ความยุติธรรมเกิดจากกระบอกไม้ไผ่

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

ไม่มีเหตุผลที่จะใช้อ้างในการจับกุมไผ่ ดาวดินแล้ว เนื่องจากพนักงานสอบสวนน่าจะได้ทำการสอบสวน สอบปากคำไผ่ ดาวดินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีเหตุผลความจำเป็นใดๆ ที่จะจับกุมตัวไผ่เอาไว้อีก

ภาพถ่ายโดย กันต์แสงทอง

ผมคิดอยู่นานว่าจะเอาอะไรมาเขียนถึงไผ่บ้าง เพราะมีหลายเรื่องเหลือเกินที่สามารถยกขึ้นมาพูดถึงไผ่ในเวลานี้ วันนี้ก็จะขอเล่าให้ฟัง สำหรับบางท่านที่อาจจะไม่ทราบว่าไผ่ ดาวดินคือใคร หรือบางท่านอาจจะเคยได้ยินแต่ชื่อแต่ไม่ทราบว่าเขาไปทำอะไรมาก่อน

ไผ่ ดาวดินหรือนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา เป็นชาวอำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ เป็นลูกของทนายอู๊ด ปัจจุบันเป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ร่วมกับเพื่อนๆ นักศึกษาในนามกลุ่มดาวดิน ออกมาทำกิจกรรมเพื่อสังคม เพื่อชาวบ้าน โดยมากมักจะเป็นกิจกรรมเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในชุมชน การเรียกร้องความเท่าเทียม การเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคนในสังคม และกิจกรรมสาธารณประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย โดยลงพื้นที่ร่วมกับชาวบ้าน ซึ่งหากจะยกมากล่าวก็คงจะยาวมาก

ไผ่เริ่มเป็นที่รู้จักของสังคมในวงกว้าง ในตอนที่เขาไปชูสามนิ้วต่อหน้านายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ตรวจราชการและประชุมคณะรัฐมนตรีที่จังหวัดขอนแก่น

นอกจากนี้ไผ่ ดาวดินและกลุ่มดาวดิน ก็ได้ร่วมกับนักศึกษากลุ่มอื่นๆ จัดกิจกรรมต่อต้านการทำรัฐประหารมาโดยตลอด อาทิเช่น ร่วมกับโรม รังสิมันต์ ก่อตั้งกลุ่มประชาธิปไตยใหม่(New Democratic Movement:NDM) แจกใบปลิวรณรงค์โหวตโนในการออกเสียงลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ ฯลฯ กระทั่งถูกจับกุม และถูกตั้งข้อกล่าวหาในทางการเมืองมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง คดีของไผ่ ดาวดินจึงจัดว่าเป็นคดีทางการเมือง และสถานะของไผ่ ดาวดินในขณะนี้ก็จัดได้ว่าเป็นนักโทษทางการเมือง ไผ่ถูกตั้งข้อหาและจับกุมตัวครั้งล่าสุดด้วยความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากกรณีการแชร์บทความของบีบีซีไทย

ไผ่ถูกจับกุมตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ 433/2559 จากความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งแจ้งความโดย พันโทพิทักษ์พล ชูศรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจากจังหวัดขอนแก่นก็ได้ไปตามจับกุมตัวไผ่จากขบวนธรรมยาตรา ที่อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ตำรวจก็ได้ขออำนาจศาลฝากขังโดยคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว แต่ทนายประจำตัวไผ่ก็ได้ยื่นคำขอปล่อยตัวชั่วคราว ศาลจังหวัดขอนแก่นมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยมีหลักประกันคือเงินสดจำนวน 400,000 บาท เมื่อไผ่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เขาก็ได้โพสต์ไปยังเฟสบุ๊คส่วนตัวว่า "เศรษฐกิจมันแย่ แม่งเอาแต่เงินประกัน" วันที่ 16 ธันวาคม 2559 พนักงานสอบสวนก็ได้ยื่นคำขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ศาลจึงได้ไต่สวนคำร้อง และมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ไผ่จึงต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำกลางจังหวัดขอนแก่น

อย่างไรก็ตามการติดคุกของไผ่ในครั้งนี้ ก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ คือว่า ไผ่มีสอบวิชาทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ในวันที่ 17-18 มกราคมนี้ ซึ่งทนายความของไผ่ก็ได้พยายามอุทธรณ์คำสั่งเพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ไปจนถึงชั้นศาลฎีกาแล้ว แต่ศาลฎีกาก็มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลล่าง แม้คำสั่งจะเป็นที่สุด แต่ก็ไม่ตัดสิทธิทนายในการที่จะยื่นคำขอเข้าไปใหม่ แต่ดูจากกรณีที่ผ่านมา คงเป็นการยากที่ศาลจะปล่อยตัวไผ่ ให้ออกมาสอบในครั้งนี้ ซึ่งผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติมากๆ ด้วยความเคารพต่อคำสั่งศาล แต่ผมก็ไม่เห็นด้วยที่ศาลจะสั่งกักขังควบคุมตัวไผ่เอาไว้ที่เรือนจำกลางจังหวัดขอนแก่น โดยอาศัยเหตุผลสนับสนุนดังต่อไปนี้

1. ไม่มีเหตุผลที่จะใช้อ้างในการจับกุมไผ่ ดาวดินแล้ว เนื่องจากพนักงานสอบสวนน่าจะได้ทำการสอบสวน สอบปากคำไผ่ ดาวดินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีเหตุผลความจำเป็นใดๆ ที่จะจับกุมตัวไผ่เอาไว้อีก

2. ไผ่ไม่เคยหนีหมายนัดรายงานตัวต่อศาล ทุกๆ ครั้งที่พนักงานสอบสวนหรือศาลเรียกตัวไผ่ไป เขาไม่เคยหนี เขาไปรายงานตัวตามนัดทุกครั้ง

3. ใผ่ไม่เคยผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว เงื่อนไขตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ที่ศาลใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนั้น ได้แก่ คดีมีอัตราโทษสูง ผู้ต้องหาหรือจำเลยมีพฤติการณ์หลบหนี ผู้ต้องหาหรือจำเลยมีพฤติการณ์ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เงื่อนไขตามกฎหมายมีเท่านี้ และไผ่ไม่ได้ทำผิดเงื่อนไขเหล่านี้ ส่วนเงื่อนไขห้ามโพสต์วิพากษ์วิจารณ์ศาล ไม่มี! เงื่อนไขห้ามถ่ายรูปกับศาลโพสท่าทางเลียนแบบตัวการ์ตูน ไม่มี! เงื่อนไขห้ามเย้ยหยันอำนาจรัฐ ไม่มี!เงื่อนไขให้ลบโพสต์ต้นเหตุของการกระทำความผิด ไม่มี! ถ้ามีก็จะไปผิดเงื่อนไขห้ามยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ฉะนั้น ตามความเห็นของผมไผ่ไม่ได้ผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวแต่อย่างใด

4. ที่ไผ่โพสต์วิพากษ์วิจารณ์ศาลไม่ใช่เหตุที่ศาลจะยกขึ้นมากล่าวอ้างในการเพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากถ้าศาลเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาล ศาลก็ย่อมมีอำนาจในการสั่งกักขังไผ่ฐานละเมิดอำนาจศาลเป็นอีกคดีหนึ่งต่างหากอยู่แล้ว มิใช่เหตุในการเพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เป็นเรื่องคนละประเด็นกัน

5. สิทธิของไผ่ในฐานะผู้ต้องหาหรือจำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ก็เป็นไปตามหลักสากลในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ก็คือ หลักที่ว่า"ปล่อยเป็นหลัก จับเป็นข้อยกเว้น"ถ้าว่ากันตามหลักนี้ตอนนี้ ไผ่ต้องอยู่ข้างนอก เว้นแต่จะมีเหตุอนุญาตให้จับกุมควบคุมตัวไผ่ได้ ซึ่งก็ไม่มีเหตุดังกล่าวแต่อย่างใด

6. การกักขังควบคุมตัวไผ่เป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญ เรื่องนี้ชัดเจนเพราะรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มีหลักคุ้มครองเป็นข้อสันนิษฐานว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าจำเลยกระทำผิดจริงตามฟ้อง และก่อนหน้าที่ศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามฟ้องนั้น จะต้องปฏิบัติต่อจำเลยหรือผู้ต้องหาในฐานะที่เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ จะปฏิบัติต่อเขาอย่างผู้กระทำความผิดมิได้ เว้ยเสียแต่ว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยนั้น เป็นผู้ดุร้ายซึ่งเห็นได้ประจักษ์ชัด ซึ่งไผ่ไม่ใช่แบบนั้น

7. ในการควบคุมตัวไผ่ในเรือนจำกลางจังหวัดขอนแก่น มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนของไผ่อย่างน่ารังเกียจ จับแก้ผ้า ตรวจทวารหนักเพื่อค้นหายาเสพติด ไผ่เป็นนักโทษในคดีการเมืองไม่ใช่นักโทษในคดียาเสพติด เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องตลก ไม่มีเหตุผลและความจำเป็นอย่างใดๆ นอกเสียจากว่าเป็นการกลั่นแกล้งผู้ถูกควบคุมตัว และยังเป็นการละเมิดผู้ต้องหาอย่างน่ารังเกียจอีกด้วย

8. การควบคุมตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยไว้ก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา เป็นการบังคับเสมือนรับโทษโดยที่ศาลยังไม่ได้มีการวินิจฉัยซึ่งความผิด เป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนต่อสาระสำคัญในสิทธิเสรีภาพ ของผู้ต้องหาหรือจำเลยอย่างร้ายแรง

9. ไผ่มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนเป็นกรณีพิเศษที่จะต้องออกมาสอบวิชาทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ หากศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว จนระยะเวลาความจำเป็นเร่งด่วนพิเศษผ่านพ้นไป จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่ออนาคตทางการศึกษาของไผ่ คือไผ่อาจจะไม่สำเร็จการศึกษาในระดับชั้นปริญญาตรี ศาลจะรับผิดชอบต่อความเสียหายนี้อย่างไรเมื่อศาลมีอำนาจที่จะปล่อยตัวชั่วคราวไผ่ได้ แต่กลับเลือกที่จะไม่ทำ

10. ศาลแสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้ชุมนุมโดยสงบเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวไผ่ อันเป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่ไผ่พึงได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย บทบาทการวางตัวดังกล่าวของศาล ย่อมไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ เชื่อถือ ในความเป็นกลางและความยุติธรรมที่ประชาชนพึงจะได้รับ ศาลไม่ควรทำตัวเป็นคู่พิพาทในคดีเสียเอง สิ่งต่างๆ ที่ผมได้ยกมากล่าวนั้น ล้วนเกิดจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏเป็นข่าวทั้งสิ้น หากมิให้คิดเป็นอื่น จะให้ผมเชื่อได้อย่างไรว่าความยุติธรรมนั้นจะเกิดขึ้นได้กับกระบอกไม้ไผ่ท่อนนี้ที่รอวันเข้าสู่ตะแลงแกงทางการเมือง ขอบคุณครับ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท