พีมูฟ สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ และสมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูล รุมถามเมื่อไรถึง "จะทำตามสัญญา" พร้อมออกแถลงการณ์ ชี้รัฐต้องเคารพสิทธิชุมชน
17 ธ.ค. 2557 – วันนี้กลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสั
ที่รัฐสภา เวลาประมาณ 12.00 น. กลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสั
ที่จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (ส.ก.น) ได้ทำกิจกรรมเดินก้าวที่ 4 มายังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ และยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีผ่านศูนย์ดำรงธรรม เพื่อติดตามผลการเจรจา ซึ่งตัวแทนรัฐบาลรับปากว่าจะมีการทบทวนแผนแม่บทป่าไม้ พ.ศ.2557 ตามข้อเสนอของ สกน. และขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) แต่วันนี้ผ่านมา 1 เดือนแล้วยังไม่เกิดผลในทางปฏิบัติ อีกทั้ง เดินก้าวที่ 4 ไปยังมลฑลทหารบก 33 เพื่อยื่นหนังสือถึงหัวหน้า คสช.
ที่จังหวัดอุบลราชธานี กลุ่มสมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูล ราว 20 คน ได้เดินทางเข้ามาที่ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี และขอเข้าพบกับ เสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อขอให้ทางจังหวัดประสานกับ ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หลังจากที่ทางกลุ่มได้ยื่นหนังสือถึง ปนัดดา เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เพื่อขอให้มีการเจรจาแก้ไขปัญหาผลกระทบจากกรณีเขื่อนปากมูล แต่ปัจจุบันยังไม่ได้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหา หรือพูดคุยเจรจากันแต่อย่างใด พร้อมฝากคำถามไปยัง ปนัดดา ว่าจะสามารถเปิดการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาได้เมื่อใด
ขณะเดียวกันก็ได้มีการยื่นหนังสืออีกฉบับ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลไทยแสดงท่าทีในการคัดค้านให้ รัฐบาลลาว ชะลอการสร้างเขื่อนดอนสะฮอง เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อความหลากหลายของพันธ์ปลาในแม่น้ำโขงและแม่น้ำสาขา เพราะจะทำให้เส้นทางการเดินทางเพื่อวางไข่ และสืบพันธุ์ของปลาจะถูกปิดกั้นลง และถึงที่สุดจะส่งผลให้วิถีชีวิตของชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำเปลี่ยนแปลงไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่ชาวปากมูนเข้าไปยังศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อรอพบผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มีการเปิดห้องรับรองให้ชาวบ้านเข้าไปนั่งรอ แต่มีชาวบ้านพบว่าผู้ว่าฯ กำลังจะลงลิฟต์เพื่อออกจากตึก จึงได้เข้าไปสอบถาม และได้มีการตกลงกับชาวบ้านว่า จะให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับเรื่องไว้แทน เนื่องจากตนติดภาระกิจ
ภายหลังจากการพูดคุยกับ คันฉัตร ต้นเสถียร รองผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มีข้อตกลงว่าจะมีการประสานงานให้รัฐบาลรับทราบ และจะแจ้งความคืบหน้าภายใน 15 วัน
ขณะเดียวกัน เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา กลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสั
แถลงการณ์ฉบับที่ 6
รัฐต้องหยุด !!! เข่นฆ่า คุกคาม ชุมชนด้วยแผนแม่บทป่าไม้
ยืนหยัดเพื่อ “สิทธิชุมชน” หยุด “ปล้นที่ดินคนจน”
พวกเราขบวนการประชานเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P-move) เป็นส่วนหนึ่งของผู้ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติการของหน่วยงานรัฐภายใต้คำสั่ง คสช.ที่ 64 และ 66 / 2557 รวมทั้งแผนแม่บทการแก้ไขปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้ การบุกรุกที่ดินรัฐและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน พ.ศ. 2557 จากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ซึ่งได้เผชิญกับประสบการณ์อันโหดร้าย เจ็บปวด รวมถึงความสูญเสียที่ได้รับจากการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่รัฐที่กำลังพยายามทุกวิถีทางที่จะแย่งยึดแผ่นดินที่เราอยู่อาศัยทำกินมาแต่บรรพบุรุษ ด้วยการจับกุม ข่มขู่ คุกคาม ทำลายบ้านเรือนทรัพย์สิน และพืชผลอาสิน ของเราอยู่ตลอดเวลา
ภายใต้การต่อสู้เรียกร้องอันยาวนานของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม และองค์กรเครือข่าย พวกเราได้ข้อสรุปร่วมกันว่า ในท่ามกลางภาวะวิกฤติ ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับโลก อันเกี่ยวข้องกับการลดลงของทรัพยากรป่าไม้ การแย่งยึดที่ดินในนามของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และข้อกล่าวอ้างในการพัฒนา การก่อสร้าง และการผลักดันโครงการขนาดใหญ่เพื่อความเจริญของประเทศชาติ การแสวงหาผลกำไรสูงสุดของภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรมเกษตรขนาดใหญ่ การทำเหมืองแร่ การก่อสร้างเขื่อน การพัฒนาเมือง รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ฯลฯ ล้วนแล้วแต่ผลักไสให้คนจนและเกษตรกรรายย่อยต้องตกเป็นจำเลยของสังคมและเผชิญกับชะตากรรมอันเลวร้ายเพียงลำพัง
การปราศจากซึ่งรัฐธรรมนูญที่ให้ความเคารพและคุ้มครอง “สิทธิชุมชน” ส่งผลให้การปฏิบัติการตามคำสั่ง คสช. และแผนแม่บทดังกล่าว เป็นไปด้วยความรุนแรงและไร้ความปราณี ชุมชนเกษตรกรรายย่อย ชาวไร่ ชาวนา บนที่สูง ที่ราบ และชายฝั่ง หรือแม้กระทั่งคนจนเมืองต่างถูกกีดกัน ผลักดัน ให้อพยพโยกย้าย และละเมิดสิทธิในที่ดิน ทรัพยากร ชีวิต ทรัพย์สิน และอิสรภาพในชีวิต โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคอีสาน เราพบว่ามีชาวบ้านซึ่งเป็นผู้ยากไร้ถูกดำเนินคดีแล้วมากกว่า 300 คน ในข้อหาบุกรุก และอีกกว่า 1,700 ครอบครัว ที่ถูกประกาศยึดคืนพื้นที่ทำกิน และออกหมายเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหา และคาดว่าในเดือนมกราคม ถึงเดือน มีนาคม 2558 จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 35,000 ครอบครัว
การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่รัฐดำเนินไปอย่างเลือดเย็นและไร้ความเป็นธรรม การเลือกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมระหว่างชุมชนผู้ยากไร้กับนักลงทุน และผู้มีอิทธิพล
ผลกระทบจากแผนแม่บทฯและการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่รัฐ ในนามการหยุดยั้งการบุกรุกและการทวงคืน “ผืนป่า” อันเป็นแผ่นดินและถิ่นอาศัยของพวกเรา ได้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในชีวิต ทรัพย์สิน และการดำรงวิถีชีวิตอย่างปกติสุขของพวกเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็ก ผู้หญิง และคนชรา ชนเผ่า คนพื้นเมือง และชาติพันธ์ ที่อ่อนไหวเปราะบางต่อการอพยพโยกย้าย อันเนืองมาจากการไล่รื้อบ้านเรือน และยึดคืนผืนดินทำกิน
การดำเนินการดังกล่าวนอกจากส่งผลโดยตรงต่อวิถีการดำรงชีพ การประกอบอาชีพ แล้วยังส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจของคนจน รวมทั้งการดำรงอยู่ และการถ่ายทอดประเพณีวัฒนธรรมอีกด้วย
การข่มขู่ จับกุมคมขัง การใช้กฎหมายและวิธีการนอกกฎหมาย จากการปฏิบัติการนอกเหนือจากส่งผลสะเทือนต่อการปกป้องสิทธิมนุษยชนซึ่งเป็นคุณค่าสากล ขัดต่อหลักรัฐธรรมนูญในการปกป้องสิทธิของพลเมืองในประเทศแล้ว ยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลและความเชื่อมั่นต่อแนวทางการปฏิรูปและการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ที่รัฐบาลและสภาปฏิรูปแห่งชาติกำลังดำเนินการอยู่อีกด้วย
ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ซึ่งอยู่ในขบวนการต่อสู้ผลักดันให้เกิดการปฏิรูป การจัดการทรัพยากร ด้วยการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม การสร้างแนวคิด สิทธิ รูปแบบใหม่ในรูปแบบกรรมสิทธิ์ร่วม หรือโฉนดชุมชน เพื่อแก้ปัญหาที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน
เราขอเรียกร้องรัฐบาล สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติ และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ดังนี้
1.ยุติปฏิบัติการทั้งหมดที่ส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อชีวิต ที่อยู่อาศัย ทรัพย์สิน ของประชาชน และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างยุติธรรม ชะลอการดำเนินกระบวนการทางกฎหมายในคดีความอันเนื่องมาจากปฏิบัติการฯ
2.ระงับและทบทวนการบังคับใช้แผนแม่บท และจัดกระบวนการให้ผู้ได้รับผลกระทบมีส่วนร่วมในกระบวนการทบทวนและแก้ไขแผนแม่บทอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม
3.ในระดับนโยบาย ผลักดันให้บัญญัติสิทธิชุมชน รวมทั้งคุ้มครองสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดิน ป่าไม้ และทรัพยากรธรรมชาติไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน
4.ในเชิงกลไก ให้มีการทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับที่ดิน ป่าไม้ และทรัพยากรธรรมชาติ ปรับปรุงให้มีความทันสมัย และผลักดันกฎหมายที่ส่งเสริม คุ้มครอง การจัดการที่ดินโดยภาคประชาชน ได้แก่ พรบ.จัดเก็บภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้า , พรบ.จัดตั้งธนาคารที่ดิน และพรบ.สิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากร
ด้วยความเชื่อมั่นในพลังประชาชน
17 ธันวาคม 2557
ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.)
เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด (คปบ.)
เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ.)
สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ(สกน.)
สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้(สกต.)
เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง (คปสม.)
เครือข่ายสลัม 4 ภาค
เครือข่ายป่าชุมขนรอยต่อ5จังหวัดภาคตะวันออก
เครือข่ายปัญหาที่ดินเทือกเขาบูโด-สุไหงปาดี
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)