Skip to main content
sharethis
แพทยสภา ชี้สถานพยาบาล เป็นพื้นที่สันติภาพ อันสงวนไว้รักษาผู้เจ็บป่วย ส.นักกฎหมายสิทธิฯ ย้ำใช้กระบวนการยุติธรรมตามปกติ อย่างโปร่งใส อังคณา หดหู่ แม้ในภาวะสงครามยังต้องคุ้มครองสถานพยาบาล จตุพร ย้ำไม่ว่าใครหน้าไหนทำก็ต้องถูกประณาม

 

22 พ.ค. 2560 จากเหตุระเบิดในช่วงสายวันนี้ (22 พ.ค.60) บริเวณที่เกิดเหตุเป็นห้องรับรองนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เกษียณอายุราชการ หน้าห้องวงษ์สุวรรณ ภายใน รพ.พระมงกุฎเกล้า ถนนราชวิถี กทม. จนมีผู้บาดเจ็บหลายราย นั้น

ล่าสุดมีหน่วยงานองค์กรต่างๆ ออกแถลงการณ์ประณามผู้ก่อเหตุจำนวนมาก ประกอบด้วย

แพทยสภา ชี้สถานพยาบาล เป็นพื้นที่สันติภาพ อันสงวนไว้รักษาผู้เจ็บป่วย

แพทยสภา ในฐานะองค์กรวิชาชีพแพทย์ ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ขอให้กำลังใจแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลทุกฝ่ายในการแก้ไขสถานการณ์ และดูแลรักษาผู้บาดเจ็บ

แพทยสภา ขอประณามความรุนแรงทุกชนิด ที่กระทำต่อสถานพยาบาล อันเป็นพื้นที่สันติภาพ อันสงวนไว้รักษาผู้เจ็บป่วย ถือว่าเป็นการกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรมที่วิญญูชน ไม่พึงกระทำ

ส.นักกฎหมายสิทธิฯ ย้ำใช้กระบวนการยุติธรรมตามปกติ อย่างโปร่งใส

สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์ ประณามเหตุระเบิดในโรงพยาบาล และเรียกร้องให้มีการค้นหาความจริงโปร่งใสและเป็นธรรม โดยระบุว่า สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน มีความห่วงกังวลต่อสถานการณ์ความรุนแรงดังกล่าว และมีความเห็นว่า 1. สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายเป็นสิทธิมนุษยชนที่สัมบูรณ์ ซึ่งถูกรับรองไว้โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 28 และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและการเมือง ดังนั้น ไม่ว่ารัฐหรือบุคคลอื่นใดก็ไม่อาจล่วงละเมิดสิทธิดังกล่าวได้

2. การใช้โรงพยาบาลเป็นเป้าหมายของการก่อเหตุรุนแรง เป็นสิ่งที่ขัดต่อหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ อันเป็นหลักการที่ได้รับการยอมรับในทางสากล โดยเฉพาะอนุสัญญาเจนีวาที่กำหนดหลักการมูลฐานสำคัญให้โรงพยาบาลเป็นเขตปลอดภัย การห้ามใช้โรงพยาบาล หรือสถานที่ที่มีเครื่องหมายกาชาดในทางที่ผิด หรือเพื่อประโยชน์แก่คู่พิพาทฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แม้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศดังกล่าวจะเป็นกติกาที่กำหนดไว้เพื่อใช้ในสภาวะสงคราม แต่ในความขัดแย้งรุนแรงโดยทั่วไปก็ควรเคารพหลักการดังกล่าวด้วยเช่นกัน

3. ในเหตุการณ์ความรุนแรงดังกล่าว รัฐจำเป็นต้องเร่งค้นหาความจริงที่เกิดขึ้นอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม ในกระบวนการค้นหา จับกุมหรือควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยว่ากระทำความผิดจำเป็นต้องเคารพหลักการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม ที่ถูกกำหนดในรัฐธรรมนูญและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและการเมือง ซึ่งกำหนดให้ห้ามจับกุมหรือควบคุมตัวบุคคลโดยอำเภอใจ ผู้ถูกจับกุมจะต้องได้รับแจ้งถึงเหตุผลในการจับกุม ได้รับแจ้งถึงข้อหาโดยพลัน และบุคคลที่ต้องหาว่ากระทำความผิดต้องได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานในการติดต่อกับทนายความและญาติ

สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน จึงมีข้อเรียกร้องต่อสถานการณ์ดังกล่าวดังต่อไปนี้ 1. ขอประนามการก่อความรุนแรงในพื้นที่โรงพยาบาล ไม่ว่าการกระทำดังกล่าวจะเป็นฝีมือของฝ่ายใดและมีวัตถุประสงค์อะไรก็ตาม 2. ขอให้ใช้กระบวนการยุติธรรมตามปกติในการค้นหาความจริงอย่างโปร่งใส และดำเนินการโดยเคารพหลักการพิจารณาคดีที่เป็นธรรมตามที่ระบุในรัฐธรรมนูญและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและการเมือง ด้วยความเคารพต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

อังคณา หดหู่ แม้ในภาวะสงครามยังต้องคุ้มครองสถานพยาบาล 

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงานความเห็นของ อังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ถึงกรณีเหตุระเบิดดังกล่าว โดย อังคณา กล่าวว่า ตนรู้สึกหดหู่ใจมาก เพราะรพ.พระมงกุฏฯ แม้จะเป็นสถานพยาบาลของทหาร แต่ก็ให้การรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทุกคนโดยไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ใช่รักษาเฉพาะแต่ทหารเท่านั้น จะบอกว่าการกระทำเหตุรุนแรงลักษณะเช่นนี้ หากเป็นการกระทำเพื่อฉลองครบรอบ 3 ปี ของ คสช. ก็ถือว่าเป็นการกระทำที่เลวร้ายมากเกินกว่าจะพูด เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมมาก เพราะโรงพยาบาลไม่ใช่สถานที่ของความขัดแย้ง แม้ในภาวะสงครามยังต้องคุ้มครองสถานพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และผู้บริสุทธิ์ด้วย 

"ขอประณามการใช้สถานพยาบาลเป็นที่ก่อเหตุร้าย ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บต่อผู้ป่วยและญาติที่มารับการรักษาจำนวนมาก การก่อเหตุในโรงพยาบาล ขัดกับกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ผู้ก่อเหตุจงใจกระทำการด้วยความเหี้ยมโหด ไร้มนุษยธรรม แม้ในพื้นที่ขัดแย้ง หรือสภาวะสงคราม คู่ขัดแย้งก็ไม่สามารถใช้ความรุนแรงต่อสถานพยาบาล หรือบุคคลากรทางสาธารณสุข หรือละเมิดสิทธิในชีวิตและร่างกายของผู้บริสุทธิ์ได้" อังคณา กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม ขอให้กำลังใจกับบุคคลกรทุกคนของรพ.พระมงกุฏ ขอให้เจ้าหน้าที่เร่งนำตัวผู้กระทำผิดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว

ชมรมแพทย์ชนบท ประณาม

ชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ด้วยว่า การวางระเบิดในพื้นที่สาธารณะที่ส่งให้ประชาชนทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องบาดเจ็บล้มตายนั้นถือว่าไร้มนุษยธรรมแล้ว การวางระเบิดในโรงพยาบาลนั้นไร้มนุษยธรรมยิ่งกว่า ชมรมแพทย์ชนบทขอประณามผู้จงใจก่อเหตุในครั้งนี้ และรวมถึงการก่อเหตุทุกกรณีที่เอาชีวิตประชาชนมาเป็นเครื่องมือในการหวังผลใดๆ และขอเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลพระมงกุฏในการทำหน้าที่ดูแลสุขภาพผู้ป่วยอย่างมุ่งมั่นต่อไป

ภาพจากเฟซบุ๊ก ชมรมแพทย์ชนบท

จตุพร ย้ำไม่ว่าใครหน้าไหนทำก็ต้องถูกประณาม

คมชัดลึกออนไลน์ รายงานว่า  จตุพร พรหมพันธ์ ประธานนปช. กล่าวถึงเหตุระเบิดดังกล่าวว่า เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องที่คนไทยสมควรประณามผู้ก่อเหตุ โรงพยาบาลเป็นสถานที่ไม่ควรก่อเหตุ แม้แต่ในสงครามสถานที่มีเครื่องหมายกาชาด ยังได้รับการละเว้น เจ้าหน้าที่บ้านเมือง เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงควรไปตรวจดูกล้องวงจรปิด หาหลักฐาน นำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย จากเหตุการณ์ที่หน้ากองสลาก หน้าโรงละครแห่งชาติ คนก็เคลือบแคลง แล้วมาเกิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎอีก ซึ่งเป็นโรงพยาบาลของกองทัพ

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ หากมีการเชื่อมโยงมายังกลุ่มเสื้อแดง จตุพร กล่าวว่า ใครก็ตามไม่ว่าหน้าไหนที่ก่อเหตุต้องได้รับการประณาม เราต้องวิเคราะห์ว่าเหตุที่เกิดเป็น ฝีมือมนุษย์หรืออุบัติเหตุ หากเป็นฝีมือมนุษย์ถือว่าอำมหิตมาก ไม่กลัวถูกเชื่อมโยง เพราะเราไม่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เป็นผลดีกับใคร เป็นผลเสียต่อประเทศ ดังนั้นต้องทำความจริงให้ปรากฏ หาคนผิดมาลงโทษให้ได้
 

ฮิวแมนไรท์วอทช์ อัดเรื่องเลวร้ายและไม่มีความชอบธรรม

ฮิวแมนไรท์วอทช์ ระบุว่า การพุ่งเป้าโจมตีสถานพยาบาลของกองทัพบกเป็นเรื่องเลวร้ายและไม่มีความชอบธรรม

“การวางระเบิดที่โรงพยาบาลเป็นการปฏิบัติมิชอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง แสดงให้เห็นการไม่คำนึงถึงชีวิตมนุษย์อย่างสิ้นเชิง” แบรด อดัมส์ (Brad Adams) ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว “การวางระเบิดที่โรงพยาบาลไม่เพียงทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตของคนไข้และเจ้าหน้าที่พยาบาลเท่านั้น หากยังกระทบต่อการดูแลรักษาพยาบาลสำหรับคนอีกจำนวนมาก"

ทางการควรดำเนินการสอบสวนโดยพลัน อย่างไม่ลำเอียง และอย่างโปร่งใสต่อการระเบิดครั้งนี้ และประกันให้มีการเคารพสิทธิตามกระบวนการอันควรของกฎหมายอย่างเต็มที่
 
การระเบิดของไปป์บอมบ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นที่บริเวณหน้าโรงละครแห่งชาติที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. และบริเวณใกล้กับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ยังไม่มีผู้ใดอ้างความรับผิดชอบหรือไม่มีผู้ใดถูกจับกุมเนื่องจากการโจมตีทั้งสองครั้งนั้น .
 
“ทางการไทยควรประกันว่าผู้ที่รับผิดชอบต่ออาชญากรรมที่โหดร้ายเช่นนี้จะต้องถูกควบคุมตัวและเข้าสู่การพิจารณาของศาล” อดัมส์กล่าว “การเคารพสิทธิตามกระบวนการอันควรของกฎหมายของผู้ตกเป็นจำเลยต่อการโจมตีครั้งนี้ เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้เกิดความยุติธรรมต่อผู้เสียหาย และเพื่อป้องกันไม่ให้มีการโจมตีที่ชั่วร้ายเช่นนี้อีกในอนาคต” 
 

สมานฉันท์แรงงานไทย แถลงประณามผู้ก่อเหตุ

คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) ออกแถลงการณ์โดยระบุว่า  การกระทำในครั้งนี้เกินเลยขอบเขตที่มนุษย์จะกระทำกัน เป็นการกระทำที่ทั่วทั้งโลกไม่อาจยอมรับได้ ความรุนแรงในครั้งนี้ผู้ก่อเหตุมีเจตนาให้ความต้องการตนเองบรรลุผลแต่การกระทำที่เลวทรามต่ำช้ามิอาจที่จะทำให้เป้าหมายของผู้ก่อเหตุบรรลุได้มีแต่การถูกประณาม การเลือกที่ก่อเหตุในวันที่ 22 พ.ค. และจุดที่เลือกตามกระแสข่าวบอกว่าอาจจะมีนัยทางการเมืองบางประการที่ส่งสัญญาณไปถึงทหาร หรือ คสช.แต่ก็ไม่มีเหตุอันใดที่จะไปกระทำในสถานที่พยาบาลซึ่งเป็นสถานที่ปกป้อง ช่วยเหลือชีวิตมนุษย์ รวมทั้งที่อื่นๆด้วย และการก่อความรุนแรงก็ไม่อาจแก้ปัญหาใดๆได้
 
คสรท. ขอประณามผู้ก่อเหตุซึ่งมีพฤติกรรมเลวทรามต่ำช้าสามานย์ ขอให้ผู้บาดเจ็บได้รับการดูแลที่ดี หายจากอาการบาดเจ็บโดยเร็ว และขอให้รัฐบาลหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสืบสวนหาผู้กระทำผิดก่อเหตุมาลงโทษอย่างรุนแรงตามกระบวนการโดยเร็ว พร้อมทั้งวางมาตรการในการรักษาความปลอดภัยในจุดและพื้นที่เสี่ยงเพื่อให้เกิดความมั่นใจในความปลอดภัยแก่ประชาชน

แอมเนสตี้ชี้โจมตีโรงพยาบาลเป็นการกระทำที่โหดร้ายอย่างที่สุด

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประณามเหตุการณ์ดังกล่าว โดยชี้ว่าการโจมตีโรงพยาบาลเป็นการกระทำที่โหดร้ายอย่างที่สุด เพราะโรงพยาบาลถือเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่ต้องได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ว่าในความขัดแย้งหรือการสู้รบใดๆ

แอมเนสตี้ระบุว่าเหตุรุนแรงดังกล่าวต้องถูกสอบสวนอย่างอิสระ โปร่งใส และเป็นกลางทันที ผู้ก่อเหตุที่ลงมือหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำครั้งนี้ต้องถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรม เคารพสิทธิมนุษยชน และเป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศของไทย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net