Skip to main content
sharethis

กำนัน ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว ชี้แจงกรณีสื่อลงข่าวหาว่าถูก จนท.อุทยานยึดไม้เถื่อน 29 ท่อน ยืนยันไม่มีไม้เถื่อน ภาพในสื่อเป็นเหตุการณ์พื้นที่อื่น - ส่วนที่ดิน 22 ไร่ที่ถูกหาว่าบุกรุกนั้น ยืนยันเป็นที่ทำกินดั้งเดิม - ขณะที่ก่อนหน้านี้ชาวบ้านโป่งอางเคยค้านแผนสร้างอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทานหวั่นท่วมหมู่บ้าน และเมื่อปี 58 สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ร่วมกับ คณะกรรมการหมู่บ้านเพิ่งสำรวจพื้นที่-รังวัดให้ชาวบ้าน 93 รายตามมติคณะรัฐมนตรีปี 41 ก่อนเจอ จนท.อุทยาน เข้าพื้นที่ทวงคืนผืนป่า

ภาพจากข่าว “ป่าไม้สนธิกำลังตรวจสอบผู้นำชุมชนบุกรุกป่าอนุรักษ์” ในหนังสือพิมพ์เชียงใหม่นิวส์ออนไลน์ เมื่อ 24 พ.ค. 2559 โดยนำภาพข่าวตรวจยึดไม้สัก 29 ท่อน ที่ป่าห้วยจะค่าน ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ มาเป็นภาพประกอบข่าว เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ เข้าตรวจสอบพื้นที่บ้านโป่งอ่าง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ขณะที่ผู้ถูกพาดพิงซึ่งมีตำแหน่งเป็นกำนัน ต.เมืองนะ ระบุไม่มีการยึดไม้เถื่อน ไม่มีการแพ้วถางพื้นที่เพื่อเพาะปลูกพืช โดยพื้นที่ 22 ไร่ เป็นพื้นที่ทำกินดั้งเดิม

ภาพที่ถูกระบุว่าเป็นเหตุการณ์เหตุการณ์กับที่บ้านโป่งอ่าง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ต่อมาเมื่อมีการตรวจสอบจากเฟซบุ๊คของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ พบว่าเป็นภาพเหตุการณ์ตรวจยึดไม้สักท่อน 29 ท่อน ที่ป่าห้วยจะค่าน ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นคนละสถานที่ (ที่มา: เฟซบุ๊คนายผณินทร์ ทับกล่ำ, 24 พ.ค. 2559)

ภาพเหตุการณ์ตรวจยึดไม้สักท่อน 29 ท่อน ที่ป่าห้วยจะค่าน ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นคนละเหตุการณ์กับที่บ้านโป่งอ่าง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ที่มา: เฟซบุ๊คนายผณินทร์ ทับกล่ำ, 24 พ.ค. 2559)

เหตุการณ์ตรวจพื้นที่บ้านโป่งอาง ตำบลเมืองนะ จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณอุทยานแห่งชาติผาแดง (ที่มา: เฟซบุ๊คนายผณินทร์ ทับกล่ำ, 23 พ.ค. 2559)

 

กรณีที่เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์เชียงใหม่นิวส์ ได้ลงเนื้อหาข่าวว่า “ป่าไม้สนธิกำลังตรวจสอบผู้นำชุมชนบุกรุกป่าอนุรักษ์” ระบุว่า “เจ้าหน้าที่ป่าไม้สนธิกำลังตรวจสอบผู้นำชุมชนบุกรุกป่าอนุรักษ์ พบพื้นที่ถูกแผ้วถางปลูกพืชกว่า 22 ไร่ ด้านเจ้าตัวอ้างสิทธิ์เป็นผู้ถือครองระบุว่าเจ้าหน้าที่ตรวจรังวัดให้แล้ว เจ้าหน้าที่เตรียมตรวจสอบข้อเท็จจริงดำเนินคดีตามกฎหมาย”

การออกตรวจและดำเนินคดีผู้กระทำผิดบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 07.00 .วันที่ 24 พค 59 โดยทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้นำโดย นายผณินทร์ ทับกล่ำ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ป่าสาละวิน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ได้ร่วมกันนำกำลังเข้าตรวจสอบในพื้นที่ บ้านโป่งอาง หมู่ที่ 5 .เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ภายหลังได้รับการร้องเรียนจากราษฎรในพื้นที่ว่า ทางกำนัน ต.เมืองนะ เป็นผู้บุกรุกป่าอนุรักษ์ในเขตหมู่บ้าน พื้นที่อุทยานแห่งชาติผาแดง”

ทางเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจฯ กรมอุทยาน ร่วมกับ จนท. สปป.3 ภาคเหนือ และเจ้าหน้าที่ทหารกองร้อยที่ 2 บก.ควบคุมที่ 1 มฉ.ที่ 4 ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่บุกรุกดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่า พื้นที่ดังกล่าวมีการครอบครองทั้งหมด 22 ไร่ นอกจากนี้ยังพบการดำเนินการแผ้วถางเพื่อเตรียมเพาะปลูกพืช ทางเจ้าหน้าที่้จึงได้ทำการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งได้ดำเนินการลงบันทึกหลักฐานในที่เกิดเหตุ เพื่อนำไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมกับได้รายงานให้ทางผู้บังคับบัญชาทราบต่อไป

ในเวลาต่อมา ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการตรวจสอบในพื้นที่อยู่นั้น ได้มีมีลูกชายกำนัน ต.เมืองนะ แสดงตัวและรับเป็นเจ้าของพื้นที่ดังกล่าว และอ้างว่าก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เชียงใหม่ มาตรวจรังวัดให้แล้ว อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจภาพถ่ายทางอากาศปี 2545 แล้ว ปรากฎว่ามีร่องรอยการทำกิน ประมาณ 5ไร่ ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดก็พบว่า ปัจจุบันครอบครองถึง 22 ไร่ ซึ่งถือเป็นการบุกรุก จึงได้ส่งเรื่องราวให้สำนักฯ 16 ตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง และตรวจยึดไม้เถื่อนอีก ที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว จากนั้นจึงได้ทำการบันทึกจับกุม ส่งให้กับพนักงานสอบสวน สภ.เชียงดาว เพื่อดำเนินคดี โดยมีไม้สัก ที่ทำการตรวจยึดไว้จำนวน 29 ท่อน” ทั้งนี้ ในภาพข่าวมีการลงภาพประกอบเป็นรูปการตรวจยึดไม้สักท่อนของกลางเป็นจำนวนมาก

ต่อมา นายพงษ์ศักดิ์ เสนาใจ กำนัน ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถูกพาดพิง กล่าวว่า รายงานข่าวดังกล่าวทำให้เขาเป็นผู้เสียหายหลายประเด็น โดยนายพงษ์ศักดิ์ชี้แจงว่า ในการเข้าตรวจค้นนั้นมีเพียงเจ้าหน้าที่ป่าไม้เท่านั้น ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทหารที่ปรากฎตามเนื้อหาของข่าวแต่อย่างใด และในการบุกเข้าตรวจค้นครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้ทางผู้เสียหายได้ชี้แจงข้อมูลแต่อย่างใด อีกทั้งเร่งรัดให้มีการดำเนินการภายในเวลาอันรวดเร็วซึ่งผิดปกติของวิธีการขอเข้าทำการตรวจค้น ที่ต้องขอเข้าตรวจค้นโดยให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย

ส่วนที่ระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวมีการครอบครอง 22 ไร่นั้น นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า พื้นที่ที่มีการครอบครองนั้นมีเพียงไม่กี่ไร่ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ทำกินดั้งเดิมมานานแล้ว และไม่มีการแผ้วถางพื้นที่เพื่อเตรียมเพาะปลูกพืชดังข้อความปรากฎตามข่าวแต่อย่างใด

ส่วนที่ระบุว่ามีการตรวจยึดไม้ 29 ท่อนนั้น นายพงษ์ศักดิ์ ชี้แจงว่า เป็นการเพิ่มประเด็นในข่าวเพื่อหวังผลให้ร้ายแก่ผู้เสียหายเพิ่มเติมโดยข่าวระบุว่า ในพื้นนั้นสามารถตรวจยืดไม้เถื่อนได้อีก จำนวน 29 ท่อนนั้น เป็นการนำภาพจากพื้นที่อื่น ซึ่งไม่ใช่สถานที่เดียวกับที่มีการดำเนินการเข้าตรวจค้น

กำนันตำบลเมืองนะ กล่าวว่า หนังสือพิมพ์ดังกล่าวลงข่าวที่บิดเบือนไปจากข้อเท็จจริงอย่างมาก ทำให้ประชาชนมีความเข้าใจผิดสร้างความสับสนให้กับผู้ที่รับรู้ข่าวสาร หากมีการแชร์ข้อมูลก็จะทำให้ผู้ถูกพาดพิงเสียหาย ทั้งนี้กำนันตำบลเมืองนะเรียกร้องให้มีการแก้ไขข้อมูลให้เป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย

ขณะเดียวกัน ในเฟซบุ๊คของ นายผณินทร์ ทับกล่ำ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ป่าสาละวิน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งเป็นหนึ่งในชุดปฎิบัติการทวงคืนผืนป่าในครั้งนี้ ได้มีการโพสต์ภาพท่อนสักของกลางที่ยึดไว้ได้ในพื้นที่อื่นไม่ใช่ที่บ้านโป่งอาง เมื่อ 24 พ.ค. 2559 โดยระบุว่า “ลุยพื้นที่ อช.ผาแดง ได้ร่วมทำงานกับเจ้าหน้าที่ อช.ผาแดงและเจ้าหน้าที่ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 335 แม่จา ได้ร่วมกันตรวจยึดพื้นที่ป่าถูกบุกรุกจำนวน 5-0-71 ไร่ ยึดไม้สักท่อนได้จำนวน 29 ท่อน ปริมาตร 3.51 ลบม. บริเวณป่าห้วยจะค่าน ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่”

ขณะที่ ในการตรวจสอบพื้นที่บ้านโป่งอาง เมื่อ 23 พ.ค. นายผณินทร์ บันทึกไว้ด้วยว่า “วันนี้ได้ร่วมทำงานกับเจ้าหน้าที่หน่วยปฎิบัติการพิเศษที่ 1 สปป.3 (ภาคเหนือ) เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติผาแดง และเจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมตรวจยึดคืนผืนป่า บริเวณป่าบ้านโป่งอาง ตำบลเมืองนะ จังหวัดเชียงใหม่ แหล่งต้นน้ำแม่ปิง กว่า 22 ไร่ อช.ผาแดง”

 

บ้านโป่งอ่างหวั่นถูกทวงคืนผืนป่า-ตั้งชุมชนมานานแต่ไร้เอกสารสิทธิ์

จากเหตุการณ์ตรวจสอบพื้นที่ทำกินและพื้นที่ป่าบ้านโป่งอางของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ และการนำเสนอของสื่อมวลชนดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านบ้านโป่งอาง เริ่มหวาดระแวงและหวั่นวิตกกันมากขึ้น กับปัญหานโยบายทวงคืนผืนป่าของรัฐบาล โดยพื้นที่บ้านโป่งอาง เป็นชุมชนที่มีทั้งชาวไทยพื้นราบ ชาวไทใหญ่ และชาวปกาเกอะญอ ตั้งถิ่นฐานนับร้อยปีก่อนมีอุทยานแห่งชาติผาแดง

ที่ผ่านมาชุมชนดังกล่าวมีส่วนร่วมอนุรักษ์พื้นที่ป่าต้นน้ำในเขตลุ่มน้ำห้วยหก ซึ่งเป็นสาขาย่อยของลุ่มน้ำปิงตอนบน โดยสมาชิกชุมชนยืนยันว่าน้ำที่ต้นน้ำปิงบริเวณบ้านเมืองนะ แกน้อย แห้งขอด แต่บริเวณป่าต้นน้ำของห้วยหก ซึ่งอยู่ระหว่างรอยต่อเทือกเขาดอยปุกผักกา ยังมีลำน้ำห้วยหกไหลลงสู่แม่น้ำปิงทางฝั่งตะวันตกของหมู่บ้าน โดยสภาพป่าฝั่งตะวันตกของหมู่บ้านยังคงความอุดมสมบูรณ์ของพรรณพืช พันธุ์สัตว์นานาชนิด ส่วนพื้นที่ป่าบริเวณรอบๆ หมู่บ้านจะเป็นป่าโปร่ง และมีการจัดสรรเป็นพื้นที่ทำกินของชาวบ้านมาช้านาน อย่างไรก็ตามชาวบ้านส่วนใหญ่ยังไม่มีเอกสารสิทธิที่ดินทำกิน มีเพียงการยืนยันหลักฐานการถือครองตามบรรพบุรุษ


บันทึกการตรวจพื้นที่ของเจ้าหน้าที่จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เมื่อ 7-8 มีนาคม 2558 มีการทำรังวัดและบันทึกร่วมกับคณะกรรมการหมู่บ้าน และรังวัดให้ชาวบ้าน 93 ราย

อนึ่งก่อนหน้านี้ ระหว่างวันที่ 7-8 มีนาคม 2558 เจ้าหน้าที่จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เคยเคยมาสำรวจรังวัดและทำบันทึกร่วมกับคณะกรรมการหมู่บ้าน เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี 30 มิ.ย. 2541 โดยมีการรังวัดให้ชาวบ้าน 93 ราย อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดเหตุชุดปฏิบัติการพิเศษเข้าพื้นที่ ก็มีการบันทึกว่าจะให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง

นอกจากนี้เมื่อปี 2554 กรมชลประทานได้เสนอโครงการอ่างเก็บน้ำแม่น้ำปิงตอนบน โดยชาวบ้านมีการคัดค้านโครงการดังกล่าว เนื่องจากเกรงว่าหากมีการสร้างอ่างเก็บน้ำบริเวณดังกล่าว หมู่บ้านจะต้องถูกอพยพออกไปทั้งหมดอีกทั้งน้ำจะท่วมผืนป่านับหมื่นไร่ซึ่งเป็นฐานทรัพยากรที่สำคัญของชาวบ้าน ทำให้กรมชลประทาน ยอมยุติโครงการเอาไว้ชั่วคราว จนกระทั่ง เกิดเหตุเจ้าหน้าที่อุทยานนำกำลังเข้าไปตรวจยึดคืนผืนป่าบริเวณบ้านโป่งอางและเจาะจงไปที่ ที่ดินทำกินของนายพงษ์ศักดิ์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นกำนันตำบลเมืองนะดังกล่าว

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net