Skip to main content
sharethis

อุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น ปรับ 'ทนายอานนท์' 1,000 บ. ผิด พ.ร.บ.ชุมนุมฯ ฐานไม่แจ้งจัดการชุมนุมกิจกรรม 'ยืนเฉยๆ' ร้องปล่อย 8 แอดมินเพจ “เรารักพล.อ.ประยุทธ์” เจ้าตัวยันยื่นฎีกาต่อประเด็นจับกุมที่ไม่ชอบ พร้อมจ่อร้องศาล รธน.วินิจฉัยความชอบด้วยกฎหมายของ พ.ร.บ.ชุมนุมฯ ด้วย

อานนท์ (คนกลาง) ร่วมกิจกรรม 'ยืนเฉยๆ' เมื่อวันที่ 27 เม.ย.59

7 พ.ย. 2560 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า วันนี้(7 พ.ย.2560) ศาลแขวงดุสิตอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดี “ยืนเฉยๆ” ที่ อานนท์ นำภา ทนายความ ถูกฟ้องในข้อหาไม่แจ้งจัดการชุมนุม ตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 จากการทำกิจกรรม 'ยืนเฉยๆ' ที่วิคตอรี่พ้อยท์ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2559 เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัว แอดมินของแฟนเพจ “เรารักพล.อ.ประยุทธ์” ทั้ง 8 คน ศาลอุทธรณ์พิพากษาปรับ 1,000 บาท ตามศาลชั้นต้น

ผู้สื่อข่าวประชาไท สอบถาม อานนท์ เพิ่มเติมถึงแนวทางการต่อสู้คดี อานนท์ เปิดเผยว่า จะยื่นฎีกา ภายใน 1 เดือน

อานนท์ เปิดเผยอีกว่า จะฎีกาประเด็นการจับกุมที่ไม่ชอบ เพราะตนเห็นว่าการที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเจ้าหน้าที่รัฐสามารถจับกุมได้ทันทีโดยไม่ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558  คือขออำนาจศาลก่อน เป็นการตีความที่ทำให้ พ.ร.บ.ชุมนุมฯ เกี่ยวกับขั้นตอนการให้ยุติการชุมนุมไม่มีผลบังคับใช้ เป็นการตัดอำนาจศาลในการพิจารณาว่าการชุมนุมนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ รวมทั้งทีมทนายกำลังปรึกษาว่าจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของ พ.ร.บ.นี้ด้วย

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ว่า พิจารณาใน 2 ประเด็น คือการจับกุมตัว อานนท์ นั้นชอบด้วยกฎหมายแล้วหรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้จำเลยได้อุทธรณ์ว่าตามที่พยานตำรวจผู้จับกุมได้ให้การไว้ในศาลชั้นต้นว่าได้ทำการจับกุมจำเลยเพราะเห็น่วาเป็นความผิดซึ่งหน้า โดยไม่ได้มีการประกาศเตือนให้เลิกการชุมนุมและไม่ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่งเลิกการชุมนุมและไม่ได้ประกาศให้พื้นที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ควบคุมก่อน จำเลยจึงเห็นว่าการปฏิบัติงานของตำรวจไม่ได้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ชุมนุมฯ มาตรา 21, 23 และ 24 และการแจ้งสิทธิและข้อกล่าวหาแก่จำเลยยังทำที่สน.พญาไทหลังการจับกุมแล้ว จึงเป็นการปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 วรรคสองอีกด้วย โดย ประเด็นนี้ศาลพิจารณาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดซึ่งหน้าการจับกุมของเจ้าหน้าที่จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว

ประเด็นต่อมาการที่จำเลยอุทธรณ์ในประเด็นการตรา พ.ร.บ.ชุมนุมฯ นั้นไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญแต่ยังไม่ได้ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเนื่องจากเห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2557 เป็นเพียงฉบับชั่วคราว และการจัดกิจกรรมของจำเลยเป็นไปโดยสงบและเป็นการแสดงความคิดเห็นที่ได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง(ICCPR) และพ.ร.บ.ชุมนุมฯ เป็นกฎหมายที่ตราขึ้นเพื่อจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก

อีกทั้งตามเจตนารมณ์ของกฎหมายยังให้การแจ้งจัดการชุมนุมก่อนการชุมนุมยังเป็นไปเพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองความสะดวกและรักษาความปลอดภัยของประชาชนแต่พยานฝ่ายโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเบิกความว่าทราบจากเฟซบุ๊กของจำเลยว่าจะมีการจัดชุมนุมแล้วและได้มีการจัดกำลังมาในที่เกิดเหตุ แต่ไม่ได้มาเพื่อการดูแลความสะดวกแก่ประชาชน กลับกลายเป็นการมาเพื่อจับกุมจำเลยไม่ให้ชุมนุม จึงเป็นการขัดขวางและจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของจำเลยและประชาชน

ศาลพิจารณาว่าหากจำเลยเห็นว่ากฎหมายไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญก็ต้องไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้วินิจฉัยว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่และยังไม่มีการเพิกถอน พ.ร.บ.ชุมนุมฯ จึงยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ และในการตรา พ.ร.บ.ชุมนุมฯ ก็ออกมาโดยชอบแล้ว

ในส่วนของประเด็นอื่นๆ ที่จำเลยอุทธรณ์เป็นเพียงรายละเอียดปลีกไม่ได้เป็นสาระแก่การเปลี่ยนแปลงคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์จึงพิจารณาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

นอกจากคดีนี้ อานนท์ ยังถูกดำเนินคดีในลักษณะเดียวกัน จากกิจกรรม 'ยืนเฉยๆ' เมื่อวันที่ 19 เม.ย.59 เพื่อเรียกร้องให้ทหารปล่อยตัววัฒนา เมืองสุข ที่ถูกคุมตัวในค่ายทหารขณะนั้น อานนท์ ถูกดำเนินคดีด้วยข้อหาเดียวกัน  ต่อมาศาลพิพากษาปรับ 1,000 บาท และ อานนท์ได้ยื่นอุทธรณ์ไปนั้น ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ 21 ธ.ค.นี้ 

 
สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net