'อภิสิทธิ์' ชี้ถอดถอน 'ยิ่งลักษณ์' ได้ในสถานการณ์พิเศษ แต่อย่าเอาเป็นบรรทัดฐาน

"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุถอดถอนอดีตนายกรัฐมนตรีได้ เพราะเป็นสถานการณ์การเมืองพิเศษ ไม่ใช่บรรทัดฐานการเมืองในอนาคต ชี้ คสช. ควรให้โอกาสนักการเมืองที่ถูกถอดถอนชี้แจงต่อสังคมแต่ต้องไม่ปลุกระดม
 
24 ม.ค. 2558 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติถอดถอน นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าทุกอย่างเป็นไปตามหลักฐานข้อเท็จจริง ซึ่งฝ่ายค้านได้ยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ ส่วนกรณีที่อดีตนายกรัฐมนตรีไม่ยอมรับผลการตัดสิน และระบุว่าเป็นขบวนการทำลายล้างการเมืองนั้น เป็นเรื่องปกติที่ฝ่ายกฏหมายของพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่สมัยเป็นพรรคไทยรักไทย จะแสดงความเห็นแนวทางนี้ ขณะเดียวกันปฏิเสธที่จะแสดงความเห็น กระแสข่าวพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) สั่งให้ สนช.สายทหารล็อบบี้ถอดถอน นางสาวยิ่งลักษณ์ เพราะไม่ทราบข้อเท็จจริง และเห็นว่าการถอดถอนอดีตนายกรัฐมนตรีได้ ยังไม่ใช่บรรทัดฐานการเมืองในอนาคต แต่เป็นเพราะการเมืองอยู่ในสถานการณ์พิเศษ
 
“แต่ถ้าวิเคราะห์จากการที่คะแนนถอดถอนท่วมท้น จากที่มีการประเมินในตอนแรก น่าจะเป็นเพราะคุณยิ่งลักษณ์ไม่ไปตอบคำถามและข้อมูลหลักฐานที่ประจักษ์ต่อสังคม”
 
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับ คสช. ที่ห้ามอดีตนายกรัฐมนตรีแถลงข่าว หลังถูกถอดถอนเพราะอาจเป็นการทำให้ สังคมอึดอัด แต่ขณะเดียวกันการแสดงความเห็นต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ไม่ใช่ปลุกปั่นทางการเมือง
 
พล.ต.สรรเสริญ ยืนยันนายกฯไม่ได้สั่ง สนช.ลงมติถอดถอน ยิ่งลักษณ์
 
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวไทยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่านายกรัฐมนตรีได้สั่งการไปยังสมาขิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้ลงมติถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง และที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้ระมัดระวังการแสดงความเห็นในลักษณะของการชี้นำ แต่จะให้การลงมติว่าไปตามข้อมูลและหลักฐานมากกว่า จึงเห็นว่าข่าวที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามของกลุ่มการเมืองที่ไม่หวังดีในการปล่อยข่าวสร้างข้อมูลเท็จในทางที่เสียหาย ทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดและพยายามสร้างความขัดแย้ง ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนใช้ดุลพินิจพิจารณาข้อมูลข่าวสารอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของขบวนการที่ไม่หวังดี
 
ขณะเดียวกัน ยังไม่พบความเคลื่อนไหวในการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายหลังจากที่ สนช.มีมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งภาพรวมยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้วิตกกังวลหรือสั่งการให้ติดตามในเรื่องใดเป็นพิเศษ
 
“สถานการณ์ภาพรวมเรียบร้อย ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจ การทำงานของทุกฝ่ายที่ต้องดำเนินการไปตามกฎกติกาและต้องการเห็นบ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย ขณะเดียวกันอยากให้ระมัดระวังในการนำเสนอข้อมูล หรือแสดงความคิดเห็นต่างๆที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง ไม่ว่าจะเป็นของกลุ่มการเมืองใดก็ตาม เพราะประเทศเพิ่งผ่านวิกฤติความขัดแย้งมา และการที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โพสต์ข้อความในเชิงยั่วยุก็เป็นการแสดงออกส่วนบุคคล ซึ่งเป็นธรรมดาของผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งเกิดขึ้นในฐานะของผู้เสียหาย ซึ่งรัฐบาลก็ติดตามอยู่ เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย ส่วนการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศก็สามารถขอมาตามกระบวนการได้ อย่างที่เคยปฎิบัติมา ซึ่งการจะอนุญาตหรือไม่อยู่ที่ คสช.จะเป็นผู้พิจารณา ”พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
 
ด้าน พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช.กล่าวถึงกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.มีมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า โดยส่วนตัวเคยทำงานร่วมกับทุกฝ่าย แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องการดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งอยากให้ทุกฝ่ายยอมรับกติกาและกฎหมายด้วย
 
ส่วนคำถามว่า การถอดถอนดังกล่าวจะทำให้บรรยากาศทางการเมืองกลับมารุนแรงมากขึ้นกลายเป็นอุปสรรคกับการทำงานของรัฐบาลหรือไม่นั้น พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ถ้าทุกฝ่ายคิดเหมือนตน คือยอมรับและปฏิบัติตามกฎหมาย สถานการณ์ก็ไม่มีอะไร
 
นายประชา เตรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็น สภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. ระบุว่า กรณีถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์จะไม่กระทบต่อการจัดเวทีของ สปช. ที่เป็นเรื่องของการปฏิรูปประเทศอีก 20 ปี ข้างหน้า ซึ่งเรื่องของการถอดถอนเป็รกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกเป็นเรื่องของเวทีการสร้างความปรองดองที่ กอ.รมน. จะเป็นผู้จัด ซึ่งจะต้องชี้ให้เห็นถึงความเที่ยงตรง และหลักนิติรัฐและนิติธรรม ชี้แจงให้ประชาชนเห็นถึงข้อมูลพยานหลักฐานรวมถึงข้อกฎหมาย ซึ่งตรงนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเวทีปฏิรูป
 
 
 
ที่มาข่าวเรียบเรียงจากสำนักข่าวไทย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท