วานนี้ (5 ม.ค.59) MGR Online รายงานว่า นายถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และแกนนำ กปปส. กล่าวถึงปัญหายางพาราตกต่ำที่กิโลกรัมละ 23-25 บาทว่า วันนี้ยางราคาตกต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เหลือ 4 กิโล 100 จนแกนนำชาวสวนยางนัดมารวมตัวที่บ้านตนใน จ.สงขลา เพื่อขอให้เป็นปากเสียงให้รัฐบาลแก้ไข หลังรัฐบาลนี้ออกกฎหมายยุบองค์การสวนยางและศูนย์วิจัยการยาง มาเป็นองค์การยางแห่งประเทศไทย ปรากฏว่าองค์กรใหม่นี้ยังไม่เคลื่อนไหวแก้ไขใด ๆ เลย บอร์ดชั่วคราวทั้ง 7 คนยังนั่งกินเงินเดือน จะขอให้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ ช่วย ก็เคยย่ำยีชาวสวนยางสวนปาล์ม ที่รับปากราคาปาล์ม กก.ละ 5 บาท ราคายางกก.ละ 60 บาท ก็ลอยแพชาวบ้าน จะหันหน้าพึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช นายกฯ ก็กลัวองค์การการค้าโลก (WTO) จะเอาผิด ตนเดินขบวนมีคดีติดตัว 10 คดีแล้ว จะเพิ่มอีก 2-3 คดี เพื่อช่วยชาวบ้านคงไม่ตาย
“พวกข้าราชการที่นั่งหอคอยงาช้างขอให้มีสำนึกรับใช้ประชาชน จากแม่ทัพ นายกองขึ้นมาเสวยอำนาจมาเป็นเสนาบดี ขอให้ก้มลงมาดูชาวบ้านบ้าง ขณะนี้ใกล้ฤดูปิดกรีดแล้ว หากรัฐบาลจริงใจแก้ไข ราคายางคงกระเตื้องสูงขึ้นแน่ จึงขอให้เห็นใจครอบครัวชาวสวนยาง เร่งแก้ไขพยุงราคาให้สูงขึ้น ไม่เช่นนั้นกฎหมายหรือประกาศ คสช.ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ชาวบ้านจะร่วมกันฉีกทิ้งและยอมติดคุกดีกว่าให้ลูกเมียต้องอดตาย” นายถาวร กล่าว
วันนี้(6 ม.ค.59) มติชนออนไลน์ รายงานความเห็นของนายถาวร ต่อกรณีการแก้ปัญหาราคายางตกต่ำด้วย โดย นายถาวรกล่าวด้วยว่า หน้าที่ของรัฐบาลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ รวมถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง จะต้องใช้ความรู้ความสามารถให้มากกว่าในช่วงปกติ ไม่ใช่ไปโทษเหตุการณ์ต่างๆ โดยหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่รัฐไม่เคยคิดจะนำมาใช้อย่างจริงจัง คือ การอาศัยความร่วมมือของประเทศผู้ผลิตยางรายใหญ่ 3 ประเทศ ซึ่งมีผลผลิตรวมกันมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ของผลผลิตยางทั้งโลก
โดยผลักดันให้ปัญหาราคายางตกต่ำเป็นปัญหาระดับภูมิภาคถือเป็นความเดือดร้อนร่วมกันของเกษตรกรชาวสวนยางทั้ง 3 ประเทศ คือ ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ซึ่งจะต้องแก้ไขปัญหาผ่านบริษัทร่วมทุนไทย มาเลเซียและอินโดนีเซีย (IRCo) ที่ดูแลโดยคณะกรรมการอำนวยการ (BoDs:Boards of Directors ) และคณะกรรมการกำหนดกลยุทธ์ (CSMO) ที่มีตัวแทนทั้งสามประเทศเป็นกรรมการโดยการควบคุมด้านนโยบายจากคณะกรรมการร่วมสภาไตรภาคียางพารา (ITRC) นอกจากนี้ รัฐมนตรีร่วมของ 3ประเทศ ได้ตกลงร่วมกันที่บาหลีเรียกว่าข้อตกลงบาหลี(Bali Declaration 2001) ที่ได้รับการรับรองถูกต้องตามกฎหมายผ่านทางรัฐสภาของทั้ง 3 ประเทศเรียบร้อยแล้ว ในสัดส่วนการร่วมทุน IRCo 4:3:2 (ไทย:อินโดนีเซีย:มาเลเซีย) มีสำนักงานอยู่ในกรุงเทพฯ และทราบกันอยู่แล้วว่าการตั้งบริษัทร่วมทุนนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นองค์กรบริหารจัดการราคายางพาราในตลาดโลกให้อยู่ในระดับที่เกษตรกรผู้ผลิตได้รับผลตอบแทนคุ้มการลงทุน ราคามีเสถียรภาพ
นายถาวร กล่าวว่า หากมีปัญหาราคายางตกต่ำ ทางบริษัทร่วมทุนฯ จะเข้าไปป้องกันแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำทันทีและไม่ผิดกฎ WTO โดยใช้ 3 มาตรการสำคัญ คือ 1.มาตรการการบริหารจัดการการผลิต 2.มาตรการการบริหารจัดการการส่งออก และ 3.กลยุทธ์ด้านการตลาด ดังนั้นไทยในฐานะเป็นผู้ผลิตยางพารารายใหญ่ที่สุดของโลกควรจะเป็นผู้เริ่มต้นหาความร่วมมือโดยทันทีเพื่อเรียกประชุมฉุกเฉิน และเสนอให้มีการระดมทุนนำเงินเข้ามาซื้อยางดูดซับออกจากระบบตามมาตรการกลยุทธ์ด้านการตลาดโดยทันที ซึ่งช่วงนี้กำลังเข้าสู่ปลายฤดูการกรีดยางและกำลังจะปิดกรีดอีกไม่กี่วันข้างหน้า ดังนั้น โอกาสที่จะผลักดันให้ราคาขยับขึ้นได้แน่นอน หากใช้มาตรการนี้ ราคายางจะปรับตัวสูงขึ้นเป็นผลดีต่อชาวสวนยาง เป็นการรับผิดชอบร่วมกันของ 3 ประเทศ เกิดความโปร่งใสในการดำเนินการ ประหยัดงบประมาณ และการดำเนินการภายใต้บริษัทร่วมทุนฯ
"ผมขอกราบวิงวอนท่านนายกฯ อีกครั้งหนึ่งอย่าปล่อยให้ชาวสวนยางทั่วประเทศทนไม่ได้ เพราะถ้าประชาชนทนไม่ไหว ก็จะถูกบังคับให้มาเคลื่อนไหว เช่น นัดประชุม ยื่นหนังสือเรียกร้อง ขึ้นมาประชุมกับรัฐบาล หรือ ปิดการกรีดยาง เอาน้ำยางมาราดถนน ซึ่งผมไม่กลัวจะโดนคดีอีกสัก 2-3 คดีก็ไม่เป็นไร เพราะเป็นเรื่องของปากท้อง อย่าไปกลัวทหาร เพราะพี่น้องจะอดตายอยู่แล้ว”นายถาวร กล่าว
รมว.เกษตรฯ รับยังไม่สามารถดันราคายาง 60 บาทได้ แนะชาวสวนยางมีอาชีพเสริม
วันเดียวกัน (6 ม.ค.59)
สำนักข่าวไทย รายงานมาตรการแก้ปัญหาราคายาง โดย พล.อ.ฉัตรชัย รมว.เกษตรฯ เปิดเผยว่า กรณีปัญหาราคายางพาราที่เกษตรกรชาวสวนยางยังประสบปัญหาราคาตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการตรวจสอบราคายางแผ่นดิบและยางแผ่นรมควันใน 3 พื้นที่ ได้แก่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสุราษฎร์ธานี พบว่าราคาเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 34-36 บาท
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าราคายางตกลงมาระยะหนึ่งแล้ว และการที่ราคายางพาราในประเทศตกต่ำนั้น แปรผันตามราคายางพาราทั่วโลกที่ลดลง รวมถึงได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวในระดับต่ำ แต่ภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจ ล่าสุดได้มอบหมายให้นางจินตนา ชัยยวรรณาการ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่พบปะและหารือร่วมกับเกษตรกรชาวสวนยาง เกี่ยวกับปัญหาและความต้องการของชาวสวนยางภายในสัปดาห์นี้ เพื่อนำมาพิจารณากำหนดเป็นแนวทางในการช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป
นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ จะนำนักธุรกิจเดินทางไปยังประเทศอินเดียและรัสเซีย เพื่อหาช่องทางการระบายยางพาราในสตอก รวมถึงเร่งรัดการใช้ยางพาราในประเทศ โดยให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงอุตสาหกรรมออกมาตรการการใช้ยางพารากับโครงการต่าง ๆ ของทั้ง 2 กระทรวง เพื่อให้ช่วยลดปริมาณยางในระบบ
ส่วนกรณีที่เกษตรกรเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือเกษตรกรเพื่อให้ราคายางปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่กิโลกรัมละ 60 บาทนั้น พล.อ.ฉัตรชัย ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่เบื้องต้นกระทรวงเกษตรฯ ได้ออก 8 มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางให้มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยสนับสนุนให้ชาวสวนยางมีอาชีพเสริมผ่านการปลูกพืชชนิดอื่นในพื้นที่ เป็นการสร้างรายได้ให้เเก่เกษตรกรเพิ่มเติม
เด็กๆ ส่ง ส.ค.ส.ถึง ประยุทธ์ ถาม 'เมื่อไหร่ราคายางจะขึ้น'
ขณะที่
ไทยรัฐออนไลน์ รายงานด้วยว่า ทางสำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้นำการ์ดอวยพร ส.ค.ส.จากเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ ที่ส่งอวยพรถึง พล.อ.ประยุทธ์ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ มาติดบอร์ดจัดแสดงที่บริเวณชั้น 1 ตึกบัญชาการ 2 ทำเนียบรัฐบาล เนื่องในวันเด็กแห่งชาติที่จะมาถึงในวันเสาร์ที่ 9 ม.ค.นี้ โดย ส.ค.ส.ที่ได้รับคัดเลือกมาจัดแสดง ที่น่าสนใจ อาทิ ส.ค.ส.จาก ด.ช.อาริฟ นักเรียนจาก โรงรียนบ้านตันหยง ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา จ.ยะลา ที่เขียนด้วยลายมือ พร้อมวาดภาพระบายสีประกอบ ระบุว่า "ปีใหม่ขอให้ท่านนายกฯ มีความสุข ร่างกายแข็งแรง จะได้มีแรงวิ่งและมีแรงทำงานครับ เมื่อไหร่ราคายางจะแพงขึ้นบ้างครับ สงสารพ่อแม่และชาวบ้านครับ เมื่อนายกฯ ไม่สบายขึ้นมา นายกฯ ก็กินยาเข้าไปนะครับ กินข้าวให้อร่อย และดูแลตัวเองด้วยครับ สวัสดีครับ รักนายกฯ ที่สุดในโลก"