22 ก.ค.2559 กรมราชทัณฑ์ ออกเอกสารแถลงข้อเท็จจริง “กรณี ผู้ต้องขังเสียชีวิตภายในเรือนจำกลางสงขลา” ระบุว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2559 เวลาประมาณ 16.15 น. ผู้ต้องขังเรือนจำกลางปัตตานีก่อเหตุจลาจล มีการเผาทำลายอาคารสถานที่ภายในเรือนจำและรุมทำร้ายผู้ต้องขังด้วยกัน จนมีผู้เสียชีวิต ต่อมาเมื่อผลการเจรจาต่อรองไม่สำเร็จและกลุ่มผู้ต้องขังที่ก่อการจลาจลได้สร้างสถานการณ์ที่รุนแรงยิ่งขึ้น มีการนำเอาถังบรรจุแก๊สเชื้อเพลิงหุงต้มอาหารมาเตรียม เพื่อทำลายประตูเรือนจำฯ เจ้าหน้าที่จึงสนธิกำลังเข้าระงับเหตุ และเมื่อเหตุการณ์ยุติลง
จากการตรวจสอบพบศพผู้ต้องขังที่ถูกกลุ่มผู้ต้องขังที่ก่อเหตุจลาจลทำร้ายและเผาอยู่บริเวณกลางสนามจำนวน 1 ราย บริเวณอาคารที่ทำการฝ่ายควบคุม จำนวน 1 ราย และถูกเหล็กแหลมแทงเสียชีวิต อีก 1 ราย รวมเป็น 3 ราย สำหรับเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย
จากเหตุการณ์ดังกล่าว เรือนจำกลางปัตตานี ได้สืบสวนสอบสวนและทำการย้ายผู้ต้องขังที่เชื่อได้ว่าเป็นกลุ่มที่ก่อเหตุ ไปยังเรือนจำกลางสงขลา ทัณฑสถานบำบัดพิเศษสงขลา และเรือนจำอำเภอนาทวี เพื่อความสงบเรียบร้อยในการดำเนินงานของเรือนจำ
ต่อมาเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2559 กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานจาก เรือนจำกลางสงขลาว่า มีผู้ต้องขังที่ย้ายมาจากเรือนจำกลางปัตตานีเสียชีวิตที่สถานพยาบาลภายในเรือนจำฯ จำนวน 1 ราย คือ น.ช.อัซวีรา ดอเลาะ จากผลชันสูตรศพ พบว่าสาเหตุเนื่องมาจาก ไขมันอุดตันหลอดเลือดในปอด อันเป็นอาการแทรกซ้อนจากกระดูกขาขวาหัก
โดยข้อเท็จจริงพบว่าเรือนจำกลางสงขลาได้ตรวจร่างกายผู้ต้องขังดังกล่าวในเบื้องต้น ขณะที่รับย้ายมาจากเรือนจำกลางปัตตานี ซึ่งตรวจพบว่า น.ช.อัซวีรา มีร่องรอยฟกช้ำตามร่างกาย ซึ่งเกิดจากการจลาจล หากแต่ไม่พบบาดแผลที่มีเลือดออกจนเป็นเหตุให้ต้องไปรักษาตัวในโรงพยาบาลภายนอกแต่อย่างใด เรือนจำกลางสงขลา จึงให้ น.ช.อัซวีราพักรักษาตัวในสถานพยาบาลภายในเรือนจำโดยมีพยาบาลคอยเฝ้าสังเกตอาการ และในวันที่ 20 ก.ค. เวลาประมาณ 13.00 น. เจ้าหน้าที่พยาบาลจึงตรวจพบว่าเสียชีวิต ซึ่งเรือนจำกลางสงขลาได้ดำเนินการตามกฎ ระเบียบที่กำหนด โดยได้มีการชันสูตรพลิกศพจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ อัยการจังหวัด พนักงานสอบสวน แพทย์ และพนักงานฝ่ายปกครอง จาก สภ.เมืองสงขลา รวม 4 ฝ่าย มาร่วมกันชันสูตรพลิกศพ พบว่า สาเหตุการตายเนื่องจากไขมันอุดตันหลอดเลือด ในปอด อันเป็นอาการแทรกซ้อนจากกระดูกขาขวาหัก ซึ่งเรือนจำกลางสงขลาได้แจ้งให้ญาติของ น.ช.อัซวีราทราบ และพ่อแม่ของ น.ช.อัซวีรา ได้มาติดต่อขอรับศพ และไม่ติดใจ สงสัยในการเสียชีวิตดังกล่าว โดยได้รับศพไปประกอบพิธีตามหลักศาสนา และมีกรรมการมัสยิดดารุนนาอึม (32) อ.เมืองสงขลา มาเป็นสักขีพยานเรียบร้อยแล้ว
ที่มา สำนักข่าวไทย