อไป เราจะเห็นตลาดโลกบอยคอตสินค้าจากบริษัทยักษ์ใหญ่ หรือสินค้าจากประเทศไทย เพราะสินค้าเกษตรหลายประเภทขณะนี้ถูกต่อต้านเพราะมีการใช้สารพิษที่เป็นอันตรายต่อเกษตรกรและแรงงานรับจ้างในภาคเกษตร

มูลนิธิชีววิถี ระบุว่าการที่นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ 3 กระทรวงหาทางออกเหมือนกับการวนกลับมาที่เดิม ทั้งๆที่กระทรวงสาธารณสุขและคณะทำงานสารที่มีความเสี่ยงสูง 4 กระทรวงหลักมีข้อสรุปให้แบนสารพิษนี้มาตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว การฝากความหวังให้กรรมการวัตถุอันตรายซึ่งมีผู้ที่ได้ผลประโยชน์ทับซ้อนและมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบรรษัทสารพิษเป็นผู้ตัดสินอนาคตของพาราควอต ย่อมคาดเดาได้ว่าพวกเขาจะเลือกตัดสินใจแบบใด รัฐบาลที่ไม่ทำหน้าที่ปกป้องประชาชน รัฐบาลนั้นไม่สมควรและไม่ชอบธรรมที่จะอยู่ในตำแหน่งที่เป็นอยู่

"ผลการประชุมของคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ ทำให้เราพึงระลึกว่าประชาชนต้องทำอย่างไรบ้าง เพื่อให้มีรัฐบาลและผู้บริหารประเทศที่มาจากกลุ่มบุคคลที่ปกป้องประชาชน ไม่ใช่ผลประโยชน์ของกลุ่มทุนจากสารพิษและกลุ่มทุนเกษตรรายใหญ่" มูลนิธิชีววิถี ระบุท้ายคำแถลง

สำหรับรายละเอียดที่ พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ วันนี้ (30 ม.ค.61) มติชนออนไลน์ รายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์  กล่าวว่า กรณีที่มีกลุ่มเกษตรกรออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกการนำเข้าสารพาราควอต รวมถึงมีการกดดันนักวิชาการที่เผยแพร่ผลวิจัยเรื่องนี้ ให้ลาออกจากมหาวิทยาลัยว่า ตนได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการปรึกษาหารือกันของกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งก็ต้องฟังเสียงจากทุกฝ่าย ทั้งเกษตรกรที่ยังมีปัญหาในเรื่องการกำจัดวัชพืช และฟังเสียงจากทางองค์การอาหารและยา (อย.) สาธารณสุข และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราจำเป็นต้องหาสารอื่นในการกำจัดวัชพืชมาทดแทน ซึ่งเรายังหาไม่ได้ ขณะเดียวกันเราก็ต้องเพิ่มมาตรการในการป้องกันว่าการใช้สารพาราควอต จะต้องทำอย่างไรจะให้เกิดความปลอดภัยในการป้องกันตัวเอง และใช้ไม่มากเกินไปจนเกินขีดความจำเป็น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราจำเป็นต้องสร้างการรับรู้ไปพร้อมกันด้วยระหว่างที่เรากำลังหาสารอื่นมาทดแทน
 
"ผมก็เป็นห่วงพี่น้องเกษตรกร และเป็นห่วงผู้บริโภคด้วย ก็อยู่ที่ว่าการใช้สารเหล่านี้จะใช้อย่างไร หากมีความจำเป็นต้องใช้อยู่ ซึ่งผมก็ให้เขาหาทางว่าจะลดการใช้สารเหล่านี้ได้อย่างไร ถ้าไม่นำเข้าจะใช้วิธีไหน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net