"คนที่ยิงคนในวัดปทุมวนาราม เรามีหลักฐานโยงถึงคนยิงทุกคน และตอนนั้นตำรวจก็อยู่ในวัดปทุมฯ ทำไมถึงไม่ออกมาปฏิบัติหน้าที่ ป้องกันเหตุร้าย และที่มีการถ่ายรูปทหารได้ ก็เป็นเพราะทหารคนนั้นไปยืนแอ๊คให้เขาถ่ายรูปเอง ผมทราบดีว่ามีใครอยู่เบื้องหลัง กลุ่มใด หนังสือพิมพ์รับเงินจากใคร ให้มาเขียนด่าผม"รายงานข่าวระบุถึงคำพูดของนายกรัฐมนตรี - “บิ๊กตู่ แฉรู้ดี สื่อไหนรับเงินมาเขียนด่า!!!,” เดลินิวส์, 4 ธ.ค.2557
ข้อความข้างต้นคือข้อความที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของทั้ง 6 คน ในวัดปทุมวนาราม ได้แก่ นายสุวัน ศรีรักษา1>, นายอัฐชัย ชุมจันทร์2>, นายมงคล เข็มทอง3>, นายรพ สุขสถิต4>, น.ส.กมนเกด อัคฮาด5> และนายอัครเดช ขันแก้ว6> อ่านแล้วพลันสงสัยว่าท่านมิได้ติดตามข่าว หรือผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านที่ได้เข้าร่วมฟังการไต่สวนการตายในคดีนี้ตลอดตั้งแต่ต้นจนถึงวันที่ศาลออกคำสั่งไม่ได้รายงานให้ท่านทราบเลยหรือว่าผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้สรุปเอาไว้ในคำสั่งศาลว่า
“ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของผู้ร้องและญาติผู้ตายทั้งหกคน อันประกอบด้วยประจักษ์พยาน พยานแวดล้อม และผู้เชี่ยวชาญต่างๆ แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ตายที่ 1 และที่ 3-6 ถึงแก่ความตายเพราะถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูง ขนาด .223 หรือ 5.56 มม. จากเจ้าพนักงานซึ่งเป็นทหารสังกัดกองพันจู่โจม กรมรบพิเศษที่ 3 ค่ายเอราวัณ จ.ลพบุรี ที่ประจำการอยู่บนรถไฟฟ้า และผู้ตายที่ 2 ถึงแก่ความตายเพราะถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูง ขนาด .223 หรือ 5.56 มม. จากเจ้าพนักงานซึ่งเป็นทหารสังกัดกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ ที่ประจำการอยู่บนถนนพระรามที่ 1” - “ศาลชี้คดี 6 ศพวัดปทุมฯ เสียชีวิตจากกระสุนความเร็วสูงของทหาร,” ผู้จัดการออนไลน์, 6 ส.ค.2556
อย่างไรก็ตาม กล่าวเฉพาะข้อสรุปของศาลอาจจะยังไม่เพียงพอ หากไม่กล่าวถึงข้อเท็จจริงในคดีนี้ซึ่งเป็น 1 ใน 2 คดีที่มีข้อเท็จจริงสมบูรณ์ที่สุด7> มีพยานเห็นเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก ไม่ได้มีเฉพาะผู้ชุมนุมด้วยกันเองแต่ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ, อาสากู้ชีพ, นักข่าวและช่างภาพต่างประเทศ ขึ้นให้การในศาล ในที่นี้จะขอกล่าวถึงข้อมูลจากการสืบพยานประกอบไปกับข้อสรุปในคำสั่งศาล หากผู้อ่านต้องการอ่านข่าวการสืบพยานในไต่สวนการตาย 6 ศพวัดปทุมวนาราม โดยละเอียดสามารถดูข่าวที่เกี่ยวข้องท้ายบทความนี้ซึ่งได้รวบรวมข่าวการสืบพยานเอาไว้เกือบทั้งหมดตั้งแต่ 8 ส.ค. 2555 ถึงวันที่ศาลอ่านคำสั่งไต่สวนฯ 6 ส.ค.2556
ภาพสุดท้ายของ อัฐชัย ชุมจันทร์
เริ่มจากการเสียชีวิตของนายอัฐชัย ชุมจันทร์(ผู้ตายที่ 2) ซึ่งถูกยิงบริเวณเกาะกลางด้านหน้าประตูทางเข้า วัดปทุมฯ ศาลสรุปเอาไว้ว่า ถึงแก่ความตายเพราะถูกกระสุนปืนความเร็วสูงขนาด .223 ของเจ้าพนักงานซึ่งเป็นทหารสังกัดกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ ที่ประจำการอยู่ถนนพระรามที่ 1 หน้าห้างสรรพสินค้าพารากอนเพื่อที่จะได้เป็นไปตามลำดับการเสียชีวิตที่เกิดขึ้น โดยกลุ่มพยานบุคคลทั่วไปที่จะกล่าวถึงได้แก่ ทิเบต พึ่งขุนทด อดีตการ์ด นปช. ณัฐธิดา มีวังปลา พยาบาลอาสา, ผุสดี งามขำ ผู้ชุมนุม นปช. คนสุดท้ายที่ออกจากแยกราชประสงค์, และสตีฟ ทิกเนอร์นักข่าวและช่างภาพชาวออสเตรเลีย
พยานปากนายทิเบต พึ่งขุนทด การ์ดผู้ชุมนุมเล่าว่า 17.00 น. พยานได้ยินเสียงทีวีที่เปิดอยู่ภายในวัด โดยโฆษก ศอฉ. ประกาศว่าสามารถไปขึ้นรถที่สนามกีฬาศุภชลาศัยได้ จึงปรึกษากับจักรพงษ์ พนาสิริวรภัทร์ และอัฐชัย ที่เพิ่งได้พบกันในวัดว่าจะกลับ จึงเดินออกจากวัดเพื่อเดินทางไปขึ้นรถที่สนามกีฬาฯ แต่เมื่อเดินไปจนเกือบถึงแยกเฉลิมเผ่าพยานได้พบกับทหารอยู่ที่ตอม่อรถไฟฟ้าประทับปืนเล็งมาทางที่พวกเขาอยู่จึงหันหลังวิ่งจะกลับเข้าไปในวัดอีกครั้ง ซึ่งขณะนั้นทหารก็ยิงไล่หลังมาด้วย ทิเบต จักรพงษ์และอัฐชัย ได้วิ่งไปหลบอยู่ที่ตอม่อรถไฟฟ้าบนเกาะกลางถนนหน้าวัดเพื่อรอให้เสียงปืนเงียบแล้วจึงวิ่งเข้าวัด เมื่อเสียงปืนเงียบลงแล้วทิเบตได้วิ่งนำเพื่อนข้ามถนนจากเกาะกลางไป โดยมีนายจักรพงษ์และอัฐชัยตามหลังมา แต่เมื่อทิเบตเข้าไปในวัดได้แล้วก็มีคนตะโกนบอกว่ามีคนถูกยิง จึงได้เห็นว่าอัฐชัยถูกยิงล้มลงที่เกาะกลางถนน โดยขณะนั้นมีเพียงเสียงปืนที่ดังมาจากทางแยกเฉลิมเผ่าเท่านั้น เมื่ออัฐชัยถูกยิงแล้วทิเบต จักรพงษ์และคนอื่นๆ จึงได้ไปช่วยเข้ามาในวัดและปฐมพยาบาล เขาได้อธิบายเพิ่มว่าขณะที่กำลังกลับเข้าวัดนั้นบนถนนพระราม 1 ไม่มีคนอื่นเหลืออยู่แล้วนอกจากพวกเขาที่ยังไม่ได้เข้าไปในวัด
http://www.lightstalkers.org/images/show/1074167
ภาพหลังจากนายอัฐชัยถูกยิงที่ด้านหน้าประตูวัดปทุมฯ ภาพโดย สตีฟ ทิคเนอร์ @Steve Tickner
ในขณะเกิดเหตุ ณัฐธิดา มีวังปลา พยาบาลอาสาที่ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับผู้เสียชีวิตอีกสามคนคือกมนเกด, อัครเดช และมงคล ได้เข้าช่วยเหลืออัฐชัย เล่าว่า เธอได้ยินเสียงปืนดังมาจากทางด้านแยกเฉลิมเผ่า เสียงปืนทำให้ผู้ชุมนุมที่อยู่ข้างนอกวัดวิ่งเข้าภายในวัด และได้เห็นนายอัฐชัยอยู่ที่บริเวณตอม่อรางรถไฟฟ้า ถูกยิงล้มลง เธอและอัครเดชจึงไปช่วยพาเข้าเต็นท์เพื่อปฐมพยาบาลโดยขณะนั้นกมนเกดไปเอาถังออกซิเจน หลังจากที่นายอัฐชัยเสียชีวิตแล้วพยานได้ถ่ายรูปนายอัฐชัยไว้และเข้าไปถามหาญาติที่สวนป่าในวัด
ส่วนผุสดี งามขำ ให้การสนับสนุนว่าวันที่ 19 พ.ค.2553 ขณะนั้นเวลาประมาณ 15.00 น. เศษ พยานได้เห็นเจ้าพนักงานเข้าควบคุมพื้นที่ทั้ง 4 ด้านล้อมรอบแยกราชประสงค์ไว้หมดแล้ว โดยเฉพาะบริเวณถ.พระราม 1 หน้าวัดปทุมวนาราม เจ้าพนักงานได้เข้าควบคุมพื้นที่บริเวณดังกล่าวไว้แล้วทั้งหมดเช่นเดียวกัน
http://www.lightstalkers.org/images/show/1074170
ภาพขณะที่ ณัฐธิดา มีวังปลา(คนซ้าย) และมงคล เข็มทอง(ขวา)
กำลังช่วยอัฐชัยหลังจากถูกนำตัวเข้าไปในวัดแล้ว
ภาพโดย สตีฟ ทิกเนอร์ @Steve Tickner
ยังมีพยานช่างภาพและนักข่าว ชาวออสเตรเลียชื่อสตีฟ ทิกเนอร์ เล่าว่าวันที่ 19 พ.ค.เขาได้มาที่บริเวณหน้าวัดปทุมวนาราม 17.46 น. เขาได้ยินเสียงปืนดังมาจากสยามพารากอนซึ่งคาดว่าจะเป็นเสียงปืนของทหาร เมื่อมีเสียงปืนดังขึ้นมีคนราว 20 คน วิ่งมาในลักษณะหลบกระสุนมาทางหน้าวัดแล้วเข้าไปในวัด ขณะนั้นตัวเขาเองอยู่บนถนนด้านหน้าวัดได้หันมองไปทางสยามพารากอนเห็นชายสวมเสื้อสีขาววิ่งมาทางวัดโดยไม่มีสัมภาระติดตัวเขามา ชายคนดังกล่าวได้วิ่งผ่านเขาไปและล้มลงจากการถูกยิงแต่ในจังหวะนั้นเขายังไม่ทราบว่าล้มลงไปเพราะอะไร แล้วชายคนนั้นได้ใช้มือยันตัวเองขึ้นแล้ววิ่งไปล้มลงที่ตอม่อรางรถไฟฟ้า เขาจึงถ่ายภาพเหตุการณ์เอาไว้ จากนั้นสตีฟพร้อมพระสงฆ์ 1 รูป(นายธวัช แสงทน) ได้ดูบาดแผลของชายเสื้อขาวคนดังกล่าวว่าสาหัสแค่ไหนพบว่ามีบาดแผลถูกยิงที่หน้าอกและมีเลือดออกเป็นจำนวนมาก ทั้งคู่จึงพยายามช่วยพาเขาเข้าไปภายในวัดเพื่อทำการปฐมพยาบาล สตีฟทราบภายหลังว่าชายคนนี้คืออัฐชัย ชุมจันทร์
ปากคำทหารและชายชุดดำล่องหน
ในส่วนพยานฝ่ายทหารที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้มาจากกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหาราบที่ 31 รักษาพระองค์(ร.31พัน. 2 รอ.) โดยมีผู้บังคับกองพัน คือ พ.ท.ยอดอาวุธ พึ่งพักตร์ และผู้ใต้บังคับบัญชา ได้แก่ ร.ท.พิษณุ ทัดแก้ว ส.อ.โสฬส ธีระวัฒน์ ส.อ.วราวุทธ ศักดิ์วงศ์ นายอรรนพ แสงแก้ว(อดีตพลทหารสังกัด ร.31พัน. 2 รอ.) ร.อ.พนม จันนินลา และจ.ส.อ.สมเกียรติ นิลกร พลทหารไกรสร เชื้อวัฒน์ โดยเจ้าหน้าที่ทั้งหมดจะมีปืนเล็กยาวทาโวร์ เป็นอาวุธปืนประจำกายพร้อมด้วยกระสุนปืนขนาด .223 หรือ 5.56 มม. และปืนลูกซอง
พ.ท.ยอดอาวุธ พึ่งพักตร์ เล่าว่าในวันที่ 19 พ.ค.2553 เขาได้รับคำสั่งจากผู้บังคับการ ร.31 ให้นำกำลังเข้าไปที่แยกปทุมวันตั้งแต่ช่วงเช้า ต่อมาเวลา 16.00 น. เศษ ได้จัดกำลัง 2 กองร้อย กองร้อยละ 80-90 คน เพื่อคุ้มกันชุดดับเพลิงให้เข้าไปดับเพลิงไหม้ที่โรงภาพยนตร์สยาม หน่วยของเขาเคลื่อนเข้าไปตามถ.พระราม 1 แบ่งไปตามสองฝั่งถนนเป็นแถวตอนลึกเข้าไป ส่วนชุดรบพิเศษจะเคลื่อนกำลังไปตามรางรถไฟฟ้าคอยคุ้มกันหน่วยของเขา โดยทั้ง 2 หน่วย จะเคลื่อนไปพร้อมกันและการสื่อสารถึงกันด้วยวิทยุสื่อสาร 17.00 น. เมื่อเคลื่อนไปจนถึงบริเวณสยามมีการยิงปืนและใช้ระเบิดมาที่ทหารมีทิศทางจากแยกเฉลิมเผ่ามาทางแยกปทุมวัน หน่วยของเขาจึงหลบที่หน้าสยามพารากอน และหน้าโรงหนังสยาม พ.ท.ยอดอาวุธ ซึ่งเดินตามหลังหน่วยของเขาที่เข้าก่อนฝั่งสยามพารากอนแล้วเดินไปจนถึงหน้าสุดของแถวทหาร จึงรู้ว่ามีการยิงมาจากทางด้านเฉลิมเผ่าขึ้นไปโดนสถานีรถไฟฟ้าสยามโดยทราบจากเสียงกระสุนที่ไปกระทบ ระหว่างที่มีการปะทะอยู่นั้นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาทั้งสองฝั่งถนนได้มียิงตอบโต้ ซึ่งหน่วยที่อยู่ฝั่งสยามพารากอนนั้นจะอยู่ห่างจากจากตอม่อที่แยกเฉลิมเผ่าราว 200 เมตร ซึ่งในระหว่างปฏิบัติการมีนักข่าวชาวฝรั่งเศส ชื่อ โอลิเวียร์ ร็อทรอย (Olivier Rotrou) ติดตามหน่วยของเขาเข้าไปด้วย
คลิปบันทึกภาพหน่วยของพ.ท.ยอดอาวุธขณะปฏิบัติหน้าที่บริเวณแยกเฉลิมเผ่า
จากไอดียูทูบของ โอลิเวียร์ ร็อทรอย
ร.ท.พิษณุ ทัดแก้ว ผู้ใต้บังคับบัญชาของพ.ท.ยอดอาวุธ เล่าว่าเมื่อได้เข้าไปในถ.พระราม 1 แล้ว เห็นชาย 2 คน ยืนอยู่ที่บริเวณขอบปูนกั้นเสาตอม่อรถไฟฟ้าบีทีเอสแยกเฉลิมเผ่า ได้ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงมาที่พยาน จึงใช้อาวุธปืนต่อสู้จำนวน 10 นัด ถูกที่ขอบปูนกั้น ซึ่งจุดที่ ร.ท.พิษณุกับ ส.อ.โสฬส พลทหารสมรักษ์ พลทหารไกรสร อยู่นั้นคือบริเวณหน้าสยามดิสคัฟเวอรี่ จะเห็นได้ว่าจุดที่ร.ท.พิษณุกับทหารอีก 3 นายอยู่นั้นเป็นฝั่งเดียวกับอัฐชัย และแนววิถีกระสุนที่ร.ท.พิษณุ ยิงไปก็อยู่ในแนวระนาบเดียวกับแนววิถีกระสุนปืนที่ยิงถูกอัฐชัย8> โดยเฉพาะพื้นที่ถ.พระราม 1 นั้นทั้งด้านซ้ายและด้านขวาตั้งแต่สนามกีฬาฯ จนถึงหน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอนไม่ปรากฎว่ามีบุคคลใดนอกจากเจ้าพนักงานซึ่งเป็นทหารหน่วยนี้ประจำการและเข้าไปควบคุมพื้นที่ถ.พระราม 1 ไว้ทั้งหมดแล้ว
ศาลได้สรุปข้อเท็จจริงในส่วนนี้ว่า การที่ ร.ท.พิษณุกล่าวว่าเห็นชายสองคนอยู่บริเวณขอบปูนกั้นของตอม่อรถไฟฟ้าบีทีเอสแยกเฉลิมเผ่าและได้ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงมาจุดที่เขาประจำการนั้น ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวันและมีผู้สื่อข่าวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเข้าไปทำข่าวเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่บันทึกภาพถ่ายของชายคนดังกล่าวมาแสดงซึ่งเป็นข้อพิรุธและสงสัย อีกทั้งถ้อยคำของ ร.ท.พิษณุ ยังขัดแย้งกับเจ้าพนักงานทหารในหน่วยเดียวกันและประจำจุดเดียวกันและไม่ไกลกัน โดยส.อ.สมพงษ์ จินดาวัตน์ ซึ่งประจำการอยู่ใกล้กับ ร.ท.พิษณุ ให้การว่าไม่มีบุคคลใดเคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณดังกล่าวแล้ว ไม่มีปลายกระบอกปืนพาดกับขอบตอม่อรถไฟฟ้า BTS พยานทั้ง 3 จึงไม่ได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงไปที่บริเวณดังกล่าว หากชาย 2 คนบริเวณดังกล่าวใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กับ ร.ท.พิษณุ ทัสแก้ว เจ้าพนักงานนายอื่นที่บริเวณดังกล่าวคงไม่ปล่อยให้ ร.ท.พิษณุ ใช้อาวุธปืนเพียงลำพังเพียงคนเดียวนานถึง 40 นาที จึงเชื่อได้ว่าการเสียชีวิตของนายอัฐชัยเกิดจากการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่จากการปฏิบัติการของหน่วย ร.31พัน. 2 รอ.
หากไม่พยายามช่วยคนอื่น พวกเขาอาจรอด
ในกรณีการเสียชีวิตภายในวัดของทั้ง 5 คนได้แก่นายสุวัน ศรีรักษา ซึ่งถูกยิงในบริเวณศาลาสินธุเสก, นายมงคล เข็มทอง ถูกยิงภายในเต็นท์หน้าสหกรณ์, นายรพ สุขสถิต, น.ส.กมนเกด อัคฮาดและนายอัครเดช ขันแก้วทั้ง 2 คน ถูกยิงภายในเต็นท์หน้าสหกรณ์ (ผู้ตายที่ 1 และที่ 3-6 ตามลำดับในคำสั่งศาล) จะเริ่มจากคำให้การตำรวจ 3 นาย ที่เห็นปฏิบัติการของทหารบนรางรถไฟฟ้าช่วงหน้าวัดปทุมฯ
ส.ต.ท.อดุลย์ พรหมนอก, ด.ต.สุชาติ ขอมปวน และ ด.ต.อานนท์ ใจก้อนแก้ว ให้การตรงกันว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 ทั้งสามได้รับคำสั่งปฏิบัติหน้าที่เป็นหน่วยปราบจลาจล กองกำลังสนับสนุน ซึ่งขณะเกิดเหตุเวลา 17.30น. พวกเขาอยู่บนดาดฟ้าชั้นที่ 12 อาคาร 19 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เห็นเหตุเกิดเพลิงไหม้ที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมทั้งได้ยินเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะบริเวณหน้าวัดปทุมฯ ตรงข้ามกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พวกเขาจึงใช้กล้องถ่ายรูปบริเวณรางรถไฟฟ้าบีทีเอสชั้น 1 และชั้น 2 บริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน้าวัดปทุมฯ เห็นเจ้าพนักงานบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งต่อมาใช้อาวุธปืนเล็งไปภายในวัด ในลักษณะเตรียมยิง โดยไม่มีเหตุการณ์ต่อสู้กับบุคคลใดๆ จากนั้นพวกเขาได้ยินเสียงปืนดังตรงจุดที่ทหารอยู่บนรางรถไฟฟ้า และไม่มีท่าทีของการหลบกระสุน
คลิปเหตุการณ์ทหารกำลังยิงเข้าในวัดปทุมวนาราม
ถ่ายไว้ได้โดย จ.ส.ต.สุชาติ ขอมปวน เจ้าหน้าที่ตำรวจ
ซึ่งขึ้นไปดูเหตุการณ์บนดาดฟ้าชั้นที่ 12 อาคารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
บนรางรถไฟฟ้ามีทหารทั้ง 8 นาย ได้แก่ พ.ท.นิมิตร วีระพงษ์(ขณะนั้นเป็นหัวหน้าชุดทหารรบพิเศษ ) จ.ส.อ.สมยศ ร่มจำปา ส.อ.เดชาธร มาขุนทด ส.อ.ภัทรนนท์ มีแสง ส.อ.สุนทร จันทร์งาม ส.อ.ญ.สาวตรี สีนวล(ไม่ได้ขึ้นให้การในศาล) ส.อ.ชัยวิชิต สิทธิวงษา ส.อ.วิทูรย์ อินทำ เจ้าพนักงานซึ่งเป็นทหารสังกัดกองพันจู่โจม กรมรบพิเศษ 3 ค่ายเอราวัณ จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 พวกเขาได้รับคำสั่งจาก ศอฉ.ให้ไปประจำบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส หน้าสนามกีฬาแห่งชาติ เพื่อคุ้มกันทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 31 กองพันที่ 2 รักษาพระองค์ ประจำบริเวณพื้นถนนพระรามที่ 1 ซึ่งพวกเขามีอาวุธประจำกายเป็นปืน M16 กระสุนที่ใช้มีขนาด .223 หรือ 5.6 มม.ซึ่งตรงกับเศษกระสุนที่พบในศพของทั้ง 5 คน ภายในวัด9>
ทหารที่อยู่บนรางรถไฟฟ้า ทั้ง 8 นาย นำโดยพ.ท.นิมิตรกับผู้ใต้บังคับบัญชาอีกหนึ่งนายประจำอยู่บนรางรถไฟฟ้าชั้นที่ 2 ส่วนผู้ใต้บังคับบัญชา ประกอบด้วย จ.ส.อ.สมยศ ส.อ.เดชาธร ส.อ.ภัทรนนท์ ส.อ.สุนทร ส.อ.เกรียงศักดิ์ ส.อ.ชัยวิชิต ส.อ.วิทูรย์ ซึ่งบนรางรถไฟฟ้าชั้นที่ 1 ได้เคลื่อนกำลังจากสถานีรถไฟฟ้าสยามเรื่อยไปจนถึงหน้าวัดปทุมฯ เวลา 18.00 น. จ.ส.อ.สมยศ ได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิง 4-5 นัด ไปที่บริเวณตอม่อรถไฟฟ้าบีทีเอส เกาะกลางถนนพระราม 1 และบริเวณกำแพงด้านนอกวัดปทุมฯ 1 นัด โดยอ้างว่าเห็นชายชุดดำบริเวณดังกล่าว ส.อ.เกรียงศักดิ์ ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงไปที่บริเวณที่สังเกตเห็นชายชุดดำยืนอยู่ จำนวน 14 นัด ส.อ.ชัยวิชิต ได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงขึ้นฟ้าจำนวน 4 นัด ส.อ.วิทูรย์ ได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงที่บริเวณตอม่อเสารถไฟฟ้าบีทีเอสหน้าวัดปทุมฯ 4-5 นัดและบริเวณท้ายรถยนต์ซึ่งจอดที่บริเวณลานจอดรถของวัด 1-2 นัด พร้อมทั้งตะโกนให้ออกมาจากใต้รถและถอดเสื้อ ส.อ.ภัทรนนท์ได้ใช้อาวุธปืนยิงที่บริเวณกำแพงด้านนอกของวัด ส.อ.เกรียงศักดิ์ได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงที่บริเวณพื้นถนนหน้าวัด 4 นัด
ส.อ.ภัทรนนท์ ได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงไปที่กำแพงด้านนอกของวัด ส.อ.เกรียงศักดิ์ได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงไปที่บริเวณพื้นถนนหน้าวัดจำนวน 4 นัด นอกจากนี้เมื่อพิจารณาภาพถ่ายและภาพเคลื่อนไหวแสดงให้เห็นว่าบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอสหน้าวัดปทุมวนารามไม่มีบุคคลใดอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวนอกจากเจ้าพนักงานซึ่งเป็นทหารสังกัดกองพันจู่โจม กรมรบพิเศษที่ 3 ค่ายเอราวัณ จ.ลพบุรี โดยมีพ.ท.นิมิตรกับผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้น เชื่อว่าพ.ท.นิมิตร วีระพงษ์ ประจำการอยู่บนรถไฟฟ้าชั้นที่สอง โดยมีส.อ.สมยศ ร่มจำปา ส.อ.เดชาธร มาขุนทด ส.อ.ภัทรนนท์ มีแสง ส.อ.สุนทร จันทร์งาม ส.อ.เกรียงศักดิ์ สีบุ ส.อ.ชัยวิชิต สิทธิวงษา ส.อ.วิทูรย์ อินทำ ประจำการอยู่บนรถไฟฟ้าบีทีเอสชั้นที่หนึ่งตั้งแต่สถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติ สถานีรถไฟฟ้าสยาม แยกเฉลิมเผ่าจนถึงหน้าวัดปทุมวนาราม รวมทั้งสะพานลอยทางเดินสกายวอล์คด้านล่างตั้งแต่รถไฟฟ้าบีทีเอสสยามเรื่อยมาจนถึงหน้าวัดปทุมวนารามเท่านั้น
ในส่วนของพยานอีกกลุ่มซึ่งมีทั้งผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บ นักข่าวและพยาบาลอาสา ที่ได้ให้การยืนยันถึงเหตุการณ์การเสียชีวิตที่เกิดขึ้นและยืนยันเรื่องไม่พบชายชุดดำหรือมีผู้ยิงตอบโต้กับทหารบนรางรถไฟฟ้าอย่างที่มีการกล่าวอ้างกันด้วย ได้แก่ ณรงค์ศักดิ์ สิงห์แม รับบาดเจ็บจากการถูกยิง, ณัฐธิดา มีวังปลา พยาบาลอาสา, ดวงใจ พวงแก้ว นักข่าวจาก นสพ. ท้องถิ่นในราชบุรี, สตีฟ ทิกเนอร์ นักข่าวและชางภาพชาวออสเตรเลีย
ณรงค์ศักดิ์ สิงห์แม ผู้ชุมนุม เล่าว่า เวลา 17.00 น. ขณะนั่งพักอยู่ภายในวัดบริเวณใกล้กับพระบรมสารีริกธาตุ (อยู่ฝั่งประตูทางเข้าของวัด) มีคนเดินผ่านเขาไปและบอกว่ามีทหารมาแล้ว แต่เขาคิดว่าวัดถูกประกาศเป็นเขตอภัยทานแล้วจึงถือว่าปลอดภัยแล้ว แต่เมื่อมองไปทางหน้าวัดแล้วมองขึ้นไปบนรางรถไฟฟ้าก็พบทหาร 6 นายประทับปืนเล็งลงมา และยิงลงมา ซึ่งพยานถูกยิงทั้งหมด 5 นัด นัดแรกเข้าที่หน้าอกแต่โดนเหรียญ 10 บาท ในกระเป๋าเสื้อข้างซ้าย นัดที่สองและสามโดนที่ท้อง นัดที่ 4 ถูกต้นขาซ้าย นัดที่ 5 เฉี่ยวโดนกระเป๋าที่สะพายเอาไว้ เขาจึงหลบลงไปใต้ท้องรถ ในขณะนั้นเขาได้เห็นนายบัวศรี ทุมมา ถูกยิงที่เท้า จึงพยายามคลานไปหลังรถ 10 ล้อ แล้วหยุดพักจากนั้นพยานได้คลานต่อไปจนถึงเต็นท์สังฆทาน ถึงมีคนมาช่วยโดยนำเอาเก้าอี้ชายหาดมายกตัวเขาออกไปจนถึงสวนป่าด้านหลัง
ณัฐธิดา มีวังปลา เล่าเหตุการณ์นี้ไว้ว่าหลังจากเหตุการณ์ของอัฐชัยแล้ว เธอ, กมนเกด อัครเดช และมงคล ได้กลับไปที่เต็นท์ด้านหน้าวัดอีกครั้งเพื่อเก็บอุปกรณ์การแพทย์เพื่อย้ายเข้าไปในสวนป่าขณะเดินออกมาก็มีกระสุนยิงตกกระทบที่พื้นข้างหน้าเธอ โดยระหว่างนี้ได้มีผู้บาดเจ็บเข้ามาขอความช่วยเหลือ 2 คน คือ กิตติชัย แข็งขัน ถูกยิงที่ฝ่ามือขวา หลัง และโคนขาขวา และบัวศรี ทุมมา ถูกยิงที่ส้นเท้า ขณะกมนเกด, อัครเดช และมงคล กำลังเก็บของอยู่ในเต็นท์พยาบาล ได้มีกระสุนสาดลงมา ขณะนั้นเธออยู่ห่างจากเต็นท์ไปราว 5 เมตร เธอเห็นกมนเกดคลานตะเกียกตะกายจะไปที่รถกระบะที่จอดอยู่ด้านท้ายของเต็นท์ แต่ยังไปไม่ถึงกมนเกดก็หมอบนิ่งไป นายมงคลนั้นไม่เห็นว่ามีการขยับตัว ส่วนอัครเดชยังเห็นขยับอยู่ ในระหว่างเกิดเหตุไม่มีใครสามารถเข้าไปช่วยได้เนื่องจากมีการยิงลงมาจากทหารบนรางรถไฟฟ้าตลอด เธอยืนยันจากการที่ได้เห็นว่ามีประกายไฟเมื่อกระสุนกระทบกับเสาเหล็ก เห็นพื้นปูนเป็นฝุ่นฟุ้งและเป็นหลุมจากการตกกระทบของลูกกระสุน และได้เห็นทหารบนรางรถไฟฟ้าด้วย 5 นาย และทหารบนรางรถไฟฟ้ามีการประทับปืนเล็งลงมาที่วัด ส่วนเธอยังหลบอยู่ที่กระถางต้นไม้ในบริเวณนั้นกับนักข่าวต่างประเทศชื่อแอนดรูว์(เธอไม่ทราบนามสกุล)10> ซึ่งขณะที่หลบอยู่นั้นนักข่าวได้ชันเข่าขึ้นมาทำให้ถูกยิงด้วย โดยที่เธอไม่พบเห็นหรือได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจากในวัด
ดวงใจ พวงแก้ว ให้การว่าขณะเกิดเหตุการณ์เธอได้ขึ้นไปหลบบนใต้หลังคากุฏิสินธุเสก ซึ่งจุดที่ขึ้นไปนั้นอยู่ด้านหลังป้อมจราจรแยกเฉลิมเผ่า ทำให้เธอได้เจอกับนายสุวัน (ศรีรักษา ผู้เสียชีวิตหนึ่งในหกราย) ซึ่งใส่เสื้อสีดำ มีผ้าพันคอ เธอยังได้คุยกับนายสุวันด้วย จากนั้นได้มีคนมาจุดไฟเผาป้อมจราจร ทำให้มีควันเข้าไปในที่ที่เธอหลบ ระหว่างนี้เธอเห็นว่ามีทหารวิ่งมาตามรางรถไฟฟ้าจากทางด้านสถานีสยามและได้ยินทหารบนรางรถไฟฟ้าตะโกนบอกทหารที่มาตามถนนด้านล่างว่า “ข้างล่างรักษาระยะประชิดกำแพง” หลายครั้ง และยังได้ยินเสียงรองเท้าคอมแบททำให้ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารมาตามแนวถนนด้วย จากนั้นเธอจึงลงมาจากหลังคากุฏิเนื่องจากมีควันจากป้อมจราจรทำให้ไม่สามารถหลบอยู่ต่อได้ ตอนที่ลงมานายสุวันยังอยู่บนต้นไม้ เมื่อลงมาแล้วจึงวนไปทางด้านหน้ากุฏิเพื่อมาที่รถซึ่งจอดเอาไว้ ขณะนั้นเธอได้มองขึ้นไปบนรางรถไฟฟ้าเห็นทหาร 3 คน อยู่บนนั้น จากนั้นทหารบนรางได้ยิงลงมาทำให้ต้องหลบเข้าไปในรถและหลบอยู่จนถึงราว 4 ทุ่ม จึงได้ออกมาจากรถ ระหว่างที่หลบอยู่นั้นเธอได้เห็นมีชายสองคนพาร่างคนบาดเจ็บออกจากทางข้างกุฏิไปซึ่งตอนนั้นพยานไม่ทราบว่าเป็นใครแต่คนที่ถูกพาออกไปแต่งกายเหมือนนายสุวัน และทราบในภายหลังว่าคนที่ถูกอุ้มออกไปคือนายสุวัน
สตีฟ ทิกเนอร์ก็ได้เล่าว่า หลังจากช่วยนายอัฐชัยเข้าไปในวัดแล้วเขาเข้าไปอยู่ภายในวัด จนถึงช่วงราว 6 โมงเย็น มีนักข่าวชาวอังกฤษชื่อนายแอนดรูว์ บันคอม ถูกยิงที่เอวที่บริเวณหน้าวัด ในขณะนั้นเขาได้ยินเสียงปืนดังอยู่บริเวณรอบนอกของวัดเข้ามาภายในวัดอยู่เรื่อยๆ คนที่อยู่ภายในวัดตกใจพยายามหลบและซ่อนตัว ซึ่งเขาได้ถ่ายภาพเหตุการณ์เอาไว้ด้วย เขาได้ยินเสียงปืนดังอยู่จนถึงราว 21.00 – 22.00 น. ภายหลังเขาได้ทราบว่ามีผู้เสียชีวิต 6 ราย ในช่วงที่เขาอยู่ภายในวัดเขาไม่พบกองกำลังติดอาวุธหรือชายชุดดำเลย คืนนั้นเขาได้พักอยู่ในศาลาหลังหนึ่งของวัด(ซึ่งเขาไม่ทราบชื่อของศาลา) จนถึงเช้าของวันที่ 20
ทหารให้การขัดแย้งกันเอง
กรณีเกี่ยวกับชายชุดดำนี้ นี้ศาลได้สรุปว่า จากตำแหน่งที่ทหารหน่วยนี้ได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงไปที่ประตูทางออกด้านในวัด บริเวณเต็นท์ด้านในวัด บริเวณกุฏิพระภายในวัดและกำแพงรั้วด้านนอกวัดบริเวณดังกล่าวอยู่ใกล้กับแนววิถีกระสุน ที่นายสุวัน, นายมงคล, นายรพ, น.ส.กมนเกด และนายอัครเดชถูกอาวุธปืนยิงถึงแก่ความตาย ส่วนจ.ส.อ.สมยศ ส.อ.เกรียงศักดิ์ ส.อ.ชัยวิชิต ส.อ.วิทูรย์ ส.อ.ภัทรนนท์ เบิกความว่ามีชาย 4 คนสวมชุดดำ ถืออาวุธปืนยาวบริเวณเสาตอม่อรถไฟฟ้าบีทีเอสด้านหน้าวัดปทุมฯ ยิงมายังเจ้าพนักงาน และมีชายสวมเสื้อสีขาวกางเกงลายพรางสวมหมวกไหมพรมถืออาวุธเอ็ม 16 หลบอยู่ข้างกุฏิวัดภายในวัด พร้อมเล็งมายังเจ้าพนักงานบนรางรถไฟฟ้าดังกล่าว จึงเห็นว่าขณะเกิดเป็นเวลากลางวันและบริเวณดังกล่าวมีผู้สื่อข่าวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาทำข่าวและบันทึกภาพเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่มีภาพถ่ายของชายชุดดำหรือบุคคลดังกล่าวมาแสดงแม้แต่ภาพเดียว ทั้งไม่ปรากฏว่ามีทหารได้รับบาดเจ็บหรือถึงแก่ความตายจากการยิงต่อสู้ นอกจากนี้ ส.อ.สุนทร จันทร์งามและส.อ.เดชาธร มาขุนทดได้ตอบทนายญาติผู้ตายว่า ขณะที่พวกเขาปฏิบัติหน้าที่ที่บริเวณดังกล่าวไม่มีภัยคุกคามเกิดขึ้นภายในวัดปทุมฯ จึงไม่ได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิง แสดงให้เห็นว่าถ้อยคำของทหารขัดแย้งกันเองทั้งที่ประจำการอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน ข้อกล่าวหานี้จึงไม่มีน้ำหนักที่จะเชื่อถือได้ว่ามีข้อเท็จจริงเช่นว่านั้น
จากข้อเท็จจริงดังกล่าวศาลจึงได้ระบุว่านายสุวัน, นายมงคล, นายรพ, น.ส.กมนเกด และนายอัครเดช ถึงแก่ความตายเพราะถูกกระสุนปืนของอาวุธปืนความเร็วสูงขนาด .223 หรือ 5.56 มม. จากทหารสังกัดกองพันจู่โจม กรมรบพิเศษที่ 3 ค่ายเอราวัณ ที่ประจำการอยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอสชั้นที่ 1 หน้าวัดปทุมวนาราม
แม้คำสั่งไต่สวนการตายจะเป็นเพียงกระบวนการเบื้องต้น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสำหรับกรณีนี้ เป็นคดีส่วนที่มีหลักฐานข้อมูลที่มีน้ำหนัก ชัดเจนมากที่สุดกรณีหนึ่ง กระทั่งแม้แต่ศาลเองยังไม่อาจให้น้ำหนักข้อกล่าวอ้างเรื่องชายชุดดำในวัดปทุมฯ ได้
ทั้งหมดนี้เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นแล้ว นายทหารพระธรรมนูญก็ติดตามอย่างใกล้ชิดจนยากที่จะเชื่อหูว่าจะมีวลีดังกล่าวออกจากปาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งในขณะนั้นก็เป็นรอง ผบ.ทบ.และอยู่ในส่วนคุมกองกำลังของ ศอฉ. ที่สำคัญ ที่ผ่านมา สังคมยังไม่เคยได้ยินคำตอบจากระดับผู้บังคับบัญชาแม้สักครั้งว่าได้มีคำสั่งหรือกระทำการสิ่งใดไปบ้างในเหตุการณ์ปี 2553
เชิงอรรถ
1> มีบาดแผลฉีกขาดรูปวงลีบริเวณไหล่ซ้ายด้านหน้า บาดแผลฉีกขาดรูปวงกลมบริเวณสะโพกด้านซ้าย บาดแผลฉีกขาดขอบไม่เรียบใกล้กับรูทวารหนัก บาดแผลฉีกขาดบริเวณต้นขาซ้ายด้านนอก บาดแผลฉีกขาดบริเวณขาหนีบด้านซ้าย บาดแผลฉีกขาดบริเวณโคนอวัยวะเพศ และบาดแผลฉีกขาดรูปวงรีบริเวณโคนข้อเท้าขวาด้านในและด้านนอก และหลังเท้า สาเหตุการตายเกิดจากบาดแผลกระสุนปืนทะลุปอดและหัวใจ เสียโลหิตปริมาณมาก พบเศษโลหะคล้ายหัวกระสุนปืนทองแดงบริเวณกล้ามเนื้อชายโครงด้านขวา ทิศทางซ้ายไปขวา บนลงล่าง หลังไปหน้าเล็กน้อย
2> มีแผลกระสุนปืนทะลุเข้าหลังด้านซ้าย ตัดซี่โครงซ้ายซี่ที่ 3 ด้านหลังเป็นแผลทางเข้าทะลุปอด ออกทางด้านหน้าทิศทางหลังไปหน้า แนวระดับ เมื่อดูทิศทางแล้วสันนิษฐานได้ว่าเป็นกระสุนปืนความเร็วสูง ไม่พบหัวกระสุนในศพ
3> มีบาดแผลฉีกขาดบริเวณต้นแขนซ้าย 2 แห่ง บาดแผลทะลุบริเวณทรวงอกด้านซ้าย สาเหตุการตายเกิดจากบาดแผลกระสุนปืนทำลายปอด หัวใจ และตับ พบเศษทองแดงในเสื้อ เศษตะกั่วเล็กๆ ในปอดและหัวใจ ทิศทางมาทางซ้ายไปขวา หน้าไปหลัง บนลงล่าง
4> มีบาดแผลทะลุบริเวณต้นแขนขวาด้านนอก บาดแผลต้นแขนขวาด้านใน และบาดแผลทะลุบริเวณทรวงอกด้านขวา บาดแผลถลอกบริเวณกว้างหน้าท้องด้านขวา โหนกแก้มขวา ใต้คางขวา ริมฝีปากซ้าย สาเหตุการตายเกิดจากบาดแผลกระสุนปืนทำลายปอด ตับ พบเศษทองแดง 2 ชิ้นบริเวณขั้วลิ้นลำไส้ ทิศทางขวาไปซ้าย หน้าไปหลัง บนลงล่าง
5> มีบาดแผลฉีกขาดบริเวณหลังด้านขวา บาดแผลฉีกขาดรูปวงรีบริเวณสีข้างด้านขวา สาเหตุการตายเกิดจากบาดแผลกระสุนปืนทำลายสมองและบริเวณศีรษะ ตรงฐานกระดูกด้านซ้ายมีรูแตก ทะลุสมองฉีกขาดเล็กน้อยและสมองใหญ่ซีกซ้ายมีเลือดออกเป็นแผล พบชิ้นส่วนโลหะคล้ายลูกกระสุนปืนลูกทองแดง ในกระโหลกศีรษะด้านขวา ทิศทางจากล่างขึ้นบน หลังไปหน้า
6> มีบาดแผลผิวหนังทะลุบริเวณก้นด้านขวา 2 แห่งทะลุถึงกัน บาดแผลทะลุบริเวณก้นด้านซ้าย บาดแผลผิวหนังทะลุหลังด้านซ้ายส่วนล่าง 2 แห่ง บาดแผลผิวหนังทะลุบริเวณต้นแขน ขวาด้านนอก บาดแผลฉีกขาดบริเวณไหล่ขวา บาดแผลฉีกขาดบริเวณใบหน้าด้านขวา บาดแผลฉีกขาดบริเวณโคนนิ้วชี้ซ้าย สาเหตุการตายเกิดจากเลือดออกใต้เยื้อหุ้มสมองชั้นนอก เนื้อสมองช้ำ จากการถูกแรงกระแทกเกิดจากบาดแผลกระสุนปืนทะลุเข้าไปในช่องปาก ถูกยิง 2 นัด
7> อีกสำนวนไต่สวนฯ เป็นของชาญณรงค์ พลศรีลา ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ทหารยิงเสียชีวิตที่ปั๊มเชลล์ ถนนราชปรารภ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2553 เนื่องจากมีประจักษ์พยานอยู่ในที่เกิดเหตุหลายคนและมีภาพถ่ายขณะผู้เสียชีวิตถูกยิงทำให้ระบุทิศทางของกระสุนได้
8> แนววิถีกระสุนนี้จากผลการตรวจศพของพล.ต.ต. พรชัย สุธีรคุณ แพทย์ผู้ผ่าพิสูจน์จากสถาบันนิติเวชวิทยา สตช. ว่ามีบาดแผลผิวหนังทะลุบริเวณทรวงอกด้านซ้ายส่วนบนเกิดจากกระสุนปืน ทิศทางหลังไปหน้า แนวตรง แนวระดับ
9> ในส่วนนี้มีปัญหาทางเทคนิกที่ทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่ากระสุนที่พบในศพทั้งหมดจะถูกยิงมาจากปืนที่ทางกองพิสูจน์หลักฐานได้รับจากดีเอสไอและพนักงานสอบสวน สน. ปทุมวัน ไปตรวจเป็นจำนวน 12 กระบอกหรือไม่ เนื่องจากกว่ากองพิสูจน์หลักฐานจะได้รับอาวุธปืนมาตรวจเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2553 และ 14 มี.ค. 2554 ซึ่งเป็นวันหลังจากเกิดเหตุเป็นระยะเวลานานจึงอาจจะเกิดการเปลี่ยนชิ้นส่วนภายในอาวุธปืนไปแล้ว ซึ่งรายละเอียดส่วนนี้มาจากคำให้การของ พ.ต.ท.ไพชยนต์ สุขเกษม กองสรรพาวุธ และ พ.ต.อ.พิภพ ไกรวัฒนพงศ์ กลุ่มงานผู้เชี่ยวชาญ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
10> จากการเล่าของเธอเมื่อเทียบกับข่าวของนายแอนดรูว์ บันคอมซึ่งถูกยิงจากเหตุการณ์เดียวกันนี้พบว่าเป็นคนๆ เดียวกัน “สัมภาษณ์ Mark Mackinnon ผู้สื่อข่าว The Globe and Mail ผู้อยู่ในเหตุการณ์วัดปทุมฯ,” ประชาไท, 27 พ.ค. 2553
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ไต่สวนการตาย 6 ศพวัดปทุม แม่น้องเกด-พี่ชายอาสาปอเต็กตึ๊ง เชื่อฝีมือทหาร
ไต่สวน 6 ศพวัดปทุม 2 พยานในเหตุการณ์คาดทหารยิง ไม่เห็นผู้ชุมนุมยิงต่อสู้
ไต่สวน 6 ศพวัดปทุมฯ พยานชี้ชุดพรางพยายามฆ่ายิงลงมาจากรางรถไฟ
เบิก 3 ประจักษ์พยานสำคัญ 6 ศพ วัดปทุมฯ ยันทหารยิงจากราง-ตอม่อ BTS
ศาลชี้ศพ4 'ดช.อีซา' จนท.ยิง! 'มาร์ค-เทือก'หนัก
ตร.มือถ่ายคลิปคนแต่งกายคล้ายทหาร บนราง BTS เข้าเบิกความคดี 6 ศพวัดปทุมฯ
3 ทหารหน่วยรบพิเศษบนราง BTS เบิกคดี 6 ศพ วัดปทุมฯ รับยิงกระสุนจริงเข้าวัด
ทหารรบพิเศษบนราง BTS เบิกความคดี 6 ศพวัดปทุม 2 ผู้ถูกยิงเบิกคดีพลทหารฯ 28 เม.ย.
รวมคำเบิกความทหาร เผยฉากยิงโต้ ‘ชายชุดดำ’ ใกล้วัดปทุมฯ ยันกระสุนไม่โดนใคร
ทหารอีก 2 ปากเบิกความ คดี 6 ศพวัดปทุม
ถึงคิว "เทพเทือก" อัยการเตรียมเบิกความ คดี 6 ศพวัดปทุมฯ
‘สุเทพ’ เบิกคดี ‘6 ศพวัดปทุม ย้ำไม่ได้สลายชุมนุม แต่กดดันให้เลิกไปเอง
ศาลนัดอ่านคำสั่งคดี 6 ศพ วัดปทุม 6 ส.ค.นี้
เปิดคำสั่งศาลโดยย่อ ทำไม ‘6 ศพวัดปทุมฯ เสียชีวิตจากทหาร’
รวมเอกสารการตรวจสถานที่เกิดเหตุจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
หมายเหตุ – สำนักข่าวที่ติดตามเรื่องนี้ต่อเนื่องเท่าที่สำรวจพบอยู่ 3 แห่ง ในที่นี้ใช้อ้างอิงเพียง 2 แห่ง (อีกแห่งคือวอยซ์ทีวีซึ่งผู้เขียนไม่ได้นำมาใช้อ้างอิง) เนื่องจากคัดเลือกเฉพาะสื่อที่ให้ข้อมูลการเบิกความในศาลที่ค่อนข้างละเอียด ครบถ้วน หากมีข้อข้องใจว่าอาจบันทึกไม่ตรง หรือเกรงว่ามี “สื่อที่ถูกจ้างมาโจมตี” ท่านสามารถขอเอกสารบันทึกคำให้การในศาลกับผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อใช้เปรียบเทียบได้
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)